ถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปอย่างยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก(UCL) ที่ก่อนหน้านี้ถูกเรียนกว่า ยูโรเปี้ยน คัพ โดยหลังจากที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถคว้าแชมป์สมัยแรกให้กับสโมสรได้สำเร็จ ทำให้แมนซิตี้เป็นทีมที่ 6 ที่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ยุโรปได้สำเร็จและทำให้พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีทีมคว้าแชมป์ UCL มากที่สุดในทวีปยุโรป แต่หากนับเป็นรวมจำนวนถ้วยที่ได้นั้น ยังเป็นรองทีมจากลาลีกาสเปนที่เรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ยุโรปไปได้รวมกันถึง 19 สมัย ในขณะที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกคว้าได้ทั้งหมด 15 สมัยมาดูกันว่า 6 ทีมจากพรีเมียร์ลีกที่เคยคว้าแชมป์ UCL ได้นั้นมีทีมไหนกันบ้าง มาดูกันทีมที่ 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (1 สมัย : 2022/2023)เจ้าของแชมป์ UCL ทีมล่าสุดในปีนี้ ที่พยายามไขว่คว้าความสำเร็จในถ้วยนี้มาเป็นเวลาเกือบสิบปี ผ่านความโศกเศร้าและความผิดหวังมาหลายฤดูกาล แม้ปีก่อนจะเข้าชิงแล้วพ่ายแพ้ให้กับเชลซีไปก็ตาม แต่มาในปีนี้ พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันทีมยักษ์ใหญ่และคว่ำแชมป์เก่าอย่างเรอัล มาดริด พุ่งทะยานมาชนะอินเตอร์ มิลานที่เป็นม้ามืดในปีนี้ไปได้สำเร็จ ความสำเร็จนี้ต้องชื่นชมทุกคนในสโมสรที่ผลักดัน พัฒนา ส่งเสริมให้ทีมเรือใบสีฟ้า แล่นสู่ความสำเร็จที่หลายๆคนรอคอยมานานแสนนานได้สำเร็จเสียทีทีมที่ 2 แอสตัน วิลล่า (1 สมัย : 1981/1982)สิงห์ผงาด แอสตัน วิลล่าก็เคยได้ชูถ้วยยุโรปกับทีมอื่นๆเหมือนกัน แต่ก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยยังใช้ชื่อว่า ยูโรเปี้ยน คัพ โดยเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จต่อเนื่องของวิลล่าจริงๆจากฤดูกาล 1980/1981 ที่ในฤดูกาลนั้น วิลล่าสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จ และได้ไปเล่นในฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่คาดฝันจริงๆว่าวิลล่าจะบินได้สูงจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แถมสามารถเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคในรอบชิงได้อีก ทำให้กลายเป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสโมสร แต่เมื่อมามองในปัจจุบัน การที่พวกเขาห่างเหินจากฟุตบอลยุโรปมานานแสนนาน แม้เป้าหมายจะไม่ไกลมากเหมือนแต่ก่อน แต่ฤดูกาลหน้าพวกเขาได้เข้าไปเล่นในยูฟ่า คอนเฟอเรนส์ ลีก ก็อาจจะเป็นใบเบิกทางที่จะทำให้แอสตัน วิลล่า กลับมาผงาดอีกครั้งในเวทียุโรปทีมที่ 3 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (2 สมัย : 1978/1979 และ 1979/1980)เจ้าป่าก็เคยไปไล่ล่าความสำเร็จในเวทียุโรปเหมือนกัน สำหรับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ที่สามารถคว้ามาได้ 2 สมัยติดต่อกัน มาจากความสำเร็จต่อเนื่องในฤดูกาล 1977/1978 ที่พวกเขาสามารถทะยานขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของสุดยอดผู้จัดการทีมอย่างไบรอัน คลัฟฟ์ที่เสกให้ทีมบินไปถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน และกลายเป็นตำนานของทีมไปด้วยผลงานที่เยี่ยมยอด แม้ในปัจจุบันทีมจะไม่ได้ไปสู่ความยิ่งใหญ่ถึงขั้นนั้นก็ตาม แต่การที่กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จและรอดจากการตกชั้นในฤดูกาลที่ผ่านมานั้น ก็ถือว่าเป็นตั๋วเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขานั้นมีโอกาสสร้างผลงานสุดยอดได้อีก หากทุกอย่างเป็นใจให้พวกเขานะทีมที่ 4 เชลซี (2 สมัย : 2011/2012 และ 2020/2021)ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าตั้งแต่การเทคโอเวอร์เชลซีภายใต้เจ้าของทีมอย่างโรมัน อบราโมวิชนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงเชลซีให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ ตั้งแต่การเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกจากทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและอาร์เซนอล ความท้าทายจากยุคตกต่ำของเชลซีหลังจากที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2011/2012 ที่ต้องเลือกใช้โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอในการคุมทีมชั่วคราว แต่เขาก็สร้างนิยายเล่มใหม่ให้กับทีมได้ ด้วยการพลิกหน้าประวัติศาสตร์เชลซีในการเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคในรอบชิงชนะเลิศไปได้ เถลิงแชมป์ UCL สมัยแรกให้กับทีมได้สำเร็จ และสมัยที่ 2 ก็มาสำเร็จอีกครั้งในยุคที่ตกต่ำเช่นกัน หลังจากที่โทมัส ทูเคิลตัดสินใจมาคุมทีมต่อจากแฟรงค์ แลมพาร์ดที่ถูกไล่ออกไป ใครก็ว่าฤดูกาล 2020/2021 แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าไปได้อย่างแน่นอน แต่สุดท้าย ก็เป็นทูเคิลที่หักอกแฟนบอลแมนซิตี้ ด้วยการเอาชนะในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ให้กับสโมสรได้อีกครั้ง แม้ภายใต้เจ้าของทีมใหม่จะแย่แค่ไหนก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เชลซีนี่แหละคือหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ในเวทียุโรปไม่แพ้ทีมอื่นๆเลยทีมที่ 5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (3 สมัย : 1967/1968,1998/1999 และ 2007/2008)เป็นอีกทีมที่สร้างความยิ่งใหญ่ในยุคเฟื่องฟูความสำเร็จได้อย่างมากมายสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทั้งสร้างเทพนิยายช็อคสนามในฤดูกาล 1998/1999 ที่พวกเขาสามารถพลิกกลับมาเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคได้ในช่วงครึ่งหลังของเกม จนสามารถคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลดังกล่าวได้สำเร็จ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคนั้นคือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ มาถึงสมัยที่ 3 ในฤดูกาล 2007/2008 ก็เป็นการต่อสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีอย่างมาก เพราะเชลซีในยุคนั้นก็ถือว่าเป็นทีมที่ดีทีมหนึ่งที่พร้อมมาท้าชิง แต่สุดท้าย ด้วยเหตุการณ์ในเกมและปาฏิหารย์ ก็ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 3 มาได้สำเร็จ และเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วย เพราะในฤดูกาลนั้นพวกเขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้สำเร็จเช่นกัน แม้ในยุคปัจจุบันพวกเขาจะดูห่างเหินจากถ้วยนี้ไปนานก็ตาม แต่เมื่อเปลี่ยนถ่ายมาถึงยุคของเอริค เทน ฮาก พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่น่ากลัวอยู่ เพียงแต่ว่าจะสามารถต่อสู้กับทีมอื่นๆที่พร้อมจะลุยเพื่อผ่านเข้าไปสู่รอบชิงได้หรือไม่เท่านั้นเองทีมที่ 6 ลิเวอร์พูล (6 สมัย : 1976/1977,1977/1978,1980/1981,1983/1984,2004/2005 และ 2018/2019)ทีมที่ได้แชมป์ยุโรปเยอะที่สุดในเกาะอังกฤษ ลิเวอร์พูล ที่ก่อนหน้านี้ในยุคของปู่บ็อบ เพรสลีย์ พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพไปได้ถึง 3 สมัย และสมัยที่ 4 นี้นั้นมาถึงในยุคของ โจ ฟาแกน และที่สร้างชื่อให้กับลิเวอร์พูลอย่างโด่งดังคือ ยุค 2004/2005 ที่พวกเขาสามารถพลิกมาเสมอกับเอซี มิลาน ยอดทีมจากอิตาลีในยุคนั้นได้อย่างสุดมันส์ และดวลจุดโทษเอาชนะไปได้อย่างงดงาม รวมไปถึงยุคเจอร์เกน คล็อปป์ ที่พวกเขาอกหักจากรอบชิงชนะเลิศในฤดูกาล 2017/2018 ที่แพ้ให้กับเรอัล มาดริดไป แล้วพวกเขาก็สามารถเสกแชมป์สมัยที่ 6 ได้สำเร็จหลังจากที่พวกเขาสามารถเอาชนะสเปอร์สในรอบชิงชนะเลิศไปได้ ทำให้พวกเขายังคงเป็นทีมที่คว้าแชมป์ยุโรปได้มากที่สุดในเกาะอังกฤษต่อไปอีกเรื่อยๆ แม้ฤดูกาลที่ผ่านมาจะไม่ใช่ฤดูกาลที่น่าจดจำของลิเวอร์พูลก็ตาม แต่การที่คล็อปป์ยังตัดสินใจที่จะคุมทีมต่อไปนั้น ก็เป็นทางที่ดีที่พวกเขายังคงสามารถไปต่อในเส้นทางการเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ถ้วยนี้ต่อไปฤดูกาลหน้าที่จะถึงนี้ อาจมีทีมม้ามืดที่จะมาสู้กับทีมที่ลุ้นแชมป์อยู่แล้วหรือพร้อมล้มแชมป์เก่าได้เช่นเดียวกับอินเตอร์ มิลานอย่างแน่นอนขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook UEFA Champions Leagueภาพที่ 2 จาก Facebook Manchester Cityภาพที่ 3 จาก Facebook Aston Villa FCภาพที่ 4 จาก Facebook Nottingham Forest ภาพที่ 5 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพที่ 6 จาก Facebook Manchester Unitedภาพที่ 7 จาก Facebook Liverpool FCภาพปกบทความ จาก Facebook UEFA Champions Leagueส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !