ในโลกฟุตบอลอะไรย่อมเป็นไปได้เสมอเช่นเดียวกับชีวิตของ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย ดีกรีเจ้าของรางวัลดาวซัลโวฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย AFC U23 รุ่นไม่เกินอายุ 23 ปี ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพในปี 2020 รวมถึงติดโผลุ้นรางวัลนักเตะดาวรุ่งเอเชีย U23 ในปีเดียวกันจากฟอร์มโดดเด่นจนมีส่วนพาทัพ ช้างศึก U23 เข้ารอบ 8 ทีม ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ดูบอลไทยลีกครบทุกแมตซ์ พากย์สดทุกคู่ บน TrueID กดสมัครแพ็กเกจคลิกเลย! ก่อนจะเติบโตบนถนนลูกหนังได้ค้าแข้งฟุตบอลทีมชั้นนำไทยลีกมากมาย อาทิ สมุทรปราการ ซิตี้ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บีจีปทุม ยูไนเต็ด ทะยานพุ่งติดธงทีมชาติไทย ชุดใหญ่ กระทั่งสานต่อไฟฝันก้าวไปเล่นฟุตบอลเจลีก ประเทศญี่ปุ่น ได้สำเร็จกับสโมสรดัง เซเรโซ โอซาก้า น่าชื่นชมมากๆ ต่อไปนี้คือเรื่องราวของนักเตะคนนี้ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ฟุตบอลไทยสไตล์ยอดี้ บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มของชีวิตนักเตะบอกเลยว่าเต็มไปด้วยพาสชั่นแรงบันดาลใจมากๆ อยากชวนติดตามกันครับ “จริงๆผมก็เป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ที่อยากจะเล่นฟุตบอลจริงๆจังๆมีคุณพ่อเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้เล่นลีกอาชีพอะไร ซึ่งคุณพ่อ คณแม่อยากให้ผมเล่นกีฬาเพื่อห่างไกลจากยาเสพติดมากกว่า ก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะต้องเด่นทางกีฬา ก็ไม่ได้คิดไม่ได้ใฝ่ฝันว่าจะต้องติดทีมชาติ หรือว่าจะต้องเล่นฟุตบอลอาชีพอะไร แต่ว่าพอโตมาก็มาไกลเกินฝัน ไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้” ทว่าเมื่อวันเวลาเปลี่ยนผ่าน เด็กชายคนนี้จากกาญจนบุรี กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หลงไหลในมนต์สเน่ห์กลิ่นสาปลูกหนังเข้าจังๆ จากเด็กชายตัวเล็กๆ ที่เริ่มเตะบอลตั้งแต่จำความได้ตอน 8 -9 ขวบ เริ่มเล่นทีม ป. 1 จนถึง ป.5-ป.6 สะสมพื้นฐานทักษะลูกหนังเรื่อยมา ก่อนจะฉายแววโดดเด่นพาทีมคว้าแชมป์กับโรงเรียนมาตลอด กระทั่งฟอร์มจะไปเตะตาแมวมอง ที่เริ่มมองหานักเตะเข้าอะคาเดมีทีมในเมืองกาญจนบุรีแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นแมวมองที่ว่าก็สนใจในตัวของเจริญศักดิ์ เช่นกัน จากรอยต่อของโอกาส เชื่อมสะพานต่อเนื่อง ส่งให้เจริญศักดิ์ ได้รับการคัดเลือกเข้าฝึกฟุตบอลแบบมืออาชีพพร้อมกับได้เรียนรู้เพิ่มพูนสกิลลูกหนังมากขึ้น จากโค้ชฟุตบอลที่ชื่อโค้ชกรวิทย์ วิเศษสิงห์ ที่ทำอะคาเดมีในเมืองกาญจนบุรี ในนามเมืองกาญจน์ (ค้างคาวน้อย) ที่นับว่าเป็นอีกอาจารย์ลูกหนังของเท่ห์อีกคน ที่ได้มาช่วยขัดเกลา จากที่ก่อนหน้านี้มีคุณพ่อของตนที่เป็นนักฟุตบอล คอยฝึก คอยสอน ซึ่งตลอดเวลาที่มาอยู่อะคาเดมี แห่งนี้ แน่นอนว่าเจริญศักดิ์ ได้รับโอกาสประสบการณ์มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะได้ก้าวขยับจากระดับบอลโลกโรงเรียนไปแข่งรายการ ไพรม์มินิสเตอร์ คัพ รุ่น 13 ปี และ 15 ปี ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการฟุตบอลเยาวชนดังในช่วงนั้นที่นักเตะเยาวชนๆหลายๆคน ต้องเคยผ่าน แม้ตำแหน่งที่ผ่านมา จะเล่นเป็นปีกมาตลอด แต่เท่ห์เล่าให้ฟังว่าตำแหน่งแรกๆ ที่เล่นในวัยเด็กจริงๆของเจ้าตัวหาใช่ตำแหน่งปีกที่เราเห็นจนคุ้นตาจนสร้างชื่อ แต่เท่ห์บอกว่าตำแหน่งแรกที่เคยเล่นคือกองหลัง เซนเตอร์ฮาล์ฟ เหตุผลเท่ห์บอกว่า “ในตอนเด็ก เราเป็นคนเตะแรง โค้ชก็จะให้เราเป็นกองหลังเพราะว่า ฟุตบอลในวัยเด็กตอนนั้น ยิ่งเตะไปข้างหน้าได้ไกลที่สุดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบ” แต่พอโตมาเริ่มเข้ากับระบบฟุตบอล 11 คน ในรายการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนท์ รายการต่างๆ ก็เล่นปีกมาตลอด ก็เรียกว่าชำนาญเลยก็ว่าได้ ส่วนตำแหน่งอื่นก็เล่นได้หมดทั้งหน้าต่ำ , ปีกซ้าย , กลางตัวรุก และหน้าเป้า ก็เคยเล่นตำแหน่งนี้เช่นกัน ในแผงรุกผมก็เล่นได้ เล่นได้หมด แต่ถ้าถามว่าชำนาญตำแหน่งไหนสุดก็น่าจะเป็นปีก ซึ่งปีกฝั่งขวาจะถนัดที่สุด แต่ก็สามารถโยกไปเล่นฝั่งซ้าย กลางรุก ได้ เรียกว่า ตำแหน่งที่เล่นปีก ก็คงใกล้เคียงกับเท่ห์ ที่มีไอดอลลูกหนังจากการดูบอลครั้งแรกเมื่อปี 2006 ฟุตบอลโลก ฝรั่งเศสกับอิตาลี ที่ชิงชนะเลิศ ตอนนั้นที่เจ้าตัวยอมรัยว่าปลื้ม ซีเนอดีน ซีดาน มากๆ ซึ่งเป็นไอดอลคนเดียวกับคุณพ่อ ที่ดูในวัยนั้น ก็จำมาตลอด แม้จะไม่ได้เล่นตำแหน่งเดียวกันกับซีดานที่เล่นกลางรุกเพลย์เมกเกอร์ แต่เท่ห์บอกว่าชื่นชอบในสไตล์การเล่นและทักษะพื้นฐานของซีดาน ที่เล่นบอลชาญฉลาดสวยงาม นิ่มนวล ซึ่งจากความชอบหลงไหลในไอดอลบวกประสบการณ์ ในการเดินสายแข่งขันอยู่บ่อย เปรียบไปก็คล้ายกับการสะสมชั่วโมงบินของนักเตะรายนี้ ให้พร้อมที่จะสยายปีกโบยบินต่อ ทว่า อย่างไรก็ดีชีวิตกว่าจะประสบความสำเร็จย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และย่อมมีเรื่องบททดสอบหัวใจเป็นปกติธรรมดาหาใช่เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ “ในช่วงเข้ามัธยมตอนนั้นผมจบป.6 ที่โรงเรียนเก่า ได้ไปอยู่อะคาเดมี่ของเมืองกาญจน์ ในตอนนั้นพาทีมคว้าแชมป์ไพร์สมิสเตอร์ ระดับภาคกลาง ตอนนั้นที่กลีบบัว จ.กาญจบุรี เป็นเจ้าภาพ คราวนี้ก็จะต้องหา ม. 1 ที่จะต้องเรียนต่อใหม่ จริงๆแถวบ้านผมก็มีโรงเรียนดีๆเยอะ ในกาญจนบุรี และสุพรรณบุรี ไม่ได้เน้นฟุตบอลแบบที่เราอยากดำเนินเป็นนักฟุตบอล อยากจะเป็น ผมก็เลยลองหาแนวทางก็มี ทั้งโรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ตอนนั้นเป็นที่แรกที่ผมอยากจะไป โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ดังมาก แต่ด้วยสรีระของผมที่สูง 137 เซนติเมตร ในตอนนั้นและก็ผอมบาง คิดว่าไปก็คงไม่ติด ตอนนั้นที่ไปคัดก็มีนักบอลที่มีความฝันเดียวกันไปคัดร.ร. กีฬาสุพรรณบุรี คำนวณแล้วก็พันกว่าคน ก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปตอนนั้น ก็เลยมองหาโรงเรียนอื่นๆ ที่เราจะมีโอกาส ก็มีรุ่นพี่ และทางโค้ชอะคาเดมีเมืองกาญจ์ ช่วยแนะนำก็คือโรงเรียนกีฬานครปฐม เลยลองไปคัดดู เป็นที่เปิดใหม่ด้วย ซึ่งคนไปคัดก็ประมาณ 500-600 คน จากนั้นเราก็ศึกษาและเตรียมตัว เพื่อพัฒนาตัวเอง เพื่อจะเตรียมไปคัดที่โรงเรียนกีฬานครปฐม ก็คัดตัวติดเป็นนักฟุตบอลที่โรงเรียนกีฬานครปฐม ก็โอเคเป็นโรงเรียนกีฬา ฟุตบอลโดยตรงด้วย ก็ได้เข้าไปคัด ก็ติดใน30 คน ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะติดก็ดีใจมาก ก็ศึกษาเรียนและเล่นฟุตบอลที่นั่นจนจบม.6 ครับ” พอได้ไปตรงนั้นแน่อนว่า เจ้าเท่ห์ในวัยมัธยมก็ได้พัฒนาขึ้น ท่ามกลาง บุคลากรลูกหนังหลายๆท่าน ที่ได้ส่งมอบวิชาฟุตบอล จนซึมซับวิชาลูกหนังที่โรงเรียนนั้น ก่อนจะตอบแทนโรงเรียนกีฬานครปฐม ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ ประสบความสำเร็จมากมาย อาทิ แชมป์รายการใหญ่ โค้กคัพ ภาคกลาง ,ไพรม์มินิสเตอร์ คัพ กระทั่ง กีฬาแห่งชาติ เจ้าเท่ห์ก็เคยเคยเล่น แถมเล่นแบบแบกรุ่นมาตลอด ถามว่าทำไมแม้อายุยังน้อย แต่สามารถเล่นแบกรุ่นกับคนอายุมากกว่าได้ เจริญศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า “โค้ชที่โรงเรียนมักพาพวกเราเดินสายไปเล่นด้วยๆบ่อย ซึ่งการแบกรุ่นก็คือพออายุกระดูกเริ่มได้ ก็ประมาณ ม.3 ม.4 เริ่มไปเตะบอลเดินสาย ก็ได้เจอนักเตะรุ่นใหญ่ๆ อาทิตย์นึง เตะ 3-4 แมตช์ ก็เลยแกร่งตามแมตช์แข่งขันที่เราเล่นมาเลย ก็โชคดีที่ไม่มีอาการบาดเจ็บตอนเดินสายแข่งขัน” พอจบ ม. 1-6 จากโรงเรียนกีฬานครปฐม จากการเดินสาย แข่งขันเตะบอลแบบต่อเนื่อง ในช่วงวัยมัธยมที่เหมือนเป็นการสะสมกระดูกประสบการณ์การเล่นฟุตบอลให้เพิ่มมากขึ้นกับเพื่อนๆและโรงเรียน ทว่าในช่วงประมาณ ม.5 ชีวิตลูกหนังของเท่ห์ เริ่มเปล่งประกาย ดุจแสงสปอตไลท์ ที่คอยส่องเส้นทางพ่อค้าแข้งได้เดินต่อ จนมาถึงโอกาสในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในชีวิต กับจุดเริ่มในช่วง ม.5 ที่ได้มีโอกาสไปคัดตัวที่แอร์ฟอร์ซ ในยุค “โค้ชเตี้ย”สะสม พบประเสริฐ กุนซือคนโตตัวเล็กคุมทัพในขณะนั้น ซึ่งในพาร์ทนี้เอง ที่นับว่าเป็นจุดเริ่มของถ้อยคำที่ เจริญศักดิ์ นั้นจำขึ้นใจและมีความหมายต่อการเดิมพันอนาคตนักเตะอาชีพเจ้าตัวอย่างแท้จริง .. “ วันแรกที่ผมไปคัดก็ได้ลงทีมกับต่างชาติทีมไอวอรี่โคสต์ วันนั้นที่ไปลงทีมก็ไปเล่นร่วมกับพี่โจ้ ศรายุทธ ชัยคำดี และเซนเตอร์ฮาล์ฟ พี่จักรพงษ์ ใหญ่โต ไปอุ่นเครื่องกับพี่เค้าๆ พอดีว่าในวันนั้นผมก็โชว์ฟอร์มดี แต่วันอุ่นเครื่องกับไอวอรีโคสต์ทาง โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ ไม่ได้มาสนาม ก็เลยไม่ได้เห็นเรา ทางผู้ช่วยโค้ชแอร์ฟอร์ซ ก็อยากให้ผมมาคัดอีกวันนึง ก็เป็นวันที่ไปอุ่นเครื่องกับเมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งโค้ชเตี้ย จะมาในวันนั้นและอยากจะเห็นฟอร์มผมกับตา ทีนี้พอวันที่ได้ลงทีมกับเมืองทอง ผมกำลังจะเปลี่ยนตัวลงสนาม ช่วงครึ่งหลัง ก่อนเปลี่ยนตัวลงพี่เตี้ย ก็มาบอกว่า ถ้าผมเล่นได้ เล่นดีเหมือนผู้ช่วยโค้ชบอกเหมือนแมตช์ที่แล้ว จะเซ็นสัญญาจับเล่นลีกอาชีพเลย วันนั้นเจริญศักดิ์ เล่าว่า "ผมก็ยิงประตูเมืองทอง ได้1 ลูก ด้วยก็เลยเข้าตา จากนั้นก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นนักอาชีพ ที่ก็คุยเรื่องสัญญานักเตะกัน ซึ่งทางแอร์ฟอร์ซ สนใจในตัวผมได้เซ็นลีกอาชีพครั้งแรกก็ดีใจมากๆ เลยในตอนนั้น เพราะตอนนั้นผมเพิ่งเรียนอยู่ชั้น ม.5” จากนั้นถือว่าเป็นก้าวแรกของ เจริญศักดิ์ นับหนึ่งจนเล่นอยู่แอร์ฟอร์ซ 3 ฤดูกาล เรื่อยมาอยู่ตั้งแต่หล่นชั้นจากไทยลีก สู่ไทยลีก2 จนหวนเลื่อนชั้นขึ้นชั้นขึ้นลีกสูงสุดอีกครั้ง ก่อนโชคชะตาจะนำพาให้เจ้าตัวย้ายไปเล่น พัทยา ยูไนเต็ด ร่วมงานกับโค้ชอั๋น สุรพงษ์ คงเทพ ซึ่งในปีแรกในรั้วสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด เจริญศักดิ์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ด้วยตอนนั้นชื่อเสียงค่อนข้างขึ้นหม้อ ในฐานะนักเตะดาวรุ่งน่าจับตามองที่มีชื่อติดทีมชาติไทยทั้ง รุ่น U19 และรุ่น U23 จึงทำให้แรกๆ เท่ห์ได้ลงเล่น ลงสนามบ่อยๆ อย่างไรก็ดีด้วยระบบที่มีปรับเปลี่ยน ก็มีบ้างที่ทำให้เท่ห์ในช่วงปีแรก จะมีช่วงเวลาที่อาจต้องใช้เวลาปรับตัว ซึ่งเท่ห์ก็ไม่ย่อท้อ แม้จะใช้เวลาเกือบปี แต่ก็พยายามจะเรียนรู้ เพื่อเล่นเข้าระบบกับทีมให้ได้ จากความตั้งใจนี้เอง ก็ผลิออกดอกผลทำให้ตอนย้ายไปอยู่พัทยา ยูไนเต็ด ในปีถัดมาที่สโมสรยังเล่นระบบเดิม จากที่เท่ห์ได้ซึมซับเรียนรู้หมั่นฝึกซ้อมในระบบนี้ ก็เลยเริ่มกลับมาเริ่มมีโอกาสเป็นตัวจริงอีกครั้ง พร้อมกับยึดสัมปทานตำแหน่งทางขวาในพื้นฟลอร์หญ้าสนามบอล ช่วงนั้นเรียกได้ว่า เจริญศักดิ์ เล่นทั้งในวิงแบ็ก กึ่งปีก กึ่งแบ็ก เล่นตัวรับสลับ ตัวรุก จนเริ่มโชว์ผลงานได้ดีเรื่อยๆ ตามลำดับ เรื่อยมา แม้พัทยาจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นสมุทรปราการ ซิตี้ ก็ตาม กระทั่งเปลี่ยนผ่านจากโค้ชไทย มาเป็นโค้ชชาวญี่ปุ่น เจริญศักดิ์ ก็ยังได้รับความไว้วางใจอยู่เสมอๆ ทั้งการได้ร่วมงานกับ มูระยามะ จนถึง มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เหมือนเป็นการหล่อหลอม การฝึกซ้อมในหลายรูปแบบ ทำให้เจ้าตัวได้มีส่วนช่วยพัฒนาฝีเท้าตัวเค้าต่อยอดมาจากโค้ชคนอื่นๆที่เคยฝึกปรือ ฝีกซ้อมมา เพราะด้วยสไตล์การคุมทีมของ อิชิอิ และสไตล์การเล่นของเรา ทำให้เราได้เล่นตำแหน่งที่เราถนัดจริงๆ อีกทั้งแนวทางการฝึกการซ้อมรูปแบบ แบบแผนมืออาชีพสไตล์ญีุ่ป่นที่เข้มข้นเต็มร้อย ไม่ปล่อยผ่านหากการฝึกซ้อมยังไม่ผ่านมาตรฐานการซ้อมที่วางไว้ ตรงจุดนี้เอง ที่เจริญศักดิ์ มองว่าทำให้ตัวเค้าได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีอย่างมาก เมื่อเวลาพอได้ไปแข่งขันจริงๆ ก็จะได้ไม่กดดัน เล่นได้แบบไม่ผิดแผนตามที่โค้ชวางไว้ “โค้ชญี่ปุ่น ถ้าคุณซ้อมไม่ดี คุณก็ต้องซ้อมอยู่แบบนั้น ถึงจะได้ไปแพทเทิร์นรูปแบบการซ้อมใหม่ ยอมรับว่าโค้ชญี่ปุ่น เค้าเป๊ะตรงนี้มากๆ ในแบบที่เค้าถอดมาคือแบบที่เค้าเอามาให้นักเตะในแต่ละวัน แต่การฝึกซ้อมแม้จะหนัก แต่โค้ชกับนักฟุตบอลก็คุยกันตลอด โค้ชจะเดินเข้าหานักเตะเลย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง รูปแบบการซ้อมหนักไปไหม คุณชอบหรือเปล่าตำแหน่งนี้ โค้ชก็จะใส่ใจนักเตะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งขึ้นมาหรือว่าตัวสำรอง ที่ย้ายมาใหม่ โค้ชก็จะถามทุกคนไม่มีใครเป็นแบบซูเปอร์สตาร์ สำหรับตัวผมที่ถามผมก็คุยกับเราว่าอันไหนที่ทำดีแล้วก็ทำต่อไป ถ้าอันไหนทำไม่ได้ก็มาปรึกษาโค้ชได้ โค้ชก็จะแนะนำโค้ชก็จะมองแต่ละคน การซ้อมในวันนี้หรือแต่ละวันเราเต็มที่หรือยัง เต็มร้อยหรือไม่ ก็จะพูดคุยแนวทางแบบนี้เกือบทุกๆคนในทีม” แม้จะพัฒนายกระดับมากเพียงใด สิ่งหนึ่งที่นักเตะหนุ่มจากกาญจนบุรี แสดงให้เห็นก็คือความถ่อนตน และความสม่ำเสมอต่อเป้าหมาย “คนอื่นมองอย่างไรไม่รู้ แต่ตัวเค้ายังต้องพัฒนาอีก ต้องดีกว่านี้ ด้วยแนวคิดไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ พร้อมยกตัวอย่างนักเตะดังระดับโลก ขนาดโรนัลโด้ , เมสซี่ เก่งระดับโลกเค้ายังไม่หยุดพัฒนาเลย กลับกันเรายังเด็ก วัยรุ่นอยู่ ก็ต้องพัฒนาต่อไป ยิ่งๆขึ้นไปเพราะว่า รุ่นหลังๆ ก็รุ่นน้อง ขึ้นมาเยอะๆ ต้องถีบตัวเองขึ้นมาให้ได้เยอะๆ ให้รุ่นน้องได้ตามขึ้นมา ก็เป็นผลดีต่อทั้งสโมสรและเป็นผลดี ของทีมชาติไทย ด้วย ส่วนการก้าวมาเล่น ทีมชาติไทย ก็ถือว่าความฝันเป็นจริงแล้ว เพราะหากย้อนนึกภาพกับไปที่เราเริ่มมีความฝันการติดทีมชาติไทย แทบไม่มีในหัวผมเลย ตอนนั้น ตอนเด็กๆ ช่วงเล่นฟุตบอลใหม่ ๆ ขอแค่ได้เล่นลีกอาชีพ เพราะความตั้งใจ อยากจะมีทีมเล่น มีเงินเดือนเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเราจะได้ยกระดับตัวเองมาก้าวมาเล่นอยู่ไทยลีก มาเล่นทีมชาติ ซึ่งเป็นภาพไม่มีอยู่ในหัวเลยจริงๆ ก็มองว่าการที่เราพัฒนามาอยู่จุดนี้ได้ เป็นอะไรที่ภาคภูมิใจ มากไปกว่านั้น ก็คือพ่อแม่ได้ภูมิใจ ได้มีความสุขไปกับตรงนี้ด้วยทำให้เรา อยากอยู่กับฟุตบอลมากขึ้น อยากทำอะไรที่มากกว่านี้ไม่หยุดพัฒนา ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สิ่งสำคัญคือทำเพื่อทีม อันไหนที่ไม่ดี ก็นำมาแก้ไขปรับปรุง "ก็ขอเป็นกำลังใจน้องๆ ขอให้ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรักให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ออกมาอย่างไร อยากให้น้องๆรักฟุตบอลเข้าไว้ ฟุตบอลก็ให้อะไรเราไม่ได้ทุกคน เราต้องพยายามไขว่คว้า ขวนขวาย อาชีพนักฟุตบอลพูดกันจริงๆ ก็สุขสบายในส่วนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่ตัวเรา อาจจะเป็นครอบครัวเรา ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจฝึกฝนให้มากๆ เชื่อฟังโค้ชอันไหนที่บั่นทอนจิตใจ อยากให้มองย้อนกลับไปยังมีครอบครัวเรา โค้ช , สต๊าฟฟ์ คนรอบข้างเพื่อนร่วมทีม แฟนบอล คอยสนับสนุนเราอยู่เสมอ ก็อยากให้น้องๆทุกคนตั้งใจ และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ตามที่ตัวเองตั้งใจในการเป็นนักฟุตบอลครับ" จะเห็นว่าตลอดเส้นทางของ เจริญศักดิ์ กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ จุดที่เจ้าตัวเคยบอกว่ามาไกลเกินฝัน นั้นแท้จริงแล้วสิ่งหนึ่งที่นักเตะหนุ่มอนาคตไกลรายนี้แสดงให้เห็นมาตลอดนั่นก็คือ ความพยายาม ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น เพื่อจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ซึ่งก็พิสูจน์และได้แสดงให้เห็นแล้วว่าต่อให้ความฝันจะไกลเพียงใด หรือไกลเกินเอื้อม แค่ไหน สุดท้ายที่สุดของความฝัน ความสำเร็จ ก็ยอมจำนนต่อคนที่สู้และพยายามเสมอ ดั่งคำตอบของคำถาม หากมีโอกาสจะไปเล่นเจลีกไหม ? เจริญศักดิ์ บอกว่าไปแน่นอนครับ อยากไปเล่นตามพี่อุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน) พี่เจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) ที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว ก็อยากเดินตามรอยของพี่ๆ เช่นเดียวกับการก้าวไปติดทีมชาติไทย ก็เป็นอะไรที่เป็นเกียรติและเกินฝันของเจ้าตัวจริงๆ #ฟุตบอลไทยสไตล์ยอดี้ #TrueID #TrueIDCreater #เจริญศักดิ์วงษ์กรณ์ #ฟุตบอลไทย #บอลไทย #เจลีก #ทีมชาติไทย #ไทยลีก เนื้อหาบทความทั้งหมดสัมภาษณ์ และเรียบเรียงโดย ฟุตบอลไทยสไตล์ยอดี้ ขอบคุณภาพจากเพจ ฟุตบอลทีมชาติไทย และสโมสร CEREZO OSAKA ภาพปกซ้าย ภาพปกขวา ภาพประกอบ 1 ภาพประกอบ 2 ภาพประกอบ 3 ภาพประกอบ 4 ภาพประกอบ 5 ภาพประกอบ 6 ภาพประกอบ 7 ภาพประกอบ 8 ภาพประกอบ 9 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !