ในศึก MLS เพลย์ออฟเมื่อคืนที่ผ่านมา “Nashville vs Inter Miami” คือเกมที่สะท้อนความจริงของฟุตบอลยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ Lionel Messi จะยิงประตูสุดสวยช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่เพียงพอจะช่วยไมอามี่รอดจากความพ่ายแพ้ 2-1 ที่ Geodis Park และต้องไปตัดสินกันในเกมสุดท้ายที่ฟลอริดา จุดเปลี่ยนของเกม แนชวิลล์เตรียมตัวมาดีอย่างน่าทึ่ง พวกเขาไม่ใช่ทีมที่ยอมให้ไมอามี่เดินเกมตามสบายเหมือนนัดก่อน Sam Surridge เริ่มต้นด้วยการเรียกจุดโทษและยิงเองอย่างเฉียบขาด ก่อนที่ Josh Bauer จะมาซัดลูกที่สองจากจังหวะลูกเตะมุมช่วงท้ายครึ่งแรก ทำให้บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปทันที แนชวิลล์เล่นด้วยความดุดันและมีระบบ ทุกคนรู้บทบาทของตัวเอง ช่วยกันบีบพื้นที่ไม่ให้เมสซี่ได้หายใจ และที่สำคัญคือ “ไม่กลัวชื่อเสียง” ของคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย อินเตอร์ ไมอามี่ กับปัญหาที่ซ่อนอยู่ ทีมของ Javier Mascherano เต็มไปด้วยดารา ทั้ง Messi, Suárez, Busquets และ Alba แต่การประสานงานกลับดูไม่ลื่นเหมือนเคย การเคลื่อนที่ในพื้นที่สุดท้ายทับกันเองหลายครั้ง บอลจากกลางถึงหน้าไม่ต่อเนื่อง และเมื่อโดนเพรสหนัก พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดบอลจากด้านข้าง Suárez มีจังหวะหลุดเดี่ยวแต่ยิงชนเสา ส่วน Messi เองก็มีโอกาสทองแต่พลาดแบบไม่น่าเชื่อ เหมือนทีมที่ยังหาจังหวะของตัวเองไม่เจอ ทั้งที่มีศักยภาพมากพอจะปิดเกมตั้งแต่ครึ่งแรก ความต่างของแรงขับในทีม จุดที่ทำให้แนชวิลล์เหนือกว่าในเกมนี้ไม่ใช่เทคนิค แต่คือแรงจูงใจ พวกเขาแพ้ไมอามี่มาตลอดสิบเกมหลังตั้งแต่เมสซี่ย้ายมา และนี่คือโอกาสที่จะล้างแค้นในบ้านต่อหน้าแฟนบอล การวิ่งเพรสทุกจังหวะของแนวรุก การช่วยกันบีบพื้นที่ในแดนกลาง และการป้องกันลูกตั้งเตะทุกครั้ง ล้วนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ทีมเยือนหาไม่เจอ เมสซี่ยังเป็นเมสซี่ แต่ฟุตบอลคือเกมของ 11 คน ลูกยิงของเมสซี่ในนาทีที่ 85 คือภาพจำของเกมนี้ บอลซ้ายพุ่งเสียบใต้คานอย่างแรงจนทั้งสนามอึ้ง แต่ถึงจะเป็นประตูที่สวยแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทีมรอดจากความพ่ายแพ้ เมื่อแนชวิลล์ปิดเกมด้วยวินัยและสมาธิจนเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น นี่คืออีกหนึ่งค่ำคืนที่โลกได้เห็นว่า แม้เมสซี่จะยังคงเฉียบคม แต่ถ้าไม่มีทีมเวิร์กรองรับ เขาก็ไม่อาจทำให้ทีมชนะได้ด้วยตัวคนเดียว บทเรียนของอินเตอร์ ไมอามี่ ไมอามี่ยังต้องเรียนรู้การเล่นให้ “เป็นทีม” มากกว่านี้ ระบบที่ทุกอย่างหมุนรอบเมสซี่อาจดูดีเวลาชนะแต่กลับเปราะบางเมื่อคู่แข่งจับจุดได้ เกมนี้คือสัญญาณเตือนก่อนนัดตัดสินว่า พวกเขาต้องมีแผนสำรองและคนอื่นต้องกล้าเล่นมากกว่าเดิม ไม่ใช่รอจังหวะจากเมสซี่เท่านั้น เกมตัดสินที่กำลังรออยู่ ศึกสุดท้ายในฟลอริดาจะเป็นบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ของยุค Mascherano ว่าไมอามี่จะเลือกทางไหน ระหว่าง “ทีมที่พึ่งพาซูเปอร์สตาร์” หรือ “ทีมที่พร้อมสู้ด้วยระบบ” เพราะถ้ายังเล่นเหมือนเดิม แนชวิลล์อาจเป็นคนที่ปิดฉากพวกเขาในรอบแรกอีกปีติดต่อกัน สรุปจากมุมมองของผม เกมนี้คือหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนของฟุตบอลที่สมดุลระหว่างชื่อเสียงและระบบทีม “Nashville vs Inter Miami” ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของเมสซี่ แต่ยังพูดถึงจิตวิญญาณของทีมที่สู้เพื่อกันและกัน และในคืนที่แนชวิลล์ทำทุกอย่างได้ตามแผน พวกเขาก็สมควรเป็นผู้ชนะในทุกมุมของเกมนี้ รูปภาพปก 1 มาจาก Inter Miami CF :|: รูปภาพปกที่ 1 รูปภาพประกอบ 1 มาจาก Inter Miami CF :|: รูปภาพประกอบที่ 1 รูปภาพประกอบ 2 มาจาก Inter Miami CF :|: รูปภาพประกอบที่ 2 รูปภาพประกอบ 3 มาจาก Inter Miami CF :|: รูปภาพประกอบที่ 3 รูปภาพประกอบ 4 มาจาก Inter Miami CF :|: รูปภาพประกอบที่ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !