***บทความนี้ถูกพิมพ์ขึ้นมาก่อนเกมที่ลิเวอร์พูลพบกับเชลซี***ผลงาน 18 นัด เก็บได้ 28 คะแนน แบ่งเป็นชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 6 ยิงได้ 35 เสียไป 25 นี่คือผลงานของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/2023 ถือว่าเป็นผลงานที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเราย้อนเวลาไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลคือทีมที่ได้ลงเล่นทั้งหมด 63 เกม หรือเรียกง่ายๆ ได้เล่นทุกเกมที่มีการแข่งขันหรือเรียกอีกอย่างว่า "ลุ้น 4 แชมป์" แต่ ณ ตอนนี้ลูกทีมของเยอร์เกน คล็อปป์รั้งอยู่อันดับที่ 9 ของตารางคะแนน ซึ่งถ้าเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ผ่านไป 18 เกมเท่ากัน หงส์แดงรั้งอันดับ 2 เก็บได้ 41 คะแนน ชนะ 12 เสมอ 5 แพ้ 1 ยิง 50 เสีย 15 เป็นรองเพียงจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ 3 คะแนน ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ และคำถามมากมายว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆ ในฤดูกาลนี้ จากทีมลุ้น 4 แชมป์กลับมาต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้ไป UCL แถมฟุตบอลถ้วยก็ตกรอบไปแล้ว 1 รายการ และอย่างที่ผมได้จั่วชื่อบทความไปว่า "Gegen Pressing" ทำให้ลิเวอร์พูลฟอร์มห่วย ซึ่งผมก็คิดว่านี่คือสาเหตุหลักๆ อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ในฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลฟอร์มตกลงอย่างน่าใจหาย จะเป็นยังไง ตามไปอ่านกันเลยกันเลยครับคุณผู้อ่านก่อนอื่นเลย เราต้องมาทำความรู้จักกับ Gegen Pressing กันก่อนดีกว่า Gegen Pressing (เกเก้น เพรสซิง) หรือเรียกอีกชื่อคือ Counter Pressing คือ ระบบการเล่นที่ใช้การเพรสซิงสูงเพื่อแย่งบอลจากคู่แข่งให้กลับมาอยู่ในการครอบครองให้เร็วที่สุด โดยที่จะเริ่มเพรสซิงตั้งแต่แดนของคู่แข่งเลย ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกบอลกลับมาอยู่ในการครอบครองของตัวเองได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังคือการป้องกันการสวนกลับหรือการเซ็ตเกมของคู่แข่งได้อีกด้วยและที่สำคัญที่สุดคือคุณจะได้ลูกฟุตบอลมาครอบครองใกล้ประตูคู่แข่งอีกด้วยทีนี้บทความนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมาดิสเครดิตระบบการเล่นนี้ หรือจะมาพูดแต่ข้อเสียของระบบเกเก้น เพรสซิง เพราะนี่ก็คือระบบการเล่นที่พาให้ลิเวอร์พูลบินสูงมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมไปถึงก็เคยทำให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์แย่งแชมป์จากบาเยิร์น มิวนิคมาได้ 2 ปีติดต่อกันและยังได้เข้าชิงยูซีแอลในปี 2013 อีกด้วย ซึ่งถ้าระบบนี้ไม่ได้ผลหรือไร้ประโยชน์จริงๆ ก็คงไม่มีใครนำมาใช้อย่างแพร่หลายแน่นอนแต่ทุกอย่างมักจะมี 2 ด้านเสมอ เช่นเดียวกับในโลกของฟุตบอลและระบบการเล่นแบบเกเก้น เพรสซิง เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าระบบการเล่นนี้ต้องใช้ความดุดันแบบไม่เกรงใจใคร มีความ Intense หรือความเข้มข้นที่สูงมาก ต้องรักษาความเข้มข้นในการเพรสคู่แข่งที่สูงมากซึ่งมันหมายความว่าคุณต้องใช้พละกำลังที่สูงมากๆ ในการเล่นระบบเกเก้น เพรสซิ่งเราจึงจะได้เห็นว่าในช่วงแรกของคล็อปป์กับลิเวอร์พูลนั้น นักเตะหงส์แดงเจ็บกันเป็นว่าเล่น โดยจุดที่นักเตะได้รับอาการบาดเจ็บบ่อยที่สุดก็คือตำแหน่ง Hamstring หรือกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ทำให้ฟอร์มเหวี่ยงสวิงสุดๆ ในช่วงแรก ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา เพราะนักเตะผลัดกันเจ็บอยู่ตลอด แต่เมื่ออะไรเข้าที่เข้าทาง นักเตะนั้นซึมซับและชินกับระบบการฝึกซ้อม ระบบการเล่น รวมไปถึงคล็อปป์ก็ปรับแท็คติกให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีผ่อนคันเร่งเกมรุก ไม่ได้เอาแต่ตะบี้ตะบันบุกคู่แข่งตลอด 90 นาที มีหลายๆ นัดที่ก็พอใจผลสกอร์ที่ชนะเพียงประตูเดียวก็มี เพื่อเหมือนเป็นการถนอมร่างกายนักเตะ ต่างจากช่วงแรกที่จะเอาแต่คอนเซปต์ "เดินหน้าฆ่ามัน" ตลอดทั้งเกมแต่ถึงกระนั้น ร่างกายมนุษย์ก็ย่อมมีวันเสื่อมถอยตามอายุขัย เวลาผ่านมาหลายปีคล็อปป์ก็ยังใช้เกเก้น เพรสซิงเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะลดระดับเลเวลลงมาแล้ว แต่อย่างที่บอกไปครับว่าเกเก้น เพรสซิงนั้นใช้พละกำลังสูงมาก มันประกอบกับอายุที่เพิ่มขึ้นของนักเตะแกนหลักของทีมหลายๆ คนซึ่งนี่ก็คืออีกปัญหาของลิเวอร์พูลเหมือนกัน เพราะนอกจากคล็อปป์จะไม่ค่อยเปลี่ยนถ่ายทีมแล้ว FSG กลุ่มเจ้าของทีมก็ไม่ค่อยต่อยอดความสำเร็จมากซักเท่าไหร่ [ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับปัญหาที่ทำให้ลิเวอร์พูลฟอร์มบู่ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว สามารถตามไปอ่านกันได้ที่ 5 Liverpool's Problem in this season (5 ปัญหาพาลิเวอร์พูลฟอร์มบู่ซีซั่นนี้) และทั้ง 2 พาร์ทของ อีโก้ของคล็อปป์ และความงกของ FSG กำลังทำร้ายลิเวอร์พูล ภาค 1 และอีโก้ของคล็อปป์ และความงกของ FSG กำลังทำร้ายลิเวอร์พูล ภาค 2 (จบ)]เมื่อร่างกายของนักเตะที่มีแต่เสื่อมถอยด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นยังต้องเจอกับระบบการเล่นที่มีความเข้นข้นสูง โดยที่ไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา คือในเมื่อ FSG ไม่ทุ่ม/ต่อยอดเท่าที่ควร อาจจะทำให้คล็อปป์ผลัดเปลี่ยนนักเตะช้าหรือคล็อปป์ไม่ยอมใช้เงินเองหรือเพราะความดื้อของคล็อปป์เราก็ไม่รู้ แต่มันก็ทำให้นักเตะนั้นมีอาการกรอบของร่างกาย และเหมือนกับว่าฤดูกาลที่แล้วเป็นก๊อกสุดท้ายของนักเตะหลายๆ คน ตัวอย่างเช่น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ เป็นต้น ซึ่ง 2 คนนี้คือผู้เล่นและหัวใจหลักของทีมชุดที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาเล่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายของกัปตันเฮนโด้ เขาเป็นเหมือน "ผึ้งงาน" ของทีม เขามักจะวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอดเวลา วิ่งขึ้นไปเชื่อมเกมริมเส้นร่วมกับเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ และโม ซาลาห์ และก็ยังต้องวิ่งลงมาเล่นเกมรับซ้อนตำแหน่งของเทรนท์เวลาที่แบ็คขวาจอมแอสซิสต์หลุดตำแหน่งหรือวิ่งลงมาจากเกมบุกไม่ทันพอมาในฤดูกาลนี้อะไรหลายๆ อย่างที่เคยทำได้ การดักบอลที่ทำได้ การจ่ายบอลที่แม่นยำที่ทำได้เมื่อก่อนนั้น ณ ตอนนี้เหมือนจะทำไม่ได้แล้วหรือทำแล้วประสิทธิภาพมันต่ำลง อย่างเช่นการดักบอลจากคู่แข่งนั้นมักจะทำไม่ได้เลยและช้ากว่าคู่แข่งตลอด แล้วตำแหน่งกองกลางคือตำแหน่งที่สำคัญมากๆ ในเกมฟุตบอล เพราะจะเป็นตำแหน่งที่ต้องเล่นทั้งเกมรับและเกมรุก ในเมื่อคิดช้าทำช้าปัญหาหลายๆ อย่างก็จะตามมา เกมที่เห็นชัดๆ เลยก็คือเกมที่บุกไปโดนถล่มไบรท์ตันถล่ม 3-0 มันเป็นเกมที่ผมบอกได้เลยว่าผมถอนหายใจทั้งเกม แดนกลางสู้ทีมนกนางนวลไม่ได้เลยยยยยย เป็นเกมที่เละเทะและห่วยแตกที่สุดนับตั้งแต่ผมเห็นคล็อปป์มาคุมเลยผมกำลังจะบอกว่านอกจากข้อดีของระบบเกเก้น เพรสซิงแล้ว ข้อเสียมันก็คือระบบนี้ใช้พละกำลังสูงมาก มันทำให้ร่างกายของนักเตะนั้นพังเร็วกว่าระบบอื่นๆ ยิ่งในทีมที่มีการผลัดเปลี่ยนตัวนักเตะช้า หรือใช้แต่ตัวเดิมๆ แล้วยิ่งพังเร็วกว่าเดิมทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ก็คือคุณจะต้องมีการ Squad Depth ที่ลึกมากๆ และต้องมีคุณภาพอีกเช่นเดียวกัน เพราะถ้าในเมื่อคุณมีขนาดทีมที่ใหญ่มากๆ และถ้ายิ่งผู้เล่นทุกคนมีคุณภาพแล้วล่ะก็นะ ยังไงคุณก็จะประสบความสำเร็จไปอีกหลายปี ดูตัวอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เลย เป๊ป กวาร์ดิโอลานั้นจะแทบจะถ่ายผู้เล่นเข้าออกอยู่ตลอด ทำให้ยังยืนระยะตีคู่กับลิเวอร์พูลมาได้ตลอด เพราะมีขนาดทีมที่ใหญ่ ผู้เล่นทุกคนทดแทนกันได้หมด ทำให้นักเตะมีโอกาสได้พักและถนอมร่างกายมากขึ้น โอเคแหละที่ว่าทีมเรือใบนั้นใช้เงินได้อย่างไม่อั้น ส่วนลิเวอร์พูลนั้นใช้ไปเท่าที่หามาได้ แต่ถ้าหากคุณอยากประสบความเร็จ คุณก็ต้องยอมลงทุน ยุคสมัยของฟุตบอลมันเปลี่ยนไปแล้ว จะมาเน้นสร้างรากฐานก่อน มันใช้ไม่ได้เแล้ว คุณต้องทำควบคู่กันไปบทสรุปแล้ว ผมไม่ได้บอกว่าคล็อปป์ต้องเลิกใช้ระบบ Gegen Pressing กับลิเวอร์พูล ไม่ได้บอกว่าต้องเปลี่ยนระบบการเล่น เพียงแต่สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ ทีมควรจะมีจำนวนผู้เล่นที่มากและมีคุณภาพดีพอที่จะทดแทนตำแหน่งกันได้ นักเตะทุกคนสามารถหมุนเวียนเล่นแทนกันได้ เพื่อที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของความหลากหลายตามแต่สไตล์ของนักเตะแล้ว แถมเมื่อนักเตะเจอคู่แข่งที่ต้องแย่งตำแหน่งภายในทีมแล้ว พวกเขาก็จะยังต้องพัฒนาฝีเท้าอยู่ตลอดเพื่อตำแหน่งตัวจริง ส่งผลดีต่อตัวนักเตะและทีมอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้นักเตะสามารถได้พักร่างกายได้ดีมากขึ้นอีกด้วย ผมไม่อยากเห็นนักเตะบางคนต้องลงเล่นครบทุกนัดในหนึ่งฤดูกาล อยากเห็นนักเตะคนนี้ได้พักและนักเตะอีกคนลงไปเล่นแทนได้ ผมว่าแบบนี้มันจะทำให้ทีมยังสามารถใช้ระบบ Gegen Pressing ไปได้อีกนานแสนนานขอบคุณรูปภาพจาก Official Facebook ของลิเวอร์พูล ภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์