"เบร็กซิท กับ ฟุตบอล" : จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดนักเตะ หลัง อังกฤษ ออกจากสหภาพยุโรป ? ... by Mr.BOSTON
สหราชอาณาจักร เตรียมที่จะออกจากสหภาพยุโรป ก่อนที่ฟุตบอลลีกในฤดูกาลนี้จะจบลง ขณะที่ในรายละเอียดของฟุตบอล ยังมีข้อตกลงที่ไม่แน่นอนอยู่อีกหลายเรื่อง แล้ว เบร็กซิท จะส่งผลอย่างไรกับการซื้อขายนักเตะบ้าง ?
เรื่อง : บีบีซี สปอร์ต
แปล และเรียบเรียง : Mr.BOSTON
บางทีมันอาจจะหมายถึง การที่สโมสรจากอังกฤษอาจจะไม่ดึงดูดนักเตะพรสวรรค์อีกต่อไป ? แล้วค่าตัวของนักเตะในตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ? และมันอาจจะถึงโอกาสที่จะพัฒนานักเตะในท้องถิ่นหรือที่เรียกว่า “โฮม-โกรน” กันเสียที ?
มันจะยากขึ้นในการเช็นสัญญากับนักเตะใหม ?
นี่คือสถานการณ์ปัจจุบัน
– นักเตะจากประเทศในสหภาพยุโรป และในพื้นที่เขตเศรษฐกิจยุโรป จะถูกอนุญาตให้ย้ายมาเล่นอาชีพในสหราชอาณาจักรได้อย่างอิสระ ขณะที่นอกจากนั้น ต้องขอใบอนุญาตขอทำงาน
– เพื่อที่จะได้ ใบอนุญาตขอทำงานในสหราชอาณาจักร นักเตะจำเป็นต้องขอเอกสารรับรองจากสมาคมฟุตบอลของอังกฤษ หรือ เอฟเอ และซึ่งมีเกณฑ์ในการขอค่อนข้ามเข้มงวด โดยจะอ้างอิงจากการได้ลงเล่นในทีมชาติในการแข่งขันที่ได้รับการรับรอง ต้องได้ติดทีมชาติ และลงเล่นตลอด 2 ปีหลังสุด ซึ่งปัจจุบัน ชาติที่มีอันดับฟีฟ่าที่ต่ำกว่า มักจะเข้ามาขอใบอนุญาตนี้กันมากขึ้น
แต่หลังจาก เบร็กซิท ไปแล้ว กฎเกณฑ์ที่ใช้กับผู้เล่นนอกพื้นที่เขตเศรษฐกิจยุโรปจะถูกใช้กับผู้เล่นทุกคนในสหราชอาณาจักร นั่นหมายความว่า นักเตะอย่าง เอ็นโกโล่ กองเต้ และริยาด มาห์เรซ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2015-16 จะถูกกีดกันไม่ให้เล่นใน อังกฤษ เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้ลงเล่นทีมชาติตัวเองอย่างสม่ำเสมอใน 2 ปีหลังสุด
ปีเตอร์ โคอาเตส ประธานสโมสรสโต๊ค ซิตี้ กล่าวถึงเกณฑ์ดังกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่หลายสโมสรจะต้องรับมือด้วย” และเบร็กซิทอาจจะสร้าง “ความเสียหาย” ให้พรีเมียร์ลีกได้มาก เนื่องจากสโมสรต่างๆ จำเป็นต้องมองหาผู้เล่นพรสวรรค์จากแหล่งเดียวกัน คือภายในสหราชอาณาจักรกันเอง
ถึงกระนั้น พรีเมียร์ลีก เอง ก็พยายามหาทางหลีกเลี่ยงจากข้อกำหนดอันเข้มงวดของ ยูฟ่า ในเรื่องของการแชร์ตลาดนักเตะเฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อเปิดทางให้ทีมในอังกฤษ สามารถเช็นสัญญานักเตะในยุโรปหลังเบร็กซิทได้ตามเดิม
“เรายังกระตือรือร้นที่จะได้บางสิ่งบางอย่าง มาจากการทำงานหนักแบบที่มันควรจะเป็น แต่ตอนนี้ เราไม่สามารถมั่นใจในเรื่องนั้นได้อีกต่อไปแล้ว” โคอาเตส กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน สตีฟ แพรีช ประธานสโมสร คริสตัล พาเลช เชื่อว่า กฎเกณฑ์ที่เป็นอยู้ในปัจจุบัน เหมือน สหภาพยุโรปพยายามที่จะ “ปิดกั้นพื้นที่ที่มีความพิเศษออกจากพื้นที่ที่เหลือของโลก”
“เราใช้ผู้เล่นจากยุโรปมากที่สุดในบรรดานักเตะทีมของเรา และมาตรฐานถูกตั้งไว้สูงมากๆ เพื่อที่จะขอใบอนุญาตทำงานให้คนนอกสหภาพยุโรป” เขากล่าว
“เราน่าจะต้องใช้เงินมากขึ้น เพื่อดึงผู้เล่นในลีกยุโรปเข้ามาเล่นกับเรา ซึ่งมันจะมากกว่าเงินที่เราเคยใช้จ่ายแล้วๆ มาอย่างมหาศาลแน่นอน”
มันจะเพิ่มช่องว่างระหว่างทีมใหญ่หรือไม่ ?
อีกครั้ง นี่คือสถานการณ์ปัจจุบัน
– ถ้าผู้เล่นไม่ผ่านเกณฑ์ในการขอใบอนุญาตทำงาน เพราะว่าเขามีสถิติในทีมขาติไม่เพียงพอ สโมสรที่ต้องการตัวเขา สามารถยื่นเรื่องต่อ เอฟเอ ในการขอยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะเดินเรื่องผ่านระบบคะแนนสะสม
– คะแนนที่ว่า มาจากการย้ายทีมด้วยค่าตัวที่แพงขึ้น หรือ ได้รับค่าเหนื่อยที่มากขึ้น และรวมถึง การที่นักเตะรายดังกล่าว ได้เล่นในรายการใหญ่ อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นต้น
– ดัวงนั้น อเลซองดร์ ลากาแซ็ตต์ ที่ย้ายทีมด้วยค่าตัว 46.5 ล้านปอนด์ จาก โอลิมปิก ลียง มา อาร์เซน่อล เมื่อปีก่อน จึงไม่เป็นไร แม้ว่าเขาจะลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสในตอนนั้นไปเพียง 11 นัดก็ตาม
แต่ระบบดังกล่าว มันเกี่ยวโยงกับค่าตัวนักเตะ ซึ่งทำให้ ไมค์ การ์ลิค ประธานสโมสรของเบิร์นลี่ย์เชื่อว่า “มันจะถ่างช่องว่างชองพรีเมียร์ลีกให้กว้างขึ้นกว่าเดิม และจะทำให้พรีเมียร์ลีกแย่ลง”
“ทีมใหญ่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้น้อยกว่า เพราะว่า พวกเขาจะสามารถซื้อนักเตะระดับท็อปได้ และผู้เล่นที่ดีที่สุดเกือบทุกคน มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ในการขอเวิร์กเพอร์มิตอยู่แล้ว”
แต่ แพริช มองต่างออกไป เขาเชื่อว่าด้วยกฎข้อนี้ จะทำให้ทีมเล็กๆ ได้ลืมตาอ้าปาก เพราะจะสามารถเช็นสัญญานักเตะอายุน้อยๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์การขอเวิร์กเพอร์มิตได้เช่นกัน
“สำหรับเรา การเซ็นสัญญาเด็กอายุ 19 จากประเทศอย่าง… เอ่อ เปรู มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น เราจึงต้องหันหน้าไปที่ตลาดในอียู” เขากล่าว
“ถ้าเราสามารถเข้าถึงนักเตะพรสวรรค์ในระดับโลกได้ มันจะสามารถลดต้นทุนของเรา และสามารถเพิ่มคุณภาพของนักเตะที่เราจะได้อย่างไม่ต้องสงสัย”
จะหมดยุคของการเซ็นนักเตะอายุต่ำกว่า 18 ปี ?
ตอนนี้เราอยู่ตรงนี้
– สโมสรในประเทศที่เป็นสมาชิกของของสหภาพยุโรป และ เขตเศรษฐกิจยุโรป ปัจจุบันได้รับการยกเว้นจากกฎของฟีฟ่า ในการซื้อขายเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ถ้าสหราชอาณาจักร ไม่ได้เป็นสมาชิกของเขตเศรษฐกิจหลังจากออกจากสหภาพยุโรป จะทำให้สโมสรในอังกฤษจะเสียสิทธิ์ในการได้รับการยกเว้นเหมือนอย่างที่นักเตะอย่าง เอคตอร์ เบเยริน, นาธาน อาเก้, อันเดรียส คริสเตียนเซ่น เคยได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ถ้าคุณมีนักเตะพรสวรรค์อายุน้อย ที่คุณต้องการ คุณจะได้ตัวเขามาอย่างยากลำบากมากทีเดียว” โคอาเตส กล่าว
แพรีช เชื่อว่า การสูญเสียข้อยกเว้นนี้ อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้กับอคาเดมี่ต่างๆ ที่เช็นสัญญากับนักเตะทั่วยุโรป จนทำให้ไม่สามารถผลิตเต็กจากอังกฤษที่มีคุณภาพขึ้นมาได้
“หลังจาก เบร็กซิท เราอาจจะพูดได้ว่า อะไรคือโควต้าสำหรับนักเตะอังกฤษก็ได้” เขากล่าว
“เราจะกลับไปใช้กฎของฟีฟ่า และนั่นจะทำให้เราได้โอกาสสร้างเด็ก “โฮม-โกรน” ขึ้นมารับใช้ทีมชาติของเรา”
ดาวรุ่งจากอังกฤษจะมีเวลาลงสนามมากขึ้น ?
ตอนนี้เป็นแบบนี้
– สโมสรในพรีเมียร์ลีก จะต้องมีนักเตะที่มาจากกฎ โฮม-โกรน 8 คนเป็นอย่างน้อย ในทีม 25 คน
– อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า ทั้งหมดจะต้องเป็นคนจากอังกฤษ ยกตัวอย่างคือ เชส ฟาเบรกาส ก็ถือเป็นหนึ่งในนักเตะโฮม-โกรน ทั้งที่เล่นให้ทีมชาติสเปน เพราะว่า เขาโดนซื้อมาโดย อาร์เซน่อล ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้เขาได้อยู่กับสโมสรนานเกิน 3 ฤดูกาลก่อนที่จะอายุ 21
โคอาเตส กล่าวว่า เขาเข้าใจดีว่า เบร็กซิท อาจเป็นโอกาสของนักเตะดาวรุ่งอังกฤษหลายต่อหลายคน แต่ก็เพิ่มเติมว่า “มันขึ้นอยู่กับแต่ละสโมสรที่จะผลักดันดาวรุ่งของเราขึ้นมาหรือไม่”
ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกปีนี้ ขณะที่ ชุดอายุต่ำกว่า 20 และ ต่ำกว่า 17 ปี เป็นแชมป์โลกได้สำเร็จ นี่เป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง โคอาเตส กล่าวว่า เป็นหลักฐานว่า อคาเดมี่ มีมาตรฐานการฝึกสอนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“นี่เป็นเหตุผลที่จะต้องมองในแง่ดี เราก้าวไปข้างหน้าอย่างงดงาม และเราควรให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น ทำมันต่อไป และนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ของเราจะเติบโตขึ้นอย่างงดงาม”
ด้าน แพริช หวังว่า จะเป็นผลสำเร็จที่ “วิน-วิน” คือมีพรีเมียร์ลีกที่แข็งแกร่งขึ้น และมีทีมชาติที่แข็งแกร่งควบคู่กันไปได้อีกต่างหาก
ค่าตัวผู้เล่น และค่าเหนื่อยจะเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง ?
โคอาเตส อ้างว่า ความไม่แน่นอนของ เบร็กซิท ทำให้เป็นเรื่องยากในจะเซ็นสัญญากับผู้เล่น เพราะว่า ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง ซึ่งทำให้สโมสรต่างๆ ต้องใช้เงินมากขึ้นในตลาดซื้อขายนักเตะด้วย
ส่วน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็อ้างแบบเดียวว่า เบร็กซิท เป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมของเขาไม่ได้เซ็นสัญญาคว้าตัวใครเลยในซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เขาเพิ่มเติมว่า เมื่อค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง มันหมายความว่า “ผู้เล่นก็จะรู้สึกว่าได้รับเงินน้อยลง” ดังนั้น สโมสรก็ต้องจากเงินค่าแรงให้พวกเขามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แพริช เชื่อว่า การที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะนอกอียู จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หลังจาก เบร็กซิท เพราะเมื่อการแข่งขันมีมากขึ้น ค่าตัว และค่าเหนื่อยจะลดลงตามธรรมชาติไปเอง
“เมื่อเราเปิดโอกาสที่จะรับนักเตะพรสวรรค์จากทั่วโลก เราอาจจะมีนักเตะมากกว่า 1,000 คนที่น่าสนใจ และนั่นจะช่วยทำให้ค่าตัวนักเตะลดลงไป และค่าเหนื่อยก็ยังจะถูกลงตามไปด้วย” เขากล่าว
แพริช ยังยอมรับว่า ความไม่แน่นอนว่าเรื่องราวของเบร็กซิทนี้ จะไปจบลงตรงไหน เป็นเรื่องที่ “น่ากังวลที่สุด” สำหรับประธานสโมสร และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้กับวงการฟุตบอลในสหราชอาณาจักรคือ “การติดอยู่ระหว่างทาง” นั่นคือ การออกจากกฎการเซ็นสัญญาผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถสร้างกฎใหม่มาทดแทนสิทธิที่เสียไปก่อนหน้านั้นได้
ซึ่งจะทำให้ วงการฟุตบอลอังกฤษ เดินหน้าต่อไปไม่ได้ทันที…
“Mr.BOSTON”
ดูบอลสดฟรี ไม่มีสะดุด ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับเน็ต 2GB ดูทรูไอดีฟรี เปิดทรูไอดีทุกวันรับฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย.61 คลิกเลย
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports