จบลงเป็นที่เรียบร้อยและก็ไปชัยชนะของลิเวอร์พูลที่สามารถที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการนี้ไปครองได้สำเร็จด้วยสกอร์ 3-1 หลังเกมมีประเด็นอะไรให้เราได้พูดถึงบ้างนั้นเราไปดูกันเลยเริ่มที่ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีมกันก่อนเลย ลิเวอร์พูล อาเดรียน; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, ติอาโก้ อัลคันทารา; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน, หลุยส์ ดิอาซทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำทัพมาโดย : เอแดร์ซอน; ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก้, เชา คันเซโล; เควิน เดอ บรอยน์ , โรดรี้ เอร์นานเดซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา; ริยาด มาห์เรซ , เออร์ลิง ฮาลันด์, แจ็ค กรีลิชจังหวะคร่าวๆในเกม นาทีที่ 3 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ปั่นบอลด้วยซ้ายแต่บอลไปเข้าหน้าต่างนาทีที่ 8 เควิน เดอ บรอยน์ ไปฉกบอลมาได้ก่อนที่จะยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดายนาทีที่ 21 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ปั่นบอลด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษบอลมีแฉลบ นาธาน อาเก้ นิดๆเสียบเสาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลนำ 1-0นาทีที่ 25 เควิน เดอ บรอยน์ ได้ลองยิงอีกรอบเป็นการหลอกยิงเสาแรกแต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบอยู่ดีนาทีที่ 33 เออร์ลิง ฮาลันด์ ได้ยิงแต่ดูจะไม่ถนัดเท่าไหร่แต่บอลก็ยังไปติดเซฟของ อาเดรียนจังหวะต่อเนื่อง นาทีที่ 34 แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้เปิดบอลเข้ามาให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ เข้าชาตจ่อๆแต่บอลผิดเหลี่ยมไม่เข้าอย่างน่าเสียดาย ริยาด มาห์เรซ ได้โหม่งซ้ำอีกรอบก็ไปเข้ามือของ อาเดรียนจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลขึ้นนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 1-0เริ่มครึ่งหลังมา นาทีที่ 46 ริยาด มาห์เรซ ได้หลุดเข้าไปยิงเน้นๆแต่ก็ยังไปติดเซฟของ อาเดรียนนาทีที่ 70 ฟิล โฟเด้น ได้ยิงก่อนที่บอลจะคลุกคลิกไปมาก่อนที่ ฮูเลียน อัลวาเรซ จะได้ซ้ำจ่อๆเข้าประตูไป แมนซิตี้ตามตีเสมอได้ 1-1นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูลขึ้นนำได้อีกครั้งเป็น 2-1 จากลูกจุดโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงพาทีมขึ้นนำได้อีกรอบและคนที่เรียกจุดโทษให้กับทีมได้นั่นก็คือ ดาร์วิน นูนเญซนาทีที่ 94 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูปิดเกมเป็น 3-1 จากบอลเปิดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โหม่งตั้งมาให้กับ ดาร์วิน นูนเญซ พุ่งโหม่งจ่อๆเข้าประตูไปจบเกม ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1ความคิดเห็นหลังเกม เกมนี้เป็นเกมที่ผมได้นั่งดุเต็มเกมตั้งแต่ต้นจนจบเกม เปิดมาเลยก็ถือว่าสมกับเป็นคู่บิ๊กแมตช์จริงๆการเจอกันของทั้งสองทีมนี้ถือว่าเป็นเกมคุณภาพเอามากๆ มีโอกาส มีจังหวะที่ได้บุก และพร้อมที่จะสวนกลับอีกฝ่ายได้ตลอดเวลาเลยเหมือนกัน โดยนอกจากเกมที่น่าติดตามแล้ว สิ่งที่ดึงดูดและน่าติดตามไม่แพ้กันเลยนั่นก็คือการพบกันของ2นักเตะระดับแนวหน้าของโลกที่ทั้งสองทีมได้ดึงเข้ามาร่วมทีมโดยทางฝั่งของ เออร์ลิง ฮาลันด์ วันนี้ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงและฟอร์มการเล่นนั้นก็ถือว่ายังดูมีทรง แม้จะมีโอกาสที่น่าเสียดายเอามากๆหลายครั้งในเกมนี้แต่ก็ยังใช้คำว่าล้มเหลวไม่ได้แน่ๆ ส่วนอีกคนอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ การลงมาเป็นตัวสำรองแล้วสามารถเรียก1จุดโทษให้กับทีม บวกกับทำได้อีก1ประตู ถือว่าเป็นการลงเล่นเกมที่เป็นทางการกับทีมใหม่แล้วยิงประตุได้นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ น่าจะเรียกความมั่นใจในลำดับต่อไปได้ดีเลย โดยฟอร์มการเล่นทั้งสองฝ่ายนั้นจากที่นั่งดูจนจบเกมทางฝั่งแมนซิตี้ ต้องบอกว่าวันนี้พวกเขายังดูไม่ร้อยเปอร์เซ็นเท่าที่ควร อีกทั้งเรื่องของสภาพความฟิตของนักเตะที่ดูจะน้อยกว่าฝั่งลิเวอร์พูลอยู่บ้างเล็กน้อย อีกทั้ง2ตัวเก่งอย่าง เควิน เดอ บรอย และ เชา กันเซโล่ เกมในวันนี้ก็ถือว่าเจ้าตัวดูจะฟอร์มดร็อปลงกว่ามาตรฐานเดิมของตัวเองอยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนทางฝั่งลิเวอร๋พูลเกมในวันนี้ก็ดูที่จะได้เปรียบอีกฝั่งอยู่หลายเรื่องอย่างเช่น สภาพความพร้อมของทีม และตัวนักเตะเอง การได้เล่นปรีซีซั่นที่มากกว่า และสิ่งที่เห็นได้ชัดและน่าชื่นชมเอามากๆของพวกเขานั้นคงไม่พ้น การเปลี่ยนตัวเอง ดาร์วิน นูนเญซ ลงมาในช่วงครึ่งหลัง ทำให้เกมดูคึกคัก เพิ่มอันตรายในเกมรุกได้เยอะมาก ถือว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เครดิตรูปภาพภาพปก ภาพโดย : Manchester Cityภาพที่ 1 ภาพโดย : Liverpool FCภาพที่ 2 ภาพโดย : Manchester Cityภาพที่ 3 ภาพโดย : Manchester Cityภาพที่ 4 ภาพโดย : Manchester Cityภาพที่ 5 ภาพโดย : Manchester Cityภาพที่ 6 ภาพโดย : Liverpool FC*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565