คู่ อาร์เซนอล พบ คริสตัลพาเลซ สำหรับอาร์เซนอลดาหน้ายิงไม่ยั้ง และสามารถย้ำชัยชนะใส่คริสตัลพาเลซได้ไปอย่างสบายเท้า 4-1 โดยอาร์เซนอลได้ประตูแรกจากจังหวะที่อาร์เซนอลกำลังทำเกมบุกแล้วบอลไปถึงบูกาโย่ ซาก้า อาศัยความได้เปรียบจากตำแหน่งที่ยืน เปิดบอลไปถึงกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และวิ่งจี้ไปหน้าปากประตูแล้วยิงเข้าประตูไปอย่างสบายๆ ส่วนประตูที่สองมาจากจังหวะที่เบน ไวท์ อาศัยช่องว่างในการยืนตำแหน่งของผู้เล่นคริสตัลพาเลซ ส่งบอลทะลวงไปถึงบูกาโย่ ซาก้า แล้วยิงเข้าประตูไป ประตูที่สามมาในช่วงครึ่งหลังจากจังหวะที่เลอันโดร ทรอสซาร์ส่งบอลทะลุไปถึงกรานิต ชาก้าสะกิดบอลผ่านตัวประกบเข้าประตูไปได้ และประตูที่สี่มาจากจังหวะที่ผู้เล่นคริสตัลพาเลซสกัดบอลไม่ขาด บอลหลุดมาถึงคีย์แรน เทียร์นีย์ ส่งบอลหักข้อไปถึงบูกาโย่ ซาก้ายิงแบบไม่จับบอลเข้าประตูไปง่ายดาย ส่วนคริสตัลพาเลซได้ประตูจากจังหวะลูกเตะมุม บอลตกถึงเจฟฟรี่ ชลูปป์ ได้ชาร์จจ่อๆ หน้าปากประตู ทำให้สถานการณ์ตารางคะแนนตอนนี้อาร์เซนอลนำจ่าฝูงเดี่ยวๆไปอีกสัปดาห์ แข่งไปทั้งหมด 28 นัด เก็บไปได้ 69 คะแนน ทำแต้มห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8 คะแนนแต่แข่งมากกว่า 1 นัด ส่วนคริสตัลพาเลซก็ยังคงอยู่ที่ 12 เหมือนเดิม มี 27 คะแนน คะแนนห่างจากโซนตกชั้น 3 คะแนน มีประเด็นอะไรเกิดขึ้นบ้างในเกมนี้ มาดูกันครับประเด็นที่ 1: ซาก้ากลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ยากที่จะหยุดเจ้าหนูคนนี้แล้วสำหรับบูกาโย่ ซาก้า ที่ในนัดนี้สามารถทำไปได้ 2 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่สามารถทำประตูและแอสซิสต์สองหลักได้ โดยสถิติตอนนี้ของซาก้า ลงสนาม 28 นัด ทำไปได้ 12 ประตูและ 10 แอสซิสต์ โดยนักเตะอาร์เซนอลคนก่อนหน้าซาก้าที่ทำสถิตินี้ได้คือ อเล็กซิส ซานเชส ทำได้ในฤดูกาล 2016/2017 ต้องชื่นชมความขยันของซาก้าที่คอยหาจังหวะเพื่อทำเกมบุก และปั่นป่วนแนวรับของพาเลซจนกระทั่งเป็นที่มาของการทำประตูและแอสซิสต์ในเกมนี้ อาร์เซนอลจำเป็นต้องรีบให้ซาก้ายอมต่อสัญญากับทีมต่อไปให้ได้ เพราะนี่คือเพชรที่กำลังเจิดจรัสของอาร์เซนอลที่ค่อยๆเฉิดฉายเป็นสตาร์ของทีมอย่างเต็มตัวประเด็นที่ 2: ความอิสระในเกมรุกของอาร์เซนอลแม้ก่อนหน้านี้จะมีปัญหาการขาดกองหน้าธรรมชาติของทีมไปถึงสองคนอย่างกาเบรียล เฆซุสและเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์ แต่มิเกล อาร์เตต้าก็สามารถหาทางแก้ปัญหานี้ไปได้ ด้วยการลองให้เลอันโดร ทรอสซาร์เล่นตำแหน่ง False 9 และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเกมรุกจากที่เคยฝืดๆ หรือตื้อตัน กลับมามีชีวิตชีวาและความร้ายกาจมากขึ้น ซึ่งต้องชมการเล่นของทรอสซาร์ที่สามารถหมุนเวียนตำแหน่งกับมาร์ติเนลลี่และซาก้าได้อย่างอิสระ บวกกับทักษะส่วนตัวที่สามารถสร้างสรรค์จังหวะการส่งบอลและการหลอกคู่แข่ง ทำให้ตอนนี้พวกเขาสามารถแก้ไขเกมรับของฝั่งตรงข้ามที่มักจะเลือกปิดตายฝั่งใดฝั่งหนึ่งไป ซึ่งก่อนหน้านี้มาร์ติเนลลี่มักจะเป็นผู้ที่โดนปิดตายการเล่นไปในบางนัด หรือซาก้า แต่พอแผนนี้ได้ผล แนวรุกทั้งสองฝั่งก็สามารถเล่นได้อย่างอิสระมากขึ้น มาตอนนี้ทั้งเฆซุสและเอ็นเคเทียร์คงร้อนๆหนาวๆแล้ว เพราะทรอสซาร์ก็ไม่ได้มาเพื่อนั่งสำรองนะ โดยตอนนี้หลังจากเขาย้ายมาในตลาดหน้าหนาว เขาทำไปได้ 1 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ น่าสนใจในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ว่า หากทรอสซาร์ไม่บาดเจ็บหรือไม่ฟิต เขาจะสร้างพลังงานบวกให้ในแนวรุกได้ถึงขนาดไหนนะประเด็นที่ 3: ขาดซาลิบาไม่ใช่ปัญหา เมื่อมีโฮลดิ้งเมื่อวันที่ วิลเลียม ซาลิบาไม่ได้ลงสนามในตอนนี้เพราะอาการบาดเจ็บจากเกมยูโรป้า ลีก มาในนัดนี้ อาร์เตต้าเลยเลือกใช้บริการ ร็อบ โฮลดิ้ง ในตำแหน่งของซาลิบา เล่นคู่กับกาเบรียล มากัลเญส ซึ่งในนัดนี้ถ้าไม่นับจังหวะเสียประตูจากลูกเตะมุม ก็ต้องบอกว่าโฮลดิ้งเล่นได้ดีมากในจังหวะการประกบแนวรุกของคริสตัลพาเลซและการเล่นจังหวะตัดบอล รวมไปถึงการคุมเกมรับ ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระเบน ไวท์ และกาเบรียล มากัลเญสได้ดีมาก แถมมีจังหวะที่ประกบวิลฟรีด ซาฮาได้อย่างอยู่หมัดจนได้รับเสียงปรบมือจากแฟนบอล มาในตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากองหลังสัญชาติอังกฤษวัย 27 ปีนั้นก็ยังเป็นแบ็คอัพที่ดีให้กับทีมได้เสมอ แถมมีความเป็นผู้นำในเกมรับได้เช่นกัน คงได้ลงสนามยาวๆก่อนที่ซาลิบาจะกลับมาเล่นได้ล่ะนะประเด็นที่ 4: ซาฮาแบกไม่ไหวแล้วมั้งแบบนี้เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆสำหรับ วิลฟรีด ซาฮา ที่เป็นสตาร์ของทีมในตอนนี้ สถานะเดอะแบกทีมคงพูดได้ยากแล้ว เพราะจนถึงนัดนี้ เขาไม่สามารถยิงประตูให้กับทีมได้เลยถึง 12 นัดในวันที่เขาได้ลงสนาม ต้องบอกตามตรงว่าแนวรุกของพาเลซนั้นไม่สามารถแสดงพิษสงความร้ายกาจได้แบบแต่ก่อนเลย ทั้งไมเคิล โอลิเซ่ อ็อดสัน เอดูอาร์ จอร์แดน อายิว และเอเบรเลชี่ เอเซ่ ต่างไม่อยู่ในฟอร์มที่แน่นอนเลยแม้แต่นัดเดียว ทำให้สถานการณ์ของทีมอันตรายอย่างมากที่จะหล่นไปอยู่โซนตกชั้น คงต้องหวังพึ่งกุนซือคนใหม่หน้าเดิมของทีมมาช่วยแก้วิกฤตทีมในขณะนี้ประเด็นที่ 5: โจ วิทเวิร์ธ กับโจทย์ยากของเขาหลังจากนี้หลังจากที่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมอย่างบิเซนเต้ กูเอต้า ได้รับอาการบาดเจ็บ แถมแซม จอห์นสตันที่เป็นมือสองก็ยังเจ็บอยู่ ทำให้ทีมไม่มีทางเลือก ต้องผลักดันผู้เล่นจากชุด U21 ขึ้นมาเล่นแบบฉุกเฉินในตอนนี้ โจ วิทเวิร์ธได้ประเดิมลงสนามในเกมไบรตัน ซึ่งแม้ทีมจะแพ้ แต่วิทเวิร์ธก็โชว์ฟอร์มเซฟให้กับทีมได้ ซึ่งต้องยอมรับก่อนว่า ด้วยวัย 19 ปี ที่อาจจะยังมีความตื่นสนามอยู่บ้าง ทำให้ตอนนี้ก็ต้องให้กำลังใจดาวรุ่งคนนี้ ให้มีเกมที่ดีในเร็ววัน เพราะในอนาคต วิทเวิร์ธ น่าจะได้เป็นมือหนึ่งให้กับพาเลซในอนาคต หากเจ้าตัวไม่ถูกดึงตัวไปทีมอื่นซะก่อนนะประเด็นที่ 6: รอย ฮอดจ์สัน คนเดิมที่คุ้นเคยของพาเลซหลังจากที่ทีมปลดแพทริค วิเอร่าด้วยผลงานที่ย่ำแย่ขั้นสุด และในนัดนี้ให้ผู้ช่วยผู้จัดการทีมคุมทีมชั่วคราว มาตอนนี้พาเลซก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รอย ฮอดจ์สัน คนเดิมคนคุ้นเคยของทีมจะมาคุมทีมพาเลซจนจบฤดูกาลนี้เพื่อพาทีมให้อยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น หลังจากตอนนี้พวกเขามีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น โดยสถิติก่อนหน้านี้ที่เขาเคยคุมพาเลซนั้น คุมทีมไปทั้งหมด 162 นัด ชนะ 54 นัด เสมอ 36 นัด แพ้ 72 นัด แม้สถิติจะดูไม่ค่อยสวยงาม แต่สำหรับฮอดจ์สัน สิ่งที่เขาสามารถตอบสนองให้สโมสรได้คือ ความเก๋าประสบการณ์และความเคี่ยวเพื่อพาทีมหนีจากสถานการณ์ตกชั้น ซึ่งเขาเคยทำได้ มาครั้งนี้ ความน่ากลัวของบอลเปลี่ยนโค้ช อาจจะแผลงฤทธิ์ในนัดถัดไปก็เป็นได้ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 2 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 3 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 4 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 5 จาก Facebook Crystal Palace Football Clubภาพที่ 6 จาก Facebook Crystal Palace Football Clubภาพที่ 7 จาก Facebook Crystal Palace Football Clubภาพปกประกอบบทความ จาก Facebook ArsenalCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์