ถือได้ว่าเป็นข่าวเศร้าต่อเนื่องสำหรับสาวกปีศาจแดง เพราะเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งสูญเสียภรรยาคู่ชีวิตของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไป ตัดภาพมาสัปดาห์นี้ตำนานผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของสโมสรและทีมชาติอังกฤษ อย่างเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ก็มีอันต้องลาลับจากกันไปอีกคน ภาพของการไว้อาลัยมีให้เห็นเต็มหน้าสื่อ ภาพของนักเตะชุดปัจจุบันวางช่อดอกไม้ บ่งบอกว่าชายผู้นี้มอบความสง่างามใดไว้ให้สโมสรบ้าง และนั่นคงทำให้ทุกคนมีไฟในการเล่นเพิ่มมากขึ้น เข้าสู่สัปดาห์ที่ 9 ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีค การกรำศึกหนักจากทีมชาติก็เรื่องหนึ่ง แต่คงจะใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้เพราะทีมอื่นๆก็เสียตัวหลักไปเช่นกัน แมนยูมาในขุมกำลังที่แหว่งเว้าในแดนกลาง การขาดคาเซมิโร่ถ้าเป็นฤดูกาลก่อนต้องบอกว่างานหยาบ แต่มาซีซั่นนี้ในเมื่อมีทั้ง S. Amrabat และ C. Eriksen ไหนจะ S. McTominay และ M. Mount ผมก็ยังมองไม่ออกอยู่ดี ว่าทีมที่อยู่รั้งบ๊วยของตารางอย่างเชฟฟิลด์ จะต่อกรกับแมนยูได้อย่างไร 1. เอ้า! ทำไมต้นเกมแมนยูถึงตกเป็นรอง?จากเรื่องที่ไม่ปกติเหมือนจะกลายเป็นปกติไปแล้ว ลืมเรื่องชื่อชั้นศักดินาผู้เล่นไปก่อน เพราะซีซั่นนี้แมนยูมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือพวกเขาจะเข้าเกมได้ช้ามากๆ อย่างแมทซ์นี้ก็ถูกทีมบ๊วยอย่างเชฟฟิลด์ครองบอลขึงใส่อยู่เกือบ 20 นาที มีโอกาสยิงเหน่งๆอยู่ครั้งสองครั้งแต่ไม่เข้า ผมเห็นกราฟฟิคของช่อง skysports ขึ้นแอ็คชั่นแอเรียลว่า บอลถูกเล่นในแดนเชฟฟิลด์แค่ 4% ที่เหลืออยู่กลางสนามกับฝั่งทีมเยือนอย่างแมนยูล้วนๆ กองแช่งอาจจะสะใจ แต่กองเชียร์บอกเลยครับว่า นี่ก็แค่เรื่องธรรมดา! 2. เดี๋ยวนะ! แมนยูเป็นใครทำไมไม่มีใครกลัวเลย?ลองเปรียบเทียบกับอริร่วมเมืองอย่างแมนซิตี้ก็ได้ครับ สำหรับทีมเรือใบสีฟ้าที่ทุ่มเงินมหาศาล ในการคว้าตัวผู้เล่นเข้าทีมไม่ต่างจากแมนยู แต่รายนั้นด้วยระบบการเล่นอันเหี้ยมเกรียม ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งหน้าไหน จะทีมเล็กทีมใหญ่ ทีมในลีคหรือทีมในเกมยุโรป เจอซิตี้เมื่อไหร่แท็คติกที่ใช้ก็คือการตั้งรับแล้วรอโต้ ฮาคิของแมนซิน่าเกรงขามมาก ไม่มีใครกล้าแลกหมัดกับพวกเขาตรงๆ ทว่าสำหรับแมนยูในซีซั่นนี้ ไม่ว่าจะเจอกับใครก็ตาม ขนาดเจอกับทีมอันดับสุดท้ายของตารางที่แพ้มา 7 นัดรวดอย่างเชฟฟิลด์ พวกเขายังกล้าต่อบอลบุกใส่อย่างหน้าตาเฉย นักเตะค่าเหนื่อยระดับแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ กำลังถูกนักเตะเกรดแชมป์เปี้ยนชิพรุมขยี้ โอ้โห! เรืองนี้มันรับได้ยากจริงๆครับ แมนยูไม่เหลือความน่ากลัวอะไรแล้ว จากผีแดงไฉนถึงกลายเป็นผีน้อยแคสเปอร์ สิ่งที่เก่งของแมนยูกลับเป็นการเล่นลูกโต้กลับ เป็นกลยุทธ์ที่ทีมเล็กเขาใช้กัน แล้วสิ่งนี้ล่ะครับคืออาวุธที่แมนยูใช้สวนทวารใส่เชฟฟิลด์ได้ เพราะก่อนเสียประตูแรก ผมแอบเห็นความเปราะบางของแนวรับเชฟฟิลด์อยู่หลายจุด พวกเขามักจะส่งบอลพลาดกันง่ายๆหลายครั้ง เสียแบบไม่น่าเสีย เสียในพื้นที่อันตรายอีกต่างหาก บ๊วยก็คือบ๊วยครับพวกเขาต้องดีกว่านี้อีกเยอะ ถ้าคิดจะล้มแมนยูให้ได้จริงๆ 3. S. McTominay กับบทบาทชายผู้กอบกู้นัดที่แล้วก่อนเบรคทีมชาติเข้าสู่โหมดฟีฟ่าเดย์ เราก็ได้เห็นช่วงเวลา "เฟอร์กี้ไทม์" จากนักเตะรายนี้เป็นบุญตามาแล้ว ใครจะเชื่อว่าพลังของเขาจะยังคงล้นเหลือ จนกระฉอกล้นออกมาถึงแมทซ์นี้ได้ เพราะร่วม 20 นาทีกว่าๆที่แมนยูแทบจะตั้งเกมไม่ได้เลย แต่แล้วจู่ๆจะด้วยอะไรดลใจก็ไม่รู้ บอลจาก Bruno Fernandes ที่ยิงไปอัดใส่กองหลังเชฟฟิลด์จึงลอยโด่งขึ้นไปกลางอากาศ S. McTominay ยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางวงล้อมของกองหลังราว 3 - 4 คน แต่ทว่าทุกคนกลับสงบนิ่งราวกับโดนฮาคิราชันย์ของแกเข้าไป! กลายเป็นไม่มีใครพุ่งเข้าสกัด! บอลที่ยิงแบบไม่เต็มเท้าจึงกลิ้งหลุนๆ แบบลุ้นๆ ผ่านมือประตูที่ยืนขาตายเข้าไป ส่งแมนยูขึ้นนำแบบงงๆ! งงว่ามันเข้าไปได้ยังไง? 4. ได้ไวเสียไว ต้องแบบนี้ถึงจะเป็นแมนยูของจริง!ครับนอกจากจะเข้าเกมได้ช้าเป็นเรื่องปกติแล้ว อีกจุดหนึ่งที่มักจะถูกวิจารณ์เสมอก็คือการเสียประตูเร็วหลังจากที่เพิ่งยิงได้ ผมไม่ใช่แฟนแมนยูพันธุ์แท้ แต่เท่าที่ผมนึกออกก็มีนัดที่เจอกับอาร์เซนอลหนหนึ่ง แล้วก็นัดที่แข่งกับกาลาตาซารายในแชมป์เปี้ยนลีคอีกหนึ่ง เชื่อว่าต้องมีหลายแมทซ์กว่านี้แน่ เอาเป็นว่าผมจะไม่ขุดสถิติขึ้นมาให้แฟนผีท้อแท้แล้วกัน เพราะพวกเขายังแก้เรื่องนี้ไม่ได้สักที! เหมือนสมาธิไม่ค่อยดี รักษาความได้เปรียบไม่ค่อยได้ ซ้ำร้ายเพราะคนทำเสียแฮนด์บอลดันเป็น S.McTominay ฮีโร่จากหัวข้อข้างบนซะอีก นี่ถ้าทีมแพ้เขาจะมีการ์ด "ฮีโร่แห่งความภักดี" ไว้สู้คดีรึเปล่าก็ไม่รู้ 5. ท้ายครึ่งแรกกับครึ่งหลัง เอ้อ! แบบนี้ค่อยสมเป็นแมนยูหน่อย!แมนยูเริ่มยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมาได้ หลังเริ่มเคยชินกับหลายสิ่งหลายอย่าง อาจจะด้วยการปลุกเร้าที่ดีของเทนฮากในห้องแต่งตัวด้วยก็ได้ ภาพที่ออกมาจึงเหมือนหนังคนละม้วน กลับกลายเป็นฝั่งเชฟฟิลด์เจ้าบ้านที่ถอยร่นลงไปตั้งรับลึกแทน แล้วก็ปล่อยให้แมนยูได้ทำเกมบุกใส่ เสียงเชียร์ในสนามของพวกเขาเริ่มเบาลง แต่ก็มิวายมีลูกตอบโต้ให้เห็นอยู่เป็นบางครั้ง ซึ่งก็เกือบจะเวิร์ค! ติดอย่างเดียวตรงที่วันนี้ A. Onana หาใช่คนเดิมไม่! นายประตูเสื้อเหลืองไร้ซึ่งช็อตเหวอใดๆ แถมยังโชว์เซฟลูกสำคัญได้หมดทุกครั้ง แม้หลายลูกจะเป็นการยิงตรงตัวก็เถอะ แต่มันก็มีผลกับความมั่นใจของแกเยอะอยู่นะครับ "ในทุกยุคสมัยแมนยูไม่เคยขาดแคลนมือประตูดีๆ" หวังว่า A. Onana จะแทรกตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในลิสท์ได้นะครับ 6. ดาโลท์หรือพอล สโคล์ ลองดูดีๆดิ๊!ลูกยิงขึ้นนำ 2 - 1 นี้ผู้บรรยายภาษาอังกฤษบอกว่าเป็นประตูแรกในซีซั่นของ Diogo Dalot ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่า เป็นการยิงไกลที่สวยชิบเป๋ง! จังหวะบอลถูกตวัดขึ้นจากพื้น เศษดินนี่ปลิวว่อนฟุ้งขึ้นมาราวกับฐานปล่อยจรวด ก่อนบอลจะพุ่งโค้งๆเสียบเข้ามุมประตูไป ชนิดที่หมดสิทธิ์เซฟจากมือประตู ลูกนี้ถือเป็นลูกปิดกล่องอย่างแท้จริง เพราะหลังจากนั้นเกมก็ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรอีก กองแช่งมุดมุ้งปิดไฟนอน แมทซ์นี้เตะกันตอนตีสองกว่าจะจบก็ตีสี่ หมอบอกสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ สุขภาพจิตหลังรู้ผลการแข่งขัน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นกันครับ! สรุปสุดท้าย ต้องใช้คำนี้กับแมนยูเลยครับว่า "พอจะทำดี ก็ทำได้นี่นา" ทำไมต้องทำอะไรให้ต้องลุ้นลำบากด้วย นัดนี้มีเรื่องให้ชมมากกว่าเรื่องให้ติ ผมไม่แน่ใจว่าช่องที่บรรยายภาษาไทยเขาให้ใครเป็น Man of the match แต่ช่องฝรั่งที่ผมดูเขายกให้ H. Maguire ด้วยสถิติผ่านบอลอันดับหนึ่ง , สถิติออกบอลแม่นยำอันดับหนึ่ง , สถิติเข้าปะทะอันดับต้นๆ จากนักเตะที่มีแต่โดนล้อ ลองสังเกตดูสิครับว่าปัจจุบัน พี่แกเล่นดีมาหลายนัดแล้วนะ! ไหนจะ A. Onana ที่วันนี้เล่นได้แบบเนียนกริบไม่พลาดเลย ผมว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (สักที) ของแมนยูแล้วก็ได้นะครับ.. เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก(1) จาก FB : Manchester Unitedภาพหน้าปก(2) จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 1 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 2 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 3 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 4 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 5 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 6 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 7 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 8 จาก FB : Manchester United ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !