รายการ : ฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายแมตช์การแข่งขัน : แมนยู พบ ลิเวอร์พูลวัน/เวลาแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2567 เวลา 22.30 น.สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ดถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 3 ศึก เอฟเอคัพ 2023/24 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นศึก "แดงเดือด" เวอร์ชั่นบอลถ้วย คู่ระหว่าง แมนยู พบ ลิเวอร์พูล เริ่มแข่งขัน คืนวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม เวลา 22.30 น. ถ่ายทอดสด ที่ช่อง beIN SPORTS 3 ศึกแดงเดือดที่คอบอลไม่ควรพลาด!!! เป็นนัดชี้ชะตาว่าใครจะอยู่หรือไป เพราะเกมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย หาก 90 นาที จบลงด้วยการเสมอกัน จะต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที หากยังทำอะไรกันไม่ได้จะต้องดวลจุดโทษตัดสิน และจะไม่มีเกมรีเพลย์แมตช์ แมนยู อดีตแชมป์ 12 สมัย เฉือนเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 มาในรอบที่แล้ว จะเปิดรังรับการมาเยือน ลิเวอร์พูล อดีตแชมป์ 8 สมัย ที่ฝ่าด่านเอาชนะเซาแธมป์ตัน 3-0 ในรอบที่ผ่านมา ทีมใด?จะสมหวังทะลุเข้าสูรอบรองชนะเลิศต่อไป TOOMTAM78 จะพาไปส่องความพร้อมก่อนเกมของทั้งสองทีมกันครับ ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุดลิเวอร์พูล 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)ลิเวอร์พูล 7-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 ลิเวอร์พูล (กระชับมิตร)ลิเวอร์พูล 4-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก) พรีวิวิความพร้อมก่อนเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผลงาน 5 นัดหลังสุดชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีกแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีกชนะ ฟอเรสต์ 1-0 (เยือน) เอฟเอ คัพแพ้ ฟูแล่ม 1-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีกชนะ ลูตัน ทาวน์ 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก สภาพความพร้อมก่อนเกมของปีศาจแดงในเกมนี้ ยังคงมีปัญหาในการจัดทัพ เนื่องจากมีผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย ได้แก่ อัลทาย บายินเดียร์, ลุค ชอว์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, ไทเรลล์ มาลาเซีย และ เมสัน เมาท์ ในขณะที่ อารอน วาน บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ น่าจะกลับมามีชื่อในลงสนามในแมตช์นี้ คาดว่าจะมาในระบบ 4-2-3-1 อารอน วาน บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ราฟาแอล วาราน, ดิโอโก้ ดาโลต์ ยืนเป็นสี่แนวรับ กองกลางวาง คาเซมิโร่ ประสานงานกับ ค็อบบี้ ไมนู ตัวรุกวาง บรูโน่ แฟร์นันด์ส คอยสร้างสรรค์เกม ขนาบข้างซ้ายขวา อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด หน้าเป้าวาง ราสมุส ฮอยลุนด์ หัวหอกชาวเดนมาร์กคอยผลิตสกอร์แมนยู (4-2-3-1) : อังเดร โอนาน่า (GK) อารอน วาน บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ราฟาแอล วาราน, ดิโอโก้ ดาโลต์, คาเซมิโร่, ค็อบบี้ ไมนู, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, อเลฮานโดร การ์นาโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, ราสมุส ฮอยลุนด์ พรีวิวความพร้อมก่อนเกมลิเวอร์พูลผลงาน 5 นัดหลังสุดชนะ สปาร์ต้า ปราก 6-1 (เหย้า) ยูโรป้า ลีกเสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก ชนะ สปาร์ต้า ปราก 5-1 (เยือน) ยูโรป้า ลีกชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-0 (เหย้า) เอฟเอ คัพ สภาพความพร้อมก่อนเกมของทีมหงส์แดง ยังมีปัญหาผู้เล่นเจ็บระนาวตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า ไม่ว่าจะเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์, โฌแอล มาติป, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, สเตฟาน บายเซติช, เคอร์ติส โจนส์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, ไรอัน กราเฟนแบร์ค, ดิโอโก้ โชต้า, เบน โด๊ค และ อิบาฮิม่า โกนาเต้ คาดว่าจะมาในระบบเดิม 4-3-3 แผงแบ็คโฟร์วาง โจ โกเมซ, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์กิล ฟานไดจ์ค, แอนดรูวส์ โรเบิร์ตสัน สามประสานกลางสนามวาง โดมินิค โซโบสไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ วาตารุ เอ็นโด สามตัวรุกนำทีมโดย "บังโม" โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ (GK) โจ โกเมซ, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์กิล ฟานไดจ์ค, แอนดรูวส์ โรเบิร์ตสัน , โดมินิค โซโบสไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, วาตารุ เอ็นโด, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ บทวิเคราะห์ เจ้าถิ่น แมนยู นอกจากฟอร์มการเล่นจะไร้ซึ่งทีมเวิร์คแล้ว ทีมของ เอริค เทน ฮาก ก็ยังมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บรุมเร้าหลานคน ส่งผลกระทบต่อผลงานของปีศาจแดงในหลายๆเกมที่ผ่านมา แม้จะเก็บชัยชนะมาในเกมลีกล่าสุดก็จริง แต่ก็เป็นการได้ประตูจากจุดโทษทั้งสองประตู โดยที่ฟอร์มการเล่นในเกมดังกล่าวไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ลิเวอร์พูล ก็มีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บล้นทีมเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือ ทีมหงส์แดงผลงานไม่ได้ตกลงไปเลย อีกทั้งยังยิงสลุตแบบไม่ปราณีอีกหลายเกม นี่ขนาดตัวเจ็บเยอะนะครับ ยังทำผลงานได้ดีขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยหากหงส์แดงฟูลทีม ผีแดงจะโดนกี่ลูก เรียนตามตรงว่าผู้เขียนที่เป็นเด็กผีแบบเข้าเส้นทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ศึก "แดงเดือด" เวอร์ชั่น เอฟเอคัพ แมนยูคงต้านท้านความร้อนแรงของผู้มาเยือนหงส์แดงไม่ไหว สภาพของเจ้าบ้านในตอนนี้เจอใครก็ยับ เพราะไร้ซึ่งระบบและทีมเวิร์คต่างคนต่างเล่นอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงานจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบนี้ เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วแม้จะมีผู้เล่นบาดเจ็บเหมือนกันทั้งคู่ แต่มองว่าผู้มาเยือนลิเวอร์พูลดูจะได้เปรียบที่มีทีมเวิร์คที่ดีกว่า และน่าจะใช้จุดแข็งตรงนี้ บุกไปเอาชนะได้ไม่ยาก ฟันธงสกอร์ : แมนยู 1-2 ลิเวอร์พูล เรื่องโดย TOOMTAM78 เครดิตรูปภาพTwitter/Manchester United รูปปก1 รูป1 รูป2Twitter/Liverpool FC รูปปก2 รูป3 รูป4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !