เข้าสู่สัปดาห์ที่ 12 การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกยังคงเข้มข้น โดยเป็นฝั่งเจ้าบ้านอย่างอาร์เซน่อลที่น่าจะแบกรับความกดดันมากกว่า เนื่องจากผลการแข่ง 4 นัดหลังสุดนั้น เข้าขั้นอุบาทว์หลุดฟอร์มหลุดลุ่ย เก็บชัยไม่ได้เลยสักนัดแพ้ไป 2 และเสมอ 2 ว่ากันว่าพวกเขาจะดร็อปแต้มไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้นทีมจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลจะลอยลำไปอย่างสบายตัว ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! สีหน้าท่าทางของกุนซือ Mikel Arteta อาการออกชัดเจน เพราะโดยปกติถ้าใครได้มีโอกาสติดตามอาร์เซน่อล เวลาที่เล่นในเอมิเรตส์สเตเดียมกุนซือชาวสเปนผู้นี้จะมีการกระโดดโลดเต้น มีการลุ้นระทึกไปกับลูกทีมราวกับตัวเองลงไปโม่แข้งเอง แต่นัดนี้ไม่ใช่เลย! Mikel Arteta อยู่ในอาการสงบสำรวมราวกับอยู่ในสำนักสงฆ์ ทุกอย่างที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกการกระทำที่รู้สึก โฟกัสแค่เกมในสนาม ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเขาค่อนข้างจะเครียดมาก ๆ แม็ทซ์นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และอาร์เซน่อลนำตัวเองกลับมาสู่ฟอร์มที่ต้องการได้อย่างไร เรามาคุยหลังเกมกันเลยครับ 1. Martin Ødegaard คัมแบ็คได้อย่างถูกเวลา ในแม็ทซ์นี้แม้ว่าทางการจะมอบตำแหน่ง Man of the match ให้แก่ผู้ทำประตูสุดสวยอย่าง Bukayo Saka แต่สำหรับผมแล้วผมขอยกให้ Martin Ødegaard พ่อหนุ่มผมทองเบอร์ 8 คนนี้คนเดียวเลย เพราะคุณผู้อ่านครับ เราไปย้อนดูได้เลยว่าบอลออกจากเท้าแกแต่ละลูกนั้นช่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบอลชิ่ง 1 - 2 แบบ One touch มันทำให้เกมของอาร์เซน่อลมีมิติในเกมรุกมากขึ้น จากแต่ก่อนที่จะใช้เพียงความเร็วของตัวริมเส้นอย่าง Bukayo Saka กับ Gabriel Martinelli ลูกเซตพีชการเล่นลูกกลางอากาศของ Gabriel Magalhães ก็ยังคงเป็นอาวุธหนัก แต่พอมี Martin Ødegaard หายเจ็บกลับมา ทุกอย่างจึงเข้าขั้นเพอร์เฟ็ค เซ้นท์บอลกับสมองฟุตบอลของแกนั้นเหนือชั้นมาก ๆ เราแทบจะไม่เห็นแกเลี้ยงบอลเลย การแทงบอลทะลุช่องระยะไกล ๆ ก็ไม่มี แต่เป็นการเคาะกับเพื่อนใกล้ ๆ นี่แหละ จังหวะไหนควรจ่ายเร็วจังหวะไหนควรเก็บบอลไว้ ของอย่างงี้ไม่ใช่ว่านักฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่นบอลทุกคนจะทำได้นะครับ 2. ฟอเรสต์เอาจริงแล้ว แต่สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง สาเหตุที่ผมมองแบบนี้ก็เพราะฟอเรสต์คือทีมเดียวในฤดูกาลนี้ ที่ยัดเยียดความปราชัยให้แก่ทีมจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลคาแอนด์ฟิลด์ได้ โดยแท็คติกที่ใช้ในวันนั้นเป็นการเล่นเกมรับแบบเต็มสูบ แล้วเก็บผู้เล่นริมเส้นตัวจี๊ดทั้งสองคนอย่าง Callum Hudson-Odoi กับ Anthony Elanga เอาไว้เป็นตัวทีเด็ด ทว่าเกมนี้กลับต่างออกไป พวกเขาบุกมาเยือนเอมิเรตส์สเตเดียมพร้อมกับการส่งแนวรุกลงครบทุกคน กะมาแลกมาเอาคะแนนแน่ ๆ แต่ผลงานกลับตรงกันข้าม ผมคิดว่านี่ไม่ใช่การแพ้ทางแท็คติกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะฟอเรสต์สู้ไม่ได้แบบหมดรูป พวกเขาสู้อาร์เซน่อลไม่ไหว รูปเกมจึงออกมาขาดลอยนุ่มเบาสบายเท้าเช่นนี้ 3. ลูกยิงสุดสวยของ Thomas Partey จังหวะนี้ผมอาจจะคิดแบบประหลาดโลกนิดนึงครับคุณผู้อ่าน คือผมมองว่า Thomas Partey แกไปยืนหลบอยู่หลังกรรมการไซม่อน ฮูเปอร์ จากภาพช้าพอบอลกลิ้งหลุน ๆ กระฉอกมาเข้าทางตรงบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ไซม่อน ฮูเปอร์ กรรมการหัวเหม่งก็ได้ทำการฉากตัวออก ประหนึ่งถูก Thomas Partey ใช้เป็นตัวสกรีน ผู้เล่นแนวรับของฟอเรสต์ไม่มีใครสังเกตเห็น Thomas Partey สักคน มารู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่กรรมการฉากตัวหลบ มิดฟิลด์ทีมชาติกาน่าก็เลยมีทั้งพื้นที่และเวลาจำนวนมากในการง้างเท้าและเลือกมุมยิง ผลก็คือซัดตูม! ไส้แตกตาข่ายแทบขาด! มาคิดดูเล่น ๆ นะครับคุณผู้อ่าน ว่าถ้ามีทีมฟุตบอลที่เล่นด้วยแท็คติกแบบนี้จริง ๆ คือการใช้ประโยชน์จากการยืนตำแหน่งของกรรมการ ทีมบอลทีมนั้นจะได้เปรียบคู่แข่งมากเลยนะครับ เพราะกรรมการจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ทันที เป็นมิดฟิลด์แดนกลางที่มากกว่าคู่แข่งอยู่หนึ่งคน กรรมการก็คือคน ๆ หนึ่งในสนามเช่นกัน นอกจากการเป็นตุลาการพิพากษาเกมแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านั้น เพียงแค่ยังไม่มีโค้ชคนไหนบ้าพอที่จะคิดทำ 4. เบอร์ 20 ของฟอเรสต์ นึกว่าแจ็ค กลิลิซ ของแมนซิตี้ หลังจากเพรี้ยงพร้ำเสียประตูไปเป็นน้ำ Nuno Espírito Santo โค้ชของฟอเรสต์ก็ได้ทำการแก้เกมด้วยการส่งผู้เล่นหมายเลข 20 อย่าง Jota Silva ลงมา โดยให้ลงไปเล่นตำแหน่งตัวรุกแดนบนเล่นทั้งด้านหน้าและถ่างออกด้านข้าง ฝีเท้าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่หรอกครับ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้ลูกหนึ่งแต่ล้ำหน้า ส่วนจังหวะที่โดดเด่นสะดุดตาก็คือการแปบอลอัดหัวเพื่อนตัวเอง ทว่าจุดที่ผมชอบคือทรงผมกับท่วงท่าลีลาของเขา ที่ละม้ายคล้ายคลึงแจ็ค กลิลิซ ของแมนซิตี้มาก ๆ มิหนำซ้ำยังใส่ชุดสีฟ้าเหมือนกันอีกต่างหาก ดีนะครับที่สกอร์ไม่เท่ากัน ไม่งั้นฟอเรสต์คงแพ้ 4 - 0 ไปแล้ว สรุปสุดท้าย เรียกได้ว่าอาร์เซน่อลกลับมาได้ถูกที่ถูกเวลาพอดี พวกเขากดปากแผลห้ามเลือดได้ทันท่วงทีพิษยังไม่แล่นเข้าสู่หัวใจ จังหวะการเล่นต่าง ๆ เริ่มกลับมาแล้ว การได้ตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บกลับมาสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก ลูกเซ็ตพีชเตะมุมก็ยังเป็นขนมหวานที่เชือดขนมกินได้ แม้แต้มจะถูกฉีกไปไกลสักหน่อย แต่พรีเมียร์ลีกชนะได้ 3 คะแนน ผมว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ลองชนะติดกันสัก 3 เกมติด แค่นี้พวกเขาก็กลับเข้าสู่เส้นทางได้แล้ว ฤดูกาลยังอีกยาวไกล ปีที่แล้วพวกเขายังเคยนำแมนซิตี้ขาดถึง 8 แต้ม แล้วผลเป็นไง? แชมป์เขาวัดกันวันสุดท้ายครับ ไม่ใช่หนึ่งสัปดาห์หลังวันลอยกระทง เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก FB : Arsenal ภาพหน้าปก 2 จาก FB : Arsenal รูปที่ 1 จาก FB : Arsenal รูปที่ 2 จาก FB : Arsenal รูปที่ 3 จาก FB : Arsenal รูปที่ 4 จาก FB : Arsenal ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !