ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและอารมณ์แห่งชัยชนะ ทีมชาติโปรตุเกสสามารถคว้าแชมป์ UEFA Nations League 2025 ได้สำเร็จ หลังจากเสมอกับทีมชาติสเปน 2-2 ในเวลา 120 นาที ก่อนเฉือนชนะด้วยการดวลจุดโทษ 5-3 ณ สนามอัลลิอันซ์ อารีนา เมืองมิวนิก เกมนี้ไม่เพียงแค่เป็นการปะทะกันของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์คุณค่าของประสบการณ์ ความแข็งแกร่งทางจิตใจ และตำนานที่ยังมีลมหายใจอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกด้วย สรุปประตู Martin Zubimendi เปิดสกอร์ให้สเปน ในนาทีที่ 21 จากการซ้ำจังหวะเข้าทำในเขตโทษ Nuno Mendes ไล่ตีเสมอให้โปรตุเกส นาทีที่ 26 ด้วยลูกยิงสุดสวยจากนอกกรอบโทษ ก่อนหมดครึ่งแรก Mikel Oyarzabal ยิงนำให้สเปนอีกครั้ง ในนาทีที่ 45 นาทีที่ 61, Cristiano Ronaldo ซูเปอร์สตาร์วัย 40 ยิงประตูที่ 138 ในทีมชาติ เพื่อไล่สกอร์ให้เสมอ 2‑2 ต่อเวลา & โทษ: หลังจากเสมอกัน 2‑2 ในช่วงต่อเวลา โปรตุเกสยิงเข้าทั้ง 5 ลูกขณะที่ สเปนพลาดครั้งจาก Álvaro Morata และ Diogo Costa เซฟลูก Morata สำคัญ ก่อนที่ Rúben Neves จะยิงปิดจ็อบ 5‑3 ไฮไลต์สุดประทับใจ สำหรับ Ronaldo ประตูในนัดนี้มีความหมายสำหรับเจ้าตัวและทีมเป็นอย่างมาก และ เจ้าตัวถึงขั้นกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวขณะฉลองชูถ้วยแชมป์ Nations League สองสมัย Nuno Mendes เล่นได้โดดเด่นทั้งเกม: ยิงประตู, สกัดดาวรุ่งอย่าง Lamine Yamal, และยิงเข้าจุดโทษ ผู้รักษาประตู Diogo Costa แสดงสถิติสุดยอดในการดวลลูกจุดโทษ — เซฟลูกสำคัญจนช่วยทะลุสู่ชัยชนะ สถิติเกมหลังเกม ครองบอล: สเปน 62% | โปรตุเกส 38% ยิงรวม: โปรตุเกส 7 (2 เข้ากรอบ) | สเปน 16 (6 เข้ากรอบ) เตะมุม: โปรตุเกส 3 | สเปน 4 ฟาวล์: โปรตุเกส 14 | สเปน 19 ใบเหลือง: โปรตุเกส 3 | สเปน 4 เซฟ: โปรตุเกส 4 | สเปน 0 คำให้สัมภาษณ์หลังเกม Ronaldo: “น้ำตาคือหน้าที่ที่สำเร็จแล้ว — ไม่มีอะไรดีที่สุดกว่าชัยชนะกับทีมชาติ” Luis de la Fuente (โค้ชสเปน): “มันเป็นเกมที่สมดุลมาก รายละเอียดในจุดโทษเป็นตัววิเคราะห์ และวันนี้โปรตุเกสทำได้ดีกว่า” Roberto Martínez (โค้ชโปรตุเกส): “ผมรู้สึกภูมิใจ — ทีมของเรามีสมาธิ, เข้าใจเกม ทำหน้าที่จนถึงที่สุด” ผลกระทบและความหมาย โปรตุเกสกลายเป็นทีมเดิมชาติแรกที่คว้าแชมป์ Nations League 2 สมัย (2019, 2025) ชัยชนะนี้เป็นถ้วยรายการใหญ่สมัยที่สามของ Ronaldo กับทีมชาติต่อจาก Euro 2016 และ Nations League 2019 สำหรับสเปน แม้จะแพ้จุดโทษแต่ยังโชว์ฟอร์มแข็งแกร่ง พิสูจน์ว่าพวกเขายังเป็นทีมระดับโลก แม้อาจผิดหวังที่พลาดซ้ำเพลย์ออฟแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นี้ บทสรุป เกมนี้เป็นการปะทะกันของ “รุ่นใหญ่ vs รุ่นใหม่”: โปรตุเกสที่มี Ronaldo แฝงกับแข้งชุดใหม่อย่าง Nuno Mendes สมดุลระหว่างประสบการณ์และพลังเยาวชน ส่งผลให้สามารถเบี้ยวเกมและชนะในโมเมนต์สำคัญ แม้สเปนจะครองบอลและสร้างโอกาสมากกว่า แต่จุดโทษคือสนามแข่งขันทางจิตใจที่โปรตุเกสหยิบชัยได้เหนือกว่า รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปที่2 รูปที่3 รูปภาพที่1 : จากเฟสบุ๊ค UEFA EURO 2024 รูปภาพที่2 : จากเฟสบุ๊ค UEFA EURO 2024 รูปภาพที่3 : จากเฟสบุ๊ค UEFA EURO 2024 รูปภาพที่4 : จากเฟสบุ๊ค UEFA EURO 2024 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !