รีเซต
สวัสดีบอลโลก 2018 : "อังกฤษ" กับ 52 ปีแห่งการรอคอยบัลลังก์แชมป์โลกหนสอง ... by "บก.เก้น"

สวัสดีบอลโลก 2018 : "อังกฤษ" กับ 52 ปีแห่งการรอคอยบัลลังก์แชมป์โลกหนสอง ... by "บก.เก้น"

สวัสดีบอลโลก 2018 : "อังกฤษ" กับ 52 ปีแห่งการรอคอยบัลลังก์แชมป์โลกหนสอง ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
17 พฤษภาคม 2561 ( 16:36 )
3K

อังกฤษ
(โซนยุโรป : อันดับ 12 ของโลก)
(FIFA Ranking Update : 07 June 2018)

 

 

PROFILE

ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย : 14 ครั้ง

แชมป์ : 1 สมัย
– 1966 ชนะ เยอรมัน 4-2

ขุนพล “สิงโตคำราม” ตีตั๋วผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ไปได้เรียบร้อย ด้วยการจบอันดับ 1 ของกลุ่ม F เก็บชัยชนะไป 8 จาก 10 นัด โดยอีก 2 นัดเป็นการเสมอ พร้อมกับย้ำสถิติไม่แพ้ใครในรอบคัดเลือกหนนี้

ถือเป็นความโชคดีของ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือวัย 47 ปี ที่ในรอบนี้เจอคู่แข่งที่ไม่หนักจนเกินไป โดยผู้เล่นในชุดนี้ ส่วนมากเป็นผู้เล่นที่มากจาก 6 ทีมระดับท็อปในพรีเมียร์ลีก ซึ่งแน่นอนว่าดาวเตะตัวความหวังของทัพ “สิงโตคำราม” ที่จะไปลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก็คงจะหนีไม่พ้น แฮร์รี่ เคน หัวหอกกัปตันทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในทีมชาติ และสโมสร

แม้ว่าอดีตแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ทีมนี้จะถูกจับตามองว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่ค่อยๆ ลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยปัจจัยอะไรก็ไม่ทราบที่เรามักจะเห็นทีมชาติอังกฤษตกม้าตายในทัวร์นาเม้นต์สำคัญๆ ทั้งในฟุตบอลยูโร และฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเสมอ

ไม่มีใครปฏิเสธว่า พรีเมียร์ลีก คือหนึ่งในลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ที่คอยเติมเขี้ยบเล็บให้กับนักเตะอังกฤษเอง แต่หากขุนพล “ทรี ไลออนส์” ยังหวังที่จะประสบความสำเร็จในเวิลด์ คัพ 2018 ที่รัสเซีย เห็นทีพวกเขาคงจะต้องเพิ่มความเคี่ยวในเรื่องของแทคติก บวกกับสภาพจิตใจที่ต้องดุดันให้สมกับฉายา “สิงโตคำราม” มากกว่านี้ เหมือนดั่งที่ เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ พาทีมผงาดคว้าแชมป์โลกมาครองเมื่อ 52 ปีที่แล้ว

….

…..

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษ
ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย

ผู้รักษาประตู : แจ็ค บัตแลนด์ (สโต๊ค ซิตี้), นิค โป๊ป (เบิร์นลี่ย์), จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน)

กองหลัง : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล), แกร์รี่ เคฮิลล์ (เชลซี), ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (เลสเตอร์ ซิตี้), แดนนี่ โรส (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), จอห์น สโตนส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), คีแรน ทริปเปียร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แอชลี่ย์ ยัง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

กองกลาง : เดเล อัลลี่ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), ฟาเบียน เดลฟ์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), เอริค ดายเออร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล), เจสซี่ ลินการ์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), รูเบน ลอฟตัส-ชีค (เชลซี), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

กองหน้า : แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์ ซิตี้), แดนนี่ เวลเบ็ค (อาร์เซน่อล)

….

…..

รู้จักเฮดโค้ช : แกเร็ธ เซาธ์เกต

 

AP Photo/Pavel Golovkin

 

จากคนที่ยิงจุดโทษพลาดจนทำให้ทัพ “ทรีไลออนส์” ร่วงตกรอบเซมิไฟน่อลส์ในศึกยูโร 96 ต่อหน้าแฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษ มาวันนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กำลังจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำทีมชาติอังกฤษลงล่าแชมป์โลกสมัยที่สองบนผืนแผ่นดินรัสเซีย

ชนะ 8 เสมอ 6 แพ้ 2 คือผลงานทั้งหมดของอดีตแชมป์โลก 1 สมัยในยุคของ เซาธ์เกต หากพูดกันตรงๆ ก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร เพราะสองนัดที่ อังกฤษ ต้องพบกับความเพลี่ยงพล้ำนั้นล้วนเป็นการพบกับทีมดีกรีแชมป์โลกด้วยกันทั้งสิ้น (เยอรมัน และฝรั่งเศส)

จุดเดียวที่หลายๆ ฝ่ายกังวล และเคลือบแคลงใจในตัวของกุนซือรายนี้ก็คือ “ประสบการณ์” แต่ถ้ามองมุมกลับ อังกฤษ ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนักในช่วงเวลาที่ใช้บริการกุนซือมากประสบการณ์ไล่มาตั้งแต่ สเวน โกรัน อีริคส์สัน, ฟาบิโอ คาเปลโล่ รวมถึง รอย ฮ็อดจ์สัน

บางที การเสี่ยงใช้ลูกหม้อเอฟเอ อย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต ครั้งนี้ อาจจะทำให้แข้งทีมชาติอังกฤษหลอมรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว และไปไกลกว่ารอบควอเตอร์ไฟน่อลก็เป็นได้ หรือเผลอถ้าโปรแกรมการแข่งขันตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นใจ อังกฤษ ก็มีสิทธิ์ฝันไกลถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้เหมือนกัน

….

…..

สตาร์เด่น : แฮร์รี่ เคน

 

 

ดาวเตะวัย 24 ปีรายนี้ถือเป็นหัวหอกความหวังสูงสุดของเมืองผู้ดีเลยก็ว่าได้ ด้วยสถิติการถล่มประตูในระดับสโมสรกับ “ไก่เดือยทอง” ที่มากถึง 135 ประตู ตลอดการลงเล่นสี่ฤดูกาลหลังสุด (รวมทุกรายการ) เช่นเดียวกับผลงานในสีเสื้อทีมชาติที่กดไปถึง 7 ประตู จากการลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษ 6 นัดในปี 2017 ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับที่ฝากผีฝากไข้ได้

ความคมกริบในกรอบเขตโทษ สันชาตญาณในการล่าประตู รวมถึงลูกกลางอากาศ คือจุดเด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับความเร็ว การหาพื้นที่ว่างยามที่ไร้บอล และความแข็งแกร่งตามสไตล์อังกฤษ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยในการต่อสู้กับบรรดาแนวรับคู่แข่งที่พร้อมจะพาเหรดเข้ามาประกบตายเจ้าตัวอย่างแน่นอนใน เวิลด์ คัพ หนนี้

ความล้มเหลวในศึกยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าของหัวหอกรายนี้ว่า การจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกได้นั้น เคน จำเป็นที่จะต้องรักษาฟอร์มการเล่นในเวทีระดับชาติให้คงเส้นคงวาด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเจ้าตัวมากที่สุดหากหวังที่จะขึ้นไปเทียบชั้นนักเตะระดับตำนานของอังกฤษทั้ง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, แกร์รี่ ลินิเกอร์, อลัน เชียร์เรอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น หรือแม้กระทั่งเจ้าของสถิติการถล่มประตูมากที่สุดของ “ทรีไลออนส์” อย่าง เวย์น รูนีย์

แล้วเรามาดูกันว่า การลงเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย หนแรกของเจ้าตัวนั้น แฮร์รี่ เคน จะแกร่งพอที่จะแบกความหวังของคนทั้งชาติในการไล่ล่าความสำเร็จ และยุติการรอคอยถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกกว่า 52 ปีของชาวอังกฤษได้หรือไม่

….

…..

“บก.เก้น”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้