จบลงไปแล้วสำหรับฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 48 โดยทำการแข่งขัน 4 ประเทศได้แก่ ทีมชาติไทย,ทีมชาติมาเลเซีย, ทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก และ,ทีมชาติทาจิกิสถาน บทสรุปของการแข่งขันชนะเลิศ : ทีมชาติ ทาจิกิสถานรองชนะเลิศ : ทีมชาติ มาเลเซียอันดับที่สาม : ทีมชาติไทย อันดับที่สี่ :ทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก หลังจากที่ทราบข่าวว่าทีมชาติไทยจะลงทำการแข่งขันที่สนามกีฬาเชียงใหม่สมโภช 700 ปี โดยการซื้อบัตรเข้าชมมี อบจ.เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินงานในการขายตั๋ว โดยเปิดขายทางช่องทางออนไลน์และ ไปซื้อที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เชียงใหม่ได้ โดยเงื่อนไข 1 ท่านซื้อบัตรเข้าชมเกมส์ได้เพียง 2 ใบ แน่นอนว่าเมื่อความต้องการของผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากทำให้มีการขัดข้องทางเทคนิคเว็ปไซต์ประสบปัญหาการเข้าใช้งาน แฟนบอลบางกลุ่มประกาศหาตั๋วเข้าชมในเกมวันที่ 22 และวันที่ 25 กันยายน 2565 ทางออนไลน์และแน่นอนจะมีการโก่งราคาค่าตั๋วชมเกมส์แน่นอนในส่วนของประสบการณ์ของผู้เขียน ผมเดินทางออกจากที่พักเพื่อไปต่อแถวจองคิวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมตั้งแต่เวลา 07:00 น ต้องฝ่าแดดและลมฝนเพื่อต้องการเข้าชมให้ได้ในเกมนี้ เป็นโอกาสดีที่เราอาจไม่ได้เห็นบ่อยๆในการที่ทีมชาติไทยลงทำการแข่งขันต่างจังหวัด เพื่อเป็นการโปรโมทจังหวัดท่องเที่ยวไปในตัวอีกด้วย บรรยากาศก่อนเข้าชมเกมแฟนบอลมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง บ้างก็ร้องเพลงเชียร์และกลุ่มแฟนบอลเชียร์ไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุลตร้าเชียงใหม่ , ไทยแลนด์ฮาร์ดคอร์ , กลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ ยกขบวนเข้ามาเช็คอินที่สนามเชียงใหม่สมโภช 700 ปีอย่างคึกคัก ปลุกความฮึกเหิมก่อนเริ่มเกมส์การแข่งขัน โดยวันแรกผู้เข้าชมเกมมีจำนวน ทั้งสิ้น 16,219 ราย ซึ่งตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และตะโกนเชียร์ทีมชาติไทยอย่างสุดเสียง จนบางครั้งต้องเรียกหาน้ำมะนาวกันเลยหลังจบเกมส์ แน่นอนว่าทีมชาติไทยอาจจะผิดหวังไม่มาตามนัดในนัดชิงชนะเลิศ ในเกมชิงที่ 3 เมื่อวันที่ 25 กันยายน การจัดทัพของผู้เป็นกุนซืออย่าง มาโน่ โพลกิ้ง มีการนำนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีสลับหมุนเวียนลงสนามร่วมกับทีมชาติชุดใหญ่ ชื่อของ ชาญณรงค์ วงศ์ศรีแก้ว ศุภณัฐ เหมือนตา ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและมีส่วนร่วมในการคว้าอันดับที่ 3 ของทีมชาติไทย ในการเอาชนะทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก 2-1 โดยลูกยิงขึ้นนำของทีมชาติไทยได้จาก นักเตะหมายเลข 7 ของทีมชาติไทยอย่าง สุภโชค สารชาติ ที่ล็อคหลบผู้เล่นทีมชาติ ตรินิแดดก่อนจะบรรจงปั่นโค้งเข้าเสาไกลอย่างสวยงาม เป็นการปลดล็อคความผิดหวังจากเกมนัดที่แล้วที่เจ้าตัวพลาดจุดโทษ หวังว่าจะเป็นการเติมความมั่นใจให้กับเจ้าตัวในการกลับไปรับใช้สโมสรอย่างคอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ในเจลีก แน่นอนว่าการแข่งขันครั้งนี้อาจจะผิดหวังที่ทีมชาติไทยไม่ได้เข้าไปชิงชนะเลิศ แต่ศรัทธาของแฟนบอลที่มีต่อทีมชาติยังคงเหนียวแน่น แม้ทีมชาติไทยจะเผชิญปัญหาในเรื่องการปรับเปลี่ยนหรือต้องวางแนวทางการบริหารพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม สิ่งที่จะมีทางเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน คือการสนับสนุนจากแฟนบอลทีมชาติไทยทุกคน หวังว่าทัวร์นาเมนต์หน้า ทัพช้างศึก จะสามารถกอบกู้ศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาเพื่อบรรลุเป้าหมายต่อไปอีกครั้งเพราะอาจจะเสียใจและผิดหวังแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหันหลังให้ " ทีมชาติไทย " พบกันในบทความต่อไป อ้างอิงภาพประกอบภาพโดยผู้เขียน ,1 , 2 , 3 , 4 , 5 Twitter/Changsuek/ภาพปก Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลีย