ดำเนินการแข่งขันมา (เกือบ) ครึ่งทางแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2022/2023 โดยที่ในสัปดาห์ล่าสุดเป็นเกมที่ 18 ของหลายๆ ทีม ซึ่งผู้นำจ่าฝูงก็ยังคงเป็น "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลที่ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างสุดยอด ถึงแม้ว่านัดล่าสุดจะเปิดบ้านเสมอกับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนต็ด ทีมฟอร์มแรงประจำฤดูกาลนี้แบบโนสกอร์ โดยที่นิวคาสเซิล ณ ปัจจุบันรั้งอันดับ 3 ของตาราง ซึ่งก็พึ่งโดน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้แย่งตำแหน่งรองจ่าฝูงคืนมาได้ หลังจากที่แมนซิตี้บุกไปเฉือน "สิงโตน้ำน้ำเงินคราม" เชลซี คาสแตมฟอร์ด บริดจ์ 0-1 และเมื่อผ่านการแข่งขันกันไปแล้วเกือบครึ่งทางของฤดูกาล และสุดสัปดาห์นี้เกมลีกก็จะหยุดเตะกัน เพื่อหลีกทางให้กับศึกฟุตบอลถ้วยอย่าง "เอฟเอ คัพ" โดยที่รอบนี้จะเป็นรอบที่ 3 แล้ว โดยในบทความนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านไปดู 5 ประเด็นที่น่าสนใจพรีเมียร์ลีกหลังจากผ่านไปแล้วเกือบครึ่งทางของการแข่งขัน จะมีประเด็นใดบ้าง ไปดูกันเลยครับ1. ปืนใหญ่ยังยึดจ่าฝูงเหนียวแน่นถึงแม้ว่าจะสะดุดกับการเสมอนิวคาสเซิลในเกมล่าสุด แต่นั่นก็ยังดีพอที่ทำให้ทัพปืนใหญ่ยังคงครองตำแหน่งจ่าฝูงได้อยู่ดี โดยฤดูกาลนี้ลูกทีมของมิเกล อาร์เตตาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจริงๆ แถมก็รักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างสม่ำเสมออีกเช่นกัน สามารชนะในเกมที่คิดว่าจะเสมอหรือแพ้ได้อยู่ตลอด โดยผ่านไป 17 เกม พลพรรคปืนใหญ่เก็บชัยชนะไปได้ถึง 14 เกม เสมอ 2 และแพ้เพียง 1 เกมเท่านั้น มีคะแนนเหนืออันดับ 2 อย่างแมนซิตี้อยู่ 5 คะแนน โดยเกมลีกนัดต่อไปพวกเขาจะต้องออกไปทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์กับอริตลอดกาลอย่าง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่จะเป็นบทพิสูจน์ว่าอาร์เซนอลดีพอที่จะคว้าแชมป์ลีกในรอบเกือบ 20 ปีได้หรือไม่ หลังจากที่พวกเขาได้แชมป์ลีกสมัยล่าสุดก็ต้องย้อนไปในฤดูกาล 2003/2004 นู่นเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือ "แชมป์ไร้พ่าย" ในยุคของอาร์แซน เวนเกอร์2. เอริก เทน ฮาก ปลุกชีพปีศาจแดงผลงานแข่ง 17 นัด ชนะ 11 เสมอ 2 แพ้ 4 เก็บได้ 35 คะแนน นี่คือผลงานหลังผ่านจากเกมลีกนัดล่าสุดไปสำหรับการคุมทัพปีศาจแดงเพียงครึ่งฤดูกาลแรกของ "เอริก เทน ฮาก" ถือว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวเลยทีเดียว เกินความคาดหมายด้วยซ้ำ เพราะก่อนฤดูกาลนี้จะเริ่มตัวเทน ฮากนั้นโดนสบประมาทเป็นอย่างมากว่ามาจากลีกดัตช์ ลีกที่ความเข้มข้นไม่ได้สูงมากนัก ย้ายมาพรีเมียร์ลีกจะไหวหรอ ยิ่งได้คุมทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ความกดดันนั้นมหาศาลแล้วด้วยนั้น จะไหวจริงๆ ใช่มั้ย แต่ ณ ตอนนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทน ฮากนั้น "เอาอยู่" จริงๆ โดยตอนนั้นแมนฯ ยูรั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน มีคะแนนเท่ากับนิวคาสเซิล ห่างจากจ่าฝูงอาร์เซนอล 9 แต้ม ถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับการลุ้นแชมป์ และไม่ใช่เพียงแค่ผลงานในการแข่งขัน แต่เบื้องหลังในห้องแต่งตัวเขาก็รับมือผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเฉพาะการรับมือในกรณีของ "คริสเตียโน โรนัลโด" โดยที่เทน ฮากยังสามารถประคองให้ทีมไม่มีความสั่นคลอนจากเอฟเฟคต์จากการกระทำของโรนัลโด้ไดเป็นอย่างดี ไหนจะทำให้มาร์คัส แรชฟอร์ดกลับมาระเบิดฟอร์มได้อีกครั้งที่ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปแล้ว 23 นัด ยิง 12 ประตู รวมไปถึงการออกกฎเหล็กภายในทีมแต่นักเตะก็ยอมรับและปฏิบัติตามได้อย่างโดยดี ถือว่ากุนซือชาวดัตช์คนนี้ซื้อใจลูกทีมและสามารถคุมห้องแต่งตัวได้เป็นอย่างดี ผ่านไปครึ่งฤดูกาล เทน ฮากนั้นสอบผ่านและลบคำสบประมาทไปได้พอสมควร3. ลิเวอร์พูลและนูนเญซไหวไหม ?ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 5 เก็บได้ 28 แต้มนี่คือผลงานหลังจากแข่งไป 17 เกมของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เจ้าของดับเบิลแชมป์บอลถ้วยในประเทศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งในฤดูกาลที่แล้วมีลุ้นถึง 4 แชมป์ยันนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่กลับกันในฤดูกาลนี้ผลงานลูกทีมของเยอร์เกน คล็อปป์ตกลงอย่างน่าประหลาดใจ เกมที่ควรชนะก็ดันเสมอ หรือไม่ก็ถึงขั้นแพ้เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่นในเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้เบรนท์ฟอร์ด 3-1 หรือแม้กระทั่งนัดก่อนหน้าที่เปิดบ้านชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ชนิดที่ว่าประตูที่ได้ก็มาจากการทำเข้าประตูของนักเตะเลสเตอร์ เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลมีปัญหาทั้งเกมรับและรุก เกมรับก็เสียประตูแทบทุกนัด เสียไป 23 ประตู เก็บคลีนชีทได้เพียง 4 เกม และเกมรุกยิงไปได้เพียง 34 ประตู แตกต่างจากฤดูกาลที่แล้วอย่างชัดเจน โดยที่ฤดูกาลที่แล้วผ่านไป 17 นัดเท่ากับตอนนี้ พวกเขายิงไปได้ถึง 48 ประตู และเสียเพียง 13 ประตู เก็บคลีนชีทได้ 8 นัด ปัญหาส่วนนึงมาจากผลที่เมื่อฤดูกาลที่แล้วพวกเขากรำศึกหนักลงเล่นทุกนัดมากกว่า 60 เกม ทำให้อาจจะทำให้ในฤดูกาลนี้ผู้เล่นมีอาการเหนื่อยล้า และบางคนก็ต้องไปลุยฟุตบอลโลกมาอีก ยิ่งทำให้นักเตะกรอบเข้าไปใหญ่และในส่วนของเกมรุกนั้น "ดาร์วิน นูนเญซ" ที่ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรกกับทีม หลังจากที่ไปทุ่มซื้อมาจากเบนฟิกาซึ่งค่าตัวอยู่ในระดับ "100 ล้าน" ก็ยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับผมนั้นไม่เถียงเลยว่าในเกมรุกเขามีส่วนร่วมและมีประโยชน์กับทีมเป็นอย่างมาก เขามีครบทุกอย่างที่กองหน้าควรมี ความแข็งแกร่ง สปีดความเร็ว การหาช่องหาพื้นที่ในการทำประตู แต่เขาดันไม่สามารถทำประตูได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่า "ไม่คม" นั่นเอง ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่หลักของกองหน้า ก่อนหน้านี้ผมพอใจกับผลงานของน้องหนูนพอสมควรนะอย่างที่บอกไปว่าเขามีประโยชน์กับทีมมาก แต่ในเมื่อเขาเล่นในตำแหน่งกองหน้า หน้าที่ของเขาคือการทำประตู แต่เขากลับทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร หลายๆ ครั้ง หลายๆ ลูกที่เขาควรยิงได้แต่เขาก็พลาดไป แรกๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะโม ซาลาห์และเฟอร์มิโนก็คอยช่วยทำประตู แต่ในเกมบ๊อบบี้เจ็บ ซาลาห์ก็ดรอปลงไปบ้าง เขาคือความหวังสุดท้ายของทีมแต่เขากลับทำไม่ได้ ซึ่งใน "ความไม่คม" ของเขามันส่งผลให้ทีมแล้วนะ อย่างในเกมล่าสุดที่แพ้เบรนท์ฟอร์ด โอเคแหละต้องชมเบรนท์ฟอร์ดส่วนนึง แต่อีกส่วนก็ต้องโทษที่นูนเญซไม่สามารถทำสกอร์ได้ โดยเฉพาะให้จังหวะที่เขายิ่งล็อกหลบดาบิด รายาเข้าไปยิงแบบโล่งๆ แล้วแต่เขาก็ยังดันยิงไปติดบล็อคของเบน มี ทำให้ทีมพลาดขึ้นนำไป ซึ่งถ้าหากเขาทำให้ทีมขึ้นนำได้ก่อน ผลสกอร์สุดท้ายก็อาจจะไม่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ก็ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงบอกว่าความคมของนูนเญซเริ่มส่งผลและเริ่มเป็นปัญหาของทีมแล้ว แถมตอนนี้เขาก็กลายเป็น "ตัวตลก" ในสายตาแฟนบอลทีมอื่นแล้วอีกด้วย ด้วยค่าตัวที่สุดจะแพงแต่ผลงานไม่ได้ดีเท่าที่การทุ่มซื้อมา แต่ยังไงก็เอาใจช่วยนายเสมอนะน้องหนูน ขอให้ยิงได้มาก่อนซักประตู 2 ประตู เชื่อว่านายจะกลับมาฟอร์มดีได้อีกครั้งแบบก่อนเบรคบอลโลกต้องขออภัยกับในข้อของลิเวอร์พูลด้วยนะครับ พอดีเป็นทีมที่ผมเชียร์พอดีจึงมีโอกาสที่ดูและพูดถึงได้มากกว่าทีมอื่นๆ 4. สิงห์บลูส์ยังไม่ฟื้นถึงแม้จะทำการปลดโธมัส ทูเคิล อดีตกุนซือชาวเยอรมันแล้ว แต่ผลงานของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซีก็ดูเหมือนจะไม่ฟื้น แถมดูเหมือนจะย่ำแย่ลงกว่าเดิมอีกในยุคของกุนซือคนใหม่อย่าง "เกรแฮม พอตเตอร์" ที่ไปดึงตัวมาจากไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน โดยผลงานในช่วงแรกของพอตเตอร์ก็ดูเหมือนจะมีทิศทางการทำทีมที่ดีขึ้น โดยออกสตาร์ทเกมลีก 5 นัดแรก พอตเตอร์ทำทีมไม่แพ้ 5 เกมติดต่อกัน ชนะ 3 เสมอ 2 (รวมทุกรายการ 9 นัด ชนะ 6 เสมอ 3) ก่อนที่จะมาแตกพ่ายปราชัยนัดแรกให้กับทีมเก่าที่พึ่งจากมาอย่างไบรท์ตันไปอย่างเละเทะ 4-1 และหลังจากนั้นอีก 8 เกมในทุกรายการ เชลซีในยุคใหม่เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัด แบ่งเป็นเกมลีกและยูซีแอลอย่างละนัด มีเสมอกับน็อตติงแฮม ฟอร์เรสต์ และสุดท้ายแพ้ไปถึง 5 เกมด้วยกัน ทำให้จากหล่นจากอันดับที่ 6 ในเกมลีกนัดสุดท้ายของทูเคิล ร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 10 หลังจากจบเกมล่าสุดที่พ่ายคาบ้านต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ทำให้พอตเตอร์ที่ตอนแรกทำผลงานได้ดี แต่ตอนนี้ถูกวิจารณ์จากแฟนเชลซีเป็นอย่างมาก เพราะก็มีโอกาสได้เตรียมทีมในช่วงที่พักเบรคฟุตบอลโลก แต่พอกลับมาแข่ง ผลงานก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ชนะนัดเดียวจากการแข่ง 5 นัดหลังสุด รวมไปถึงท็อดด์ โบห์ลีย์ เจ้าของทีมที่ก็ถูกวิจารณ์ไปด้วยเหมือนกันที่ใจร้อน รีบปลดทูเคิลออกไป ไม่ให้แม้กระทั่งโอกาสในการปรับความเข้าใจกัน แต่ในรายของตัวกุนซือนั้นเราอาจจะให้ความเป็นธรรมให้กับพอตเตอร์ เพราะว่าตั้งแต่เขาเข้ามาคุมเชลซี เขายังไม่เคยได้คุมแบบนักเตะฟูลทีมเลย เพราะนักเตะเชลซีมีปัญหารบกวนอยู่ตลอด ยิ่งในเกมล่าสุดก็เจ็บเพิ่มไปอีก 2 คน รวม ณ ตอนนี้เชลซีมีผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บไปแล้ว 10 คน เรียกได้ว่าเกือบจัดทีมได้อีกทีมนึงเลย สุดท้ายนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่าพอตเตอร์จะพาเชลซีกลับมาฟอร์มดี กลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นตั๋วบอลยุโรปได้อีกครั้งหรือไม่5. นิวคาสเซิล ทีมฟอร์มแรงประจำฤดูกาลจากทีมที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นแทบทุกปี แต่เมื่อเกิดการเทคโอเวอร์จากเจ้าของทีมใหม่ชาวตะวันออกกลางที่เทคโอเวอร์ต่อจากไมค์ แอชลีย์ ทำให้กลายเป็นทีมที่มีเจ้าของทีมรวยที่สุดในโลกและได้ทำการปฏิวัติทีมใหม่, ปลดสตีฟ บรูซ, แต่งตั้งเอ็ดดี ฮาวเข้ามากุมบังเหียนแทน ทำให้ ณ ปัจจุบันนี้ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดผงาดขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง เป็นรองเพียงอาร์เซนอลและแมนซิตี้เพียงเท่านั้น มีช่วงนึงที่ขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงด้วยซ้ำไป ผลงานระดับนี้คนที่ให้เครดิตไปเต็มๆ คงไม่แพ้กุนซือชาวอังกฤษอย่างฮาว เพราะเขาพลิกให้นิวคาสเซิล ทีมที่เคยเล่นฟุตบอลได้อย่างน่าเบื่อ ชวนหลับ เน้นตั้งรับไม่ว่าเจอทีมไหน กลับมาเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้อย่างสนุกและมีเกมรับที่เหนียวแน่น ทำให้ตอนนี้นิวคาสเซิลเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก เขาปลุกมิเกล อัลมิรอนให้ระเบิดฟอร์มยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนให้โจลินตันจากกองหน้าสากกะเบือ มาเป็นกองกลางฟอร์มแรงคนนึงของลีก และถ้าย้อนไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วเขาพาสาลิกาดงพลิกจากความตายที่หนีตกชั้นขึ้นมาจบได้ถึงอันดับ 11 ณ ตอนนี้เรายังคงตัดนิวคาสเซิลออกจากสารบบลุ้นแชมป์ไม่ได้ และแน่นอนว่าพวกเขานั้นมีลุ้นโควต้ายูฟา แชมเปียนส์ลีกยันช่วงท้ายของฤดูกาลอย่างแน่นอน และแน่นอนนอกจากจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลแล้ว นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดคือทีมที่ฟอร์มแรงและมาแรงที่สุดในฤดูกาลนี้เลยและนี่ก็คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจ หลังจากที่ศึกพรีเมียร์ลีกแข่งขันกันไปแล้วเกือบครึ่งฤดูกาล (18 เกม) เป็นยังไงกันบ้างครับ ความจริงก็มีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจนะครับ เช่น ศึกหนีตาย หรือเวสต์แฮมต้องลุ้นหนีตกชั้นจากทีมที่เคยลุ้นไปบอลยุโรป หรือน็อตติงแฮม ฟอร์เรสต์ที่ซื้อตัวมากมายแต่ผลงานไม่ตามเป้า เป็นต้น แต่ 5 ประเด็นที่ผมหยิบยกมานั้นผมคิดว่าเป็นประเด็นที่โดดเด่นขึ้นมาที่สุดในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ คุณผู้อ่านมีประเด็นไหนน่าสนใจก็สามารถคอมเมนท์พูดคุยกันได้นะครับ และสุดท้ายนี้ผมขออนุญาต สวัสดีปีใหม่คุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ เพราะนี่คือบทความแรกของปี 2023 นี้ ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีความสุขมากๆ ในปี 2023 คิดหวังสิ่งใดก็ได้สมปรารถนานะครับ สุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมานะครับ สวัสดีปีใหม่ครับขอบคุณรูปภาพประกอบจากOfficial Facebook ของอาร์เซนอล (ภาพประกอบ 1, ภาพปก 2)Official Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ภาพประกอบ 2, ภาพปก 3)Official Facebook ของลิเวอร์พูล (ภาพประกอบ 3, ภาพปก 1)Official Facebook ของเชลซี (ภาพประกอบ 4)Official Facebook ของนิวคาสเซิล (ภาพประกอบ 5) ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !