ในโลกของฟุตบอล ความสำเร็จมักมาพร้อมกับแรงกดดันและเสียงวิจารณ์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นได้ สำหรับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ การเดินทางในอาชีพของเขาเต็มไปด้วยบททดสอบที่หนักหนา เขาเคยถูกยกย่องในฐานะกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกลดค่าลงเป็น "ตัวตลก" ในโลกออนไลน์ แต่แม็กไกวร์พิสูจน์ให้เห็นว่า ความมุ่งมั่นและความอดทนสามารถเปลี่ยนเสียงวิจารณ์ให้กลายเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! "ค่าสินสอด 80 ล้านปอนด์" ย้อนกลับไปในปี 2019 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินมหาศาลถึง 80 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวแม็กไกวร์มาจากเลสเตอร์ ซิตี้ ทุบสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ค่าตัวนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปรียบเทียบและการวิจารณ์ โดยเฉพาะเมื่อเขาถูกนำไปเทียบกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คผู้ที่ย้ายมาลิเวอร์พูลในราคา 75 ล้านปอนด์ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟอร์มการเล่นของเขาไม่เป็นไปตามความคาดหวัง " ความหวังกับปลอกแขนกัปตันทีม " ไม่เพียงแค่ค่าตัวที่เป็นแรงกดดันแม็กไกวร์ยังถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังย้ายมาร่วมทีมได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ การตัดสินใจครั้งนี้ถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลและตำนานสโมสรหลายคน โดยเฉพาะรอย คีนที่วิจารณ์ว่าเขายังขาดภาวะผู้นำและไม่พร้อมสำหรับบทบาทสำคัญนี้ เสียงวิจารณ์เริ่มดังก้องเมื่อฟอร์มการเล่นของเขาไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟนบอลได้ " ตัวตลกบนโลกออนไลน์ " ฟอร์มที่ย่ำแย่ทำให้ชื่อของแม็กไกวร์กลายเป็นเป้าหมายของการบูลลี่ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการจับบอลพลาด เสียประตูง่าย ๆ หรือฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา เขาถูกล้อเลียนจนถึงขั้นมีวลีที่ว่า "ใครเล่นแย่ ให้ใส่ชื่อแม็กไกวร์ต่อท้าย" แม้กระทั่งแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็เข้าร่วมวิจารณ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่าง คือการรับมือกับแรงกดดันนี้แม็กไกวร์เลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบ และมุ่งมั่นในสิ่งที่เขารัก นั่นคือการเล่นฟุตบอล ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดแม็กไกวร์ได้เปิดใจในบทสัมภาษณ์หนึ่งว่า "ผมรู้ว่าเสียงวิจารณ์เหล่านั้นหนักหนาแค่ไหน แต่ผมเลือกที่จะไม่ปล่อยให้มันมากำหนดชีวิตของผม ฟุตบอลคือสิ่งที่ผมรัก และผมจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตอบโต้ใคร แต่เพื่อตัวผมเองและครอบครัวของผม" " แกเร็ธ เบล แห่งเกาะอังกฤษ " แม้จะถูกวิจารณ์ในระดับสโมสร แต่เมื่อใดก็ตามที่แม็กไกวร์สวมเสื้อทีมชาติอังกฤษ เขากลับแสดงฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมราวกับเป็นคนละคน ความทุ่มเทในนามทีมชาติทำให้เขากลายเป็นเสาหลักในแนวรับของทีมสิงโตคำราม และสร้างความหวังให้กับแฟนบอลอังกฤษเสมอ การเปรียบเทียบระหว่างฟอร์มการเล่นในระดับสโมสรและทีมชาติทำให้เกิดคำถามว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถเปล่งประกายในทีมชาติได้ คำตอบนั้นอาจอยู่ที่ความเชื่อมั่นจากโค้ชแกเร็ธ เซาธ์เกตที่ไม่เคยละทิ้งความไว้วางใจในตัวเขาเซาธ์เกตกล่าวถึงแม็กไกวร์ว่า "เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ทุ่มเทที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย เขาไม่เคยยอมแพ้และพร้อมจะเรียนรู้เสมอ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด" " คืนชีพเหมือนนกฟีนิกซ์ " ในยุคของเอริค เทน ฮาก แม็กไกวร์ถูกลดบทบาทในทีมจนถึงขั้นมีข่าวว่าเขาอาจย้ายออกไปในซัมเมอร์ปี 2023 แต่โชคชะตาเปลี่ยนไปเมื่อกองหลังตัวหลักของทีมบาดเจ็บ ทำให้แม็กไกวร์ได้โอกาสกลับมาลงสนามอีกครั้ง และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฟอร์มการเล่นของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้โดดเด่นถึงขั้นเป็นสตาร์ แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความพัฒนาและความพยายาม ในเกมสำคัญกับทีมคู่แข่งแม็กไกวร์โชว์ฟอร์มการเล่นที่มั่นคงและช่วยทีมคว้าชัยชนะ แฟนบอลเริ่มกลับมาชื่นชมเขาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังก้องในสนาม มันคือช่วงเวลาที่พิสูจน์ว่า ความพยายามและการไม่ยอมแพ้สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ " รางวัลของผู้ไม่ยอมแพ้ " หลังจากต่อสู้กับคำวิจารณ์และอุปสรรคมากมาย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ได้รับการขยายสัญญาออกไปจนถึงปี 2026 การตัดสินใจนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสโมสร แต่ยังเป็นรางวัลสำหรับความอดทนและการต่อสู้ของเขา เครดิตรูปภาพ : Official Instragram Account จาก harrymaguire93 ภาพปก , ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !