อเมริกาใต้ ปะทะ ยุโรป ใครจะเป็นจ้าวลูกหนังโลก 2014

หลังจากต่อสู้กันมายาวนาน ตอนนี้ก็ได้ 4 ทีมสุดท้าย ที่จะเข้าไปชิงความเป็นจ้าวลูกหนังโลก 2014 กันแล้ว ซึ่งเป็นไปตามคาด โดยเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างพาเหรดเข้ารอบกันมากันครบ ไม่ว่าจะเป็น บราซิล เจ้าภาพ, เยอรมัน แชมป์โลก 3 สมัย, อาร์เจนตินา แชมป์โลก 2 สมัย และ รองแชมป์โลก 3 สมัย เนเธอร์แลนด์ จากทีมที่เข้ารอบมา สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ เป็นการดวลกันระหว่างตัวแทนทีมจากทวีปอเมริกาใต้กับทวีปยุโรป นั่นเอง 

โดยโปรแกรมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศครั้งนี้ จะเริ่มเปิดหัวโดย บราซิล เจ้าภาพ พบ “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน ในเวลา 03:00 น. ณ สนาม เอสตาดิโอ มิเนเรา เมือง เบโล-โฮริซอนเต ในวันที่ 8 กรกฎาคม ส่วนคู่ที่สอง จะเป็นการพบกันระหว่าง “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ พบกับ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา ณ สนาม อารีนา เดอ เซา เปาโล เมือง เซา เปาโล ในวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเราจะมาดูความพร้อมของทั้ง 4 ทีมอรหันต์ ว่ามีใครพร้อมกันมากน้อยแค่ไหน 

บราซิล

เริ่มกันที่ เจ้าภาพ ในครั้งนี้ อย่าง บราซิล ซึ่งมองว่า ต้องออกแรงกันเป็นพิเศษสุดๆ ในการพบกับกระดูกชิ้นโต อย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน เนื่องจากต้องสังเวยการบาดเจ็บและติดโทษแบน อย่าง เนย์มาร์ ดาราประจำทีม และ ติอาโก ซิลวา กัปตันทีมที่ติดโทษแบน นัดนี้พอดี อย่างไรก็ตาม ทางพลพรรคแซมบ้า ก็ไม่หวั่นไหวต่อการขาดหายไปของ 2 กำลังหลักดังกล่าว ดูว่า สปิริตและความมุ่งมั่นของทีม จะพุ่งสูงขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ซึ่งทาง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ต้องวางหมากให้รัดกุมที่สุด รวมไปถึง ความหวังสูงสุดที่มีอยู่ อย่าง ดาวิด หลุยส์ ผู้เล่นที่จะเป็นฮีโร ในเวลาคับขันได้ แทนที่การหายไปของ เนย์มาร์ 

เยอรมัน 

เป็นทีมที่คงเส้นคงวามากที่สุด ต่อ ทัวนาเมนท์ใหญ่ๆ แบบนี้ น่าจะมีความพร้อมสมบูรณ์ต่อการลงเกมตัดเชือกรอบนี้ ซึ่งบุเนเดสเทรนเนอร์ อย่าง โยอาคิม เลิฟ น่าจะใช้สูตรแนวรับที่มีลงตัวที่สุด เพื่อล็อคแนวรุกของ บราซิล ให้อยู่หมัด แบบที่เคยทำได้มาแล้วกับเกมที่เฉือนเอาชนะ ฝรั่งเศส 1:0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งแผงรับก็น่าจะเป็น ฟิลิป ลาห์ม, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เยอโรม บัวเต็ง และ เบเนดิกท์ ฮาเวเดส และ นายทวาร เป็น มานูเอล นอยเออร์ ส่วนแนวรุก ก็น่าจะเน้นๆ เป็นพิเศษ โดยน่าจะส่ง ลูคัส โพโดลสกี, โธมัส มุลเลอร์ และ มิโรสลาฟ โคลเซ ลงสนาม ตรงกลางน่าจะใช้งาน ซามี เคดิรา, บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ และ เมซุต โอซิล ลงบู๊ 

เนเธอร์แลนด์ 

พลพรรคอัศวินสีส้ม ในยุค หลุยส์ ฟาน กัลล์ ว่าที่กุนซือปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะใช้ 3 ประสานแนวรุกที่จัดจ้าน ลงขย้ำ แข้งฟ้าขาว อย่างแน่นอน อาทิเช่น เวสลีย์ ชไนเดอร์, อาร์เยน ร็อบเบน และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ส่วนแนวรับ น่าจะใช้งาน ทิม ครูล นายทวารจอมเซฟ ที่พา ฮอลแลนด์ เข้าถึงรอบนี้ ซึ่งผลงานของ ฮอลแลนด์ ในครั้งนี้ คอนข้างน่าตื่นตื่นใจสุดๆ ตั้งแต่รอบแรกที่อัด สเปน กระจุยกระจาย 5:1 รวมไปถึงเกมที่รวมพลังแซงเอาชนะ เม็กซิโก 2:1 ในช่วงท้ายเกม รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งหากรักษาฟอร์มแบบนี้ได้ มีโอกาสเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแน่นอน 

อาร์เจนตินา 

หลังจากฟันฝ่าอุปสรรคมาหลายรอบ แข้งอาร์เจนไตน์ ก็สามารถล้างอาถรรพ์ เข้าถึงรอบตัดเชือกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ด้วยการนำทัพโดย ลิโอเนล เมสซี หัวใจของทีม ซึ่งครั้งนี้ อาร์เจนตินา เตรียมความพร้อมมาได้อย่างดี ซึ่งผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถวิ่งตามสปีดบอลของ เมสซี ได้ทุกคนแล้ว แต่ต้องกลับมาเจอเรื่องกุมขมับ สำหรับ กุนซือฟ้าขาว อย่าง อเลฮานโดร ซาเบลลา ที่ต้องเสีย อังเคล ดิ มาเรีย และ เซร์คิโอ กุน อเกวโร ทำให้ต้องหาแข้งสำรองที่มีว่า ใครจะเล่นสปิดบอลที่ไล่ๆ กับ เมสซี ได้บ้าง เป็นโจทย์ที่ต้องเกาให้ถูกที่คัน เป็นการด่วน ไม่อย่างงั้นต้องอกหักในรอบนี้ไปเลยทันที 

โดยสรุปแล้ว หากจะมองกันตรงไปตรงมา แล้ว คู่ชิงชนะเลิศของเวิร์ลคัพหนนี้ น่าจะเป็น เยอรมัน พบ เนเธอร์แลนด์ ที่จะดูเหมาะสมที่สุด หรือหากจะแย้ง ก็ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นสีสันต์ของบอลโลกหนนี้ ที่ตัดสินกันยากเหลือเกิน