ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก!! 5 ประเด็นจับตานัดชิง "เปแอสเช บู๊ บาเยิร์น" เดิมพันโทรฟี่แชมเปี้ยนส์ลีก
หลังจากนัดชิงยูโรป้า ลีก ผ่านพ้นไปแล้ว ไฮไลท์ต่อไปของศึกสโมสรยุโรปจึงมาอยู่ที่นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในคืนวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. เวลา 02:00 น. ถ่ายทอดสดทาง YouTube : DAZN Thailand
สำหรับแมตช์เดิมพันแชมป์ยุโรปในปีนี้เป็นการโคจรมาเจอกันระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่จากลีกเอิง ฝรั่งเศส ดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจของบุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งถือเป็นคู่ที่น่าสนใจและมีหลากหลายประเด็นให้แฟนบอลต้องติดตามกันเยอะเลยทีเดียว
วันนี้ที่รอคอยของเปแอสเช
สำหรับยักษ์ใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง การได้แชมป์ลีกเอิง หรือแชมป์ฟุตบอลถ้วยต่างๆในประเทศ ถือเป็นผลงานที่เรียกได้ว่า “เสมอตัว” เท่านั้น เพราะด้วยศักยภาพทุกอย่างของพวกเขา ที่เหนือกว่าทุกสโมสรในฝรั่งเศสอยู่แล้ว
ดังนั้น “ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ” ของเปแอสเช จึงอยู่ที่เกมสโมสรยุโรป ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขามักจะจอดป้ายอยู่แค่รอบ 16 ทีมหรือรอบ 8 ทีมเท่านั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินมหาศาลล่าสตาร์ดังเข้าสู่ทีมจนนับไม่ถ้วน จนทำให้ถูกสบประมาทว่า เก่งเฉพาะตบเด็กในลีกเอิงเท่านั้นแหละ
กระทั่งปีนี้ ยอดทีมจากเมืองน้ำหอมสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูซีแอลได้เป็นครั้งแรก และเหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เปแอสเชก็จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสร ในฐานะ “แชมป์สโมสรยุโรป” ซึ่งเป็นเกียรติประวัติที่พวกเขายังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน และจะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่า พวกเขาจะก้าวข้ามคำว่า “เก่งเฉพาะในลีก” ได้หรือไม่
และ บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นผู้ให้คำตอบนี้เอง
จุดเริ่มความยิ่งใหญ่ของบาเยิร์น?
สำหรับคำว่า “เก่งเฉพาะในลีก” ที่เปแอสเชต้องเผชิญมาตลอดนั้น เชื่อว่า บาเยิร์น มิวนิค ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของการโดนสบประมาทนี้เป็นอย่างดี เพราะการได้แชมป์ต่างๆในประเทศถือเป็นผลงานแค่ “เสมอตัว” ของทีมเสือใต้เช่นกัน
ทั้งนี้ บาเยิร์น เคยได้ฉลองแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปมาแล้ว 5 สมัย แต่สมัยสุดท้ายก็ต้องย้อนไปถึงฤดูกาล 2012-2013 หรือเมื่อ 7 ปีมาแล้ว ซึ่งถือเป็นเวลายาวนานพอสมควรสำหรับสโมสรระดับ บาเยิร์น มิวนิค
และหาก บาเยิร์น ผงาดคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญและเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าทีมเสือใต้ รวมถึงวงการลูกหนังเมืองเบียร์พร้อมที่จะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในยุโรปอีกครั้ง หลังจากที่ตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของสโมสรจากลาลีกา และพรีเมียร์ลีก มานานหลายปี
และต้องไม่ลืมว่า ขุมกำลังของบาเยิร์น มิวนิคชุดปัจจุบัน หลายคนอายุยังน้อยและสามารถยกระดับฝีเท้าต่อไปได้อีกหลายปี ไม่ว่าจะเป็น เบงฌาแม็ง ปาวาร์, ลูกาส์ แอร์กน็องเดซ, เลออน กอเร็ตซก้า, นิคลาส ซือเล่, แซร์จ นาบรี้, คิงส์ลีย์ โกม็อง, โจชัว คิมมิช รวมทั้งสมาชิกใหม่อย่าง ลีรอย ซาเน่ ซึ่งนักเตะกลุ่มนี้อายุแค่ประมาณ 24-25 ปี ตลอดจน อัลฟอนโซ่ เดวิส แบ็กซ้ายดาวรุ่งตีนระเบิดที่เพิ่งจะอายุ 19 ปีเท่านั้น
การเผชิญหน้ากันของคีย์แมน
เมื่อพูดถึง อัลฟอนโซ่ เดวิส แล้ว ก็ต้องพูดถึงประเด็นการปะทะกันของคีย์แมนทั้งสองฝั่ง โดย เดวิส ถูกจับตามองอย่างมากในฐานะแบ็กดาวรุ่งที่ฟอร์มโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของโลก และในเกมนี้ เขาจะเจอกับบททดสอบสำคัญคือการรับมือกับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงตีนจรวดของเปแอสเช
ทั้ง เดวิส และ เอ็มบัปเป้ เป็นดาวเตะที่มี “สปีดเร็วกว่านรก” เป็นจุดแข็งของตัวเอง จึงเป็นที่คาดหมายว่าทั้งคู่น่าจะปะทะฝีเท้ากันอย่างดุเดือด ซึ่ง คิงส์ลีย์ โคมอง มิดฟิลด์ของบาเยิร์น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนร่วมทีมกับเอ็มบัปเป้ในทีมชาติฝรั่งเศส ระบุว่า “เอ็มบัปเป้เป็นผู้เล่นที่เร็วมาก แต่ผมคิดว่า อัลฟอนโซ่ นั้นเร็วที่สุด”
นอกจากคู่ของ “เดวิส-เอ็มบาปเป้” แล้ว ยังมีคู่ระหว่าง ติอาโก้ ซิลวา กัปตันทีมหัวใจสำคัญในแนวรับของเปแอสเช ที่จะต้องปะทะกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เครื่องจักรสังหารประตูของบาเยิร์น
สำหรับ ติอาโก้ ซิลวา แม้จะอายุ 35 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นตัวหลักที่ไว้ใจได้ของเปแอสเช และที่สำคัญ เกมนี้คือแมตช์สุดท้ายของ ซิลวา ในสีเสื้อของเปแอสเชก่อนที่จะหมดสัญญาและโบกมือลาทีมไป หลังจากที่อยู่ค้าแข้งกับทีมมาตั้งแต่ปี 2012 ดังนั้นเชื่อได้เลยว่าเกมนี้ ซิลวา สู้ตายถวายชีวิตแน่นอน
ขณะที่ เลวานดอฟสกี้ คือหนึ่งในดาวยิงตัวท็อปของโลก และระเบิดฟอร์มสุดโหดในซีซั่นนี้ ซึ่งน่าเสียดายแทนเจ้าตัวเหลือเกินว่า ปีนี้รางวัล “บัลลงดอร์” ดันงดแจก เนื่องจากปัญหาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะกูรูแทบทุกสำนักต่างยกให้ “เลวานฯ” เป็นตัวเต็งบัลลงดอร์ปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น ไฟต์ระหว่าง “ซิลวา ส.ปารีส VS เลวาน ศิษย์เสือใต้” จึงเป็นอีกคู่ที่แฟนบอลห้ามกระพริบตาเป็นอันขาด!
ประวัติศาสตร์ทริปเปิ้ลแชมป์
นอกจากจะมีโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” เป็นเดิมพันแล้ว เกมนี้ยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการสร้างประวัติศาสตร์ “ทริปเปิ้ลแชมป์” ของทั้งสองทีมอีกด้วย
ฤดูกาลนี้ เปแอสเช ผงาดแชมป์ลีกเอิง และเฟรนช์ คัพมาครองได้แล้ว เช่นเดียวกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกา และเดเอฟเบ โพคาล ได้เรียบร้อย จึงเหลือเพียงถ้วย “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ที่จะเข้ามาประกอบร่างเป็นสุดยอดแชมป์ 3 รายการอย่างเพอร์เฟกต์ของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีเพียง 7 สโมสรของยุโรปที่เคยได้สัมผัสคำว่า “ทริปเปิ้ลแชมป์” ได้แก่ กลาสโกว์ เซลติก (1966/67) อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (1971/1972) พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (1987/88) แมนฯ ยูไนเต็ด (1998/99) บาร์เซโลน่า (2008/2009, 2014/2015) อินเตอร์ มิลาน (2009/10) และ บาเยิร์น มิวนิค (2012/13)
สุดท้าย บาเยิร์นจะได้ทริปเปิ้ลแชมป์เป็นครั้งที่สอง หรือ เปแอสเช จะเป็นสโมสรที่ 8 ที่ได้จารึกเกียรติประวัติอันสุดยอดนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่วงการลูกหนังโลกต่างกำลังจับตามอง
เปแอสเชสถิติข่ม
หากเทียบฟอร์มและมาตรฐานโดยรวมแล้ว “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยังถูกยกให้เป็นต่อ เปแอสเช อยู่เล็กน้อย แต่ถ้าดูจากสถิติที่ทั้งคู่เคยเจอกันมาในเกมสโมสรยุโรป ปรากฏว่า เปแอสเช มีสถิติเหนือกว่า บาเยิร์น!
สำหรับคู่นี้เคยเจอกันในเวทียุโรปมาแล้ว 8 นัด และเป็น เปแอสเช เป็นฝ่ายคว้าชัยไป 5 ส่วน บาเยิร์น ได้เฮ 3 นัด ซึ่งการเจอกันครั้งล่าสุดคือเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อฤดูกาล 2016-2017 และผลัดกันแพ้-ชนะในสนามของตัวเอง
เริ่มจาก เปแอสเช ถล่ม บาเยิร์น 3-0 ที่พาร์ค เดอ แพรงซ์ จากประตูของ ดานี่ อัลเวส, เอดินสัน คาวานี่ และเนย์มาร์ ก่อนที่ บาเยิร์น จะไปถอนแค้นด้วยชัยชนะ 3-1 ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า โดย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ยิงคนเดียวสองลูก บวกกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อีกหนึ่งเม็ด ส่วน เปแอสเช ตีไข่แตกได้จาก คิลียัน เอ็มบัปเป้
ส่วนเกมในคืนวันอาทิตย์นี้ ทั้งคู่จะลงฟาดฟันกันในสังเวียนกลางนั่นคือ เอสตาดิโอ ดา ลุซ รังเหย้าของสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังแห่งโปรตุเกส
และที่สำคัญ นี่คือเกมนัดเดียวจบ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าทีมไหนจะถูกยกให้เป็นต่อ หรือ ถูกมองว่าเป็นรองก็ตาม
ตีสอง คืนวันอาทิตย์นี้ เดี๋ยวรู้กัน!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ตารางบอล โปรแกรมฟุตบอล ลิ้งก์ดูบอลสด วันนี้ 23 ส.ค.
>> มาแอนฟิลด์มั้ยล่ะ!! เนย์มาร์ ยก ลิเวอร์พูล สุดยอดทีมของยุโรปวินาทีนี้
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่