***ทั้งหมดเป็นแค่การสันนิษฐานโปรดใช้จักรยานในการอ่าน***https://www.instagram.com/p/Cj8J4WOovl2/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=loadingผู้เขียนได้คุยกับคุณพ่อที่เป็นอดีตแฟนบอลลิเวอร์พูลหลังจากที่มีข่าวการขายทีมกะทันหัน แต่ที่มาที่ไปและแหล่งที่ยืนยันได้ยังไม่ปรากฏให้เห็นจึงได้คาดการไว้ประมาณนี้ค่ะอยากแรกที่คิด คือ ถ้าการที่ FSG ประกาศขายทีมเป็นเรื่องจริงและเลือกประกาศผ่านสื่อในตอนจับฉลากรอบ 16 ทีม บวกกับเป็นช่วงกลางฤดูกาล เป็นไปได้ว่าเป็นการประกาศเพื่อหาคนมาซื้อสโมสรและแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคนมาสานต่อ มันใช้เวลาค่อนข้างนานในการตกลงสัญญาขายกันและกว่าจะเสร็จสิ้นก็คงหลังจบฤดูกาลไปแล้ว ช่วงที่ FSG มาซื้อลิเวอร์พูลคือช่วงปี 2010 ซึ่งช่วงแรกๆก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่สุดท้าย FSG ก็พาลิเวอร์พูลเป็นทีมที่แข็งแกร่งระดับต้นของยุโรปจนถึงปัจจุบันได้ https://www.instagram.com/p/Cjx2JJ5t1kX/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=loadingแล้วทำไมถึงไม่ประกาศด้วยตัวเอง?ถ้ามองในทางธุรกิจ การที่อยู่ๆจะออกมาพูดเองให้ดูเป็นความจริงเลยอาจจะมีผลกับหุ้นก็เป็นได้ เพราะการที่มีข่าวออกมาในแต่ละครั้งธุรกิจที่ใหญ่มากๆจะมีการคุยปรึกษาก่อนไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อธุรกิจและหุ้นส่วน และส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยออกมาบอกด้วยตัวเองอยู่แล้วว่าจะซื้อใคร จะทำอะไร แต่เลือกที่จะให้เป็นข่าวลือไปมากกว่าส่วนนึงเพื่อดูกระแสจากแฟนบอล หรืออื่นๆhttps://www.instagram.com/p/CjTF6u_Nh0W/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=loadingคิดยังไงถ้าที่จริงแล้วมันเป็นการขายหุ้น?ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ก็มองไม่ออกว่าทำไมถึงประกาศขายหุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะได้ขนาดนั้น แล้วไม่รู้ว่าจะขายหุ้นไปกี่เปอร์เซ็น เพราะมันดูเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรจึงไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะแค่จะขายหุ้นเฉยๆ เว้นแต่ขายเยอะก็เรียกว่าเป็นการขายทีมได้เหมือนกันhttps://www.instagram.com/p/Cj8J4WOovl2/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=loadingอะไรที่ทำให้ FSG ที่อยู่มา 12 ปีถึงเลือกขายทีมในปีนี้?ตอนที่ FSG ยื่นซื้อลิเวอร์พูลมูลค่าอยู่ที่ 300 ล้านปอน ตอนปี 2010 ผ่านไป 12 ปี ลิเวอร์พูลมีอัตราการเจริญเติบโตในทุกๆปีจนทำให้มูลค่าปัจจุบันในปีนี้คือประมาณ 3,000 ล้านปอน เรียกได้ว่าถ้าขายไปก็มีกำไรมหาศาลหลังจากได้พูดคุยกับแฟนบอล ลิเวอร์พูลในช่วงนั้นไม่ค่อยทุ่มซื้อนักเตะมากเว้นแต่ถ้าขายได้รายได้มากก็อาจมีโอกาสที่มีเงินซื้อนักเตะราคาสูงมากขึ้นแต่ถ้าขายนักเตะไม่ได้หรือได้กำไรน้อยละก็แทบไม่มีหวังเลย ซึ่งถ้ามองอีกมุมเขาก็พัฒนาด้านอื่นๆอย่างเต็มที่เหมือนกัน เช่น เรื่องสนามและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทาง FSG เคยยืนยันออกมาว่า แผนของเขาคือการให้ลิเวอร์พูล พึ่งตัวเองได้ โครงการที่เป็นการขยายสนามแอนฟิลด์เป็นการปล่อยกู้โดยเจ้าของสโมสร และเคยมีข่าวว่า FSG ไม่รับเงินจากสโมสร แต่เป็นสโมสรที่จัดหาเงินทุนเอง เจ้าของเป็นแค่ผู้บริหาร แต่ในการขายในครั้งนี้หลายคนมองว่าท้ายที่สุดก็อาจจะสู้เศรษฐีน้ำมันไม่ได้ย้อนกลับไปวันที่เจ้าของคนเก่า David Moores ได้คิดจะขายทีมในช่วงปี 2007 ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมายอมรับใน 3 ปีในตอนหลังที่ขายทีมไปแล้วว่า ไม่สามารถสู้กับ Abramovich ได้เลย ซึ่งในช่วงนั้นทีมเชลซีกำลังมาแรง FSG หลังซื้อมาก่อนสามารถพาทีมไปในทางที่ดีขึ้นแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้แฟนบอลหลายคนยอมรับในตัวเขาได้ ไม่มีใครรู้ว่าที่เขามาซื้อนี้จะมีความรักความศรัทธาให้กับทีมมากน้อยแค่ไหนการมาของคลอปป์และผู้ฝึกสอนทำให้ทีมมีพัฒนาการที่ดีขึ้น คล็อปได้กล่าวว่าสโมสรนิวคาสเซิลในตอนนี้ไร้ขีดจำกัดแล้ว ซึ่งก็หมายถึงทีมอื่นที่มีเศรษฐีน้ำมันดูแลอยู่นั่นแหละMoores เคยกล่าวหลังขายทีมว่า "เราต้องการบุคคลหรือครอบครัวที่รวยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและรักลิเวอร์พูลสามารถทำให้ฝันเป็นจริง เราลงทุนอย่างหนักและใช้เวลาอย่างมากในการตรวจสอบนักลงทุนที่มีศักยภาพและพบว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่เหมาะสมสำหรับลิเวอร์พูล"ซึ่งคำที่เจ้าของเก่าเคยกล่าวไว้ไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวกับเจ้าของปัจจุบันคิดอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นจริงคิดว่าเศรษฐีผู้ใดที่รักลิเวอร์พูลและรวยมากๆจะมาเป็นเจ้าของคนต่อไป หลังจากที่มีข่าวในการขายก็มีหลายคนให้ความสนใจที่เป็นข่าวส่วนใหญ่ก็คือจากสหรัฐ เราก็มาดูกันมาในอนาคตจะขายทีมหรือขายหุ้นหรือไม่มีอะไรทั้งสิ้นภาพประกอบ : IG Liverpool / 1 / 2 / 3 / 4ภาพหน้าปก : FB Liverpool 1 / 2 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !