ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ผลการแข่งขันดั่งที่ทราบ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เสมอในเวลา 1-1 ก่อนพ่ายดวลจุดโทษมาเลเซีย 3-5 ตกรอบแรกท่ามกลางสายตาแฟนบอล 16,219 คน ที่เข้ามาเต็มความจุสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี คำถามแรกคือรู้สึกอย่างไรกับภาพแฟนบอลนั่งเรี่ยราดตามพื้น หางแถวยาวออกไปข้างนอก “ยืนตากแดด” เพื่อจะเข้าไปดูทีมของพวกคุณเล่น ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่ายุคนี้ทำไมต้องมาต่อคิวตั้งแต่เช้าเพื่อซื้อบัตร แต่พวกเค้าไม่บ่นกันนะ แฟนบอลทุกคนคือ The Best เมื่อผลการแข่งขันออกมาแบบนี้ ต้องกลับมาว่ากันแบบตามตรง “ทีมชาติไทยเล่นอะไรกัน” และปัญหา (ซ้ำซาก) ของทีมชาติไทยที่ล้มเหลวกลับมาแทบทุกชุด มันเกิดจากอะไร..ตามที่จั่วหัว “เราได้ยินคำขอโทษ” จากผลงานทีมชาติทุกระดับครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจบเกมไปส่องคอมเมนต์แฟนบอลรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ทุกช่วงอายุ เค้าชำแหละปัญหาได้หมดเลย และมันไม่ต้องทักษะฟุตบอลชั้นสูงอะไรมากมายก็สามารถอธิบาย “ความพ่ายแพ้” ต่อมาเลเซียในคิงส์คัพเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ได้ดังนี้1. จับบอลแรกไม่นิ่งนักเตะในทีมเอาบอลลงพื้นยังไม่พร้อมเล่นในจังหวะเดียว ต้องเสียเวลาแต่งบอลเข้าเท้าข้างถนัดถึงเล่นต่อ ในเกมกับมาเลเซียเราแทบไม่เห็นช้างศึกของเราเคาะบอลจังหวะเดียว ต้องจับบอลแล้วเงยหน้ามองหาเพื่อนเพื่อถ่ายบอล ข้อนี้ให้ความเป็นธรรมกับโค้ชทีมชาติว่าเค้าไม่สามารถใช้เวลาน้อยนิดแก้ไขได้ มันต้องเริ่มจากรากฐานเยาวชน (ไทยแลนด์เวย์ไปถึงไหนแล้ว)แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! เพราะทุก U ระดับเยาวชน “บอลเด็กก็เล่นแบบนี้” ทุกคนพูดถึงปัญหาจับบอลแรกไม่นิ่งมาตั้งแต่ยุค “ปีเตอร์ ชไมเคิล” ยังเป็นดาวรุ่งมาเตะคิงส์คัพ จนตอนนี้เค้าจะหกสิบ แฟนบอลในสนามวันนั้นจัดงานบวชหลานไปหลายคน ปัญหาจับบอลไม่นิ่งของทีมชาติไทยก็ยังแก้ไม่ได้2. คู่แข่งเห็นแผล วิ่งไล่เพลสเมื่อจับบอลกระเด้งกระดอน คู่แข่งไม่ต้องคิดอะไรมากแค่วิ่งไล่เพลสซิ่งอย่างเดียว นักเตะของไทยจากเล่น 3 จังหวะคือจับบอล - แต่งบอล แล้วค่อยจ่าย เมื่อถูกบีบให้ลดจังหวะการเล่นลง “ต้องรีบส่งบอล” ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นทันที ไม่กี่จังหวะก็เสียการครอบครอง แต่โชคยังดีเป็นแค่มาเลเซีย มีกำลังไล่เพลสหนักแค่ครึ่งเวลา ถ้าขึ้นไปเอเชียเจอพวกไล่บีบได้ทั้งเกม หรือปล่อยให้ “คิม พัน กอน” โค้ชเกาหลีใต้ได้อัปเกรดพัฒนานักเตะมาเลเซียให้ยืนระยะได้แบบปาร์ค ฮัง ซอ ทำได้กับเวียดนาม ช้างศึกของเราก็จะยิ่งต่อกรกับทีมระดับอาเซียนด้วยกันยากขึ้น3. แทคติกชวนงงของมาโน่ ลงทุนจัดแข่งในบ้าน แต่โค้ชกลับไม่ใช้เกมอุ่นเครื่องอันมีค่าทดสอบนักเตะ ทีมชาติไทยแพ้ไปโดยที่ “ยังใช้โควตาเปลี่ยนตัวไม่หมด” และฝืนตำแหน่งการเล่นของนักเตะแบบผิดธรรมชาติ เช่นเคยใช้กฤษดา กาแมน มาเล่นกองหลังแล้วทำผลงานได้ดี แต่ปัจจุบันเจ้าและห์เล่นมิดฟิลด์ได้วูบวาบกับชลบุรี ยังไม่เจอเหตุผลว่าทำไมต้องจับเค้ามาเล่นกองหลังอีก ทั้งที่ยังมีกองหลังธรรมชาตินั่งอยู่ข้างสนาม จับเอาตัวรุกถอยลงต่ำ โยกปีกขวามาเล่นปีกซ้าย อะไรเคยได้ผลใน AFF 2020 ก็ยังคิดว่ามันจะทำได้อีกครั้ง ทั้งที่เพื่อนร่วมอาเซียนเค้าพัฒนาไปเยอะแม้แต่ครึ่งหลังช่วงเวลาโหมบุก ยังต้องพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวนักเตะรายบุคคล ระบบการเข้าทำไม่เหนือกว่าเค้า คิดอะไรไม่ออกโยนบอลลุ้นโหม่งวัดดวง โค้ชยังเลือกวิธีการทำงานแบบเดิมซ้ำ ๆ “เสียดายโอกาสกู้ศรัทธา” กลับมาภาพแฟนบอลนั่งกับพื้นเพื่อรอซื้อตั๋ว บอลจบออกจากสนามกัน 5 ทุ่ม เราให้เค้าไปดูอะไร มีใครรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับผลงาน “ทีมชาติไทยทุกชุด” บ้างหรือเปล่า นั่งดูผลงานแบบนี้แฟนบอลเองก็รู้สึกหมดแรงได้เหมือนกันครับ..ภาพประกอบโดย ภาพปก ฟุตบอลทีมชาติไทย : พื้นหลัง , มาโน่ โพลกิ้ง / ฟุตบอลทีมชาติไทย : ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !