ประสบการณ์ครั้งหนึ่งของเด็กที่เคยได้เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เด็กทุกคนหลังจบมัธยมปลายเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เด็กทุกคนจะเคยได้ยินว่าผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่บอกว่า ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้คุ้มก่อนจบออกมาเพื่อทำงาน มีกิจกรรมอะไรก็ให้ร่วมกิจกรรมไปให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยจัดเตรียมให้หรือทางที่มหาวิทยาลัยจัดเตรียมให้เอง ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้นที่ทุกคนพูดให้ฟังตั้งแต่ก่อนจบมัธยมด้วยซ้ำ ทำให้พอเราเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยจากที่เราเคยไม่ชอบเข้าสังคมไม่ชอบทำกิจกรรมร่วมกับใคร เราจึงลองเปิดใจเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยดู จนมีวันหนึ่งที่รุ่นพี่เห็นแววในการเล่นกีฬาเปตองของเราเลยได้ชวนให้เราเข้าชมรมเพื่อคัดตัวเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยนั่นคือ กีฬาเปตอง ซึ่งเรามองว่ามันคือโอกาสที่เราจะได้ท้าทายความสามารถตัวเองและได้เล่นกีฬาที่ตัวเองชอบด้วยเพราะฉะนั้น เมื่อมีโอกาสเราจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป ตอบตกลงรุ่นพี่ไปทันทีและได้เข้าร่วมคัดตัวนักกีฬาของมหาวิทยาลัยจนในที่สุดได้เข้าเป็นนักกีฬาเปตองของมหาวิทยาลัยตามที่ได้ตั้งใจไว้ ทีนี้เราจะมาเล่าถึงการซ้อมเพื่อออกไปแข่งกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ด้วยความที่เราต้องเป็นตัวแทนต้องนำชื่อมหาวิทยาลัยออกไปข้างนอก เราจำเป็นต้องสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ทุกคนที่ได้เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยจำต้องซ้อมตามตารางของโค้ชที่คอยดูแลนักกีฬา ในแต่ละวันหลังจากที่นักกีฬาทุกคนเลิกเรียนแล้ว ตั้งแต่ 5 โมงเย็น – 2 ทุ่มของทุกวัน ทุกคนต้องมาฝึกซ้อมที่สนามเปตอง แค่ได้ฟังระยะเวลาที่ต้องฝึกซ้อมกีฬา ใครหลายคนก็เริ่มรู้สึกหมดเวลาช่วงพักผ่อนกันไปแล้วใช่ไหม ไม่ได้ไปเที่ยวไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนๆทั้ง ๆที่อุตส่าห์ได้เจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่ใช่ไหม เราตอบได้เลยว่า ถ้าหมายถึงเพื่อนที่เรียนสาขาหรือคณะด้วยกัน ก็อาจจะใช่แต่เราก็ยังสามารถเจอเพื่อนกลุ่มที่เรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกันได้ในเวลาไปเรียนนะ ถึงเราจะไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนในตอนเย็นแต่ในชมรมเปตองก็ใช่ว่าจะไม่มีสังคมใหม่ให้เราได้เรียนรู้กันนะ ถ้าใครเคยอยู่ชมรมกีฬามาก่อน เคยได้เล่นกีฬา ไม่ว่าจะแค่เล่นกับเพื่อนเฉยๆหรือได้เป็นนักกีฬาตามโรงเรียน ตามมหาวิทยาลัย จะเห็นได้ว่าทุกคนล้วนได้เพื่อนใหม่ ได้สังคมใหม่กันทั้งนั้นเพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าการที่เราได้ไปเป็นนักกีฬาจะทำให้เราไม่สามารถได้เจอสังคมใหม่ๆเพื่อนใหม่ๆเชียว ยิ่งไปกว่านั้นเพราะการได้เป็นนักกีฬานี่แหละ ที่ทำให้เราที่เป็นคนไม่ค่อยชอบเข้าสังคมไม่ชอบเข้าไปทักหรือคุยกับใครก่อน เพราะปกติไปเรียนก็นั่งเรียนอย่างเดียวแล้วถ้าไม่ใช่เวลาเรียนก็อยู่แต่หอ เพื่อนนอกคณะนอกสาขา นี่ไม่ต้องพูดถึงไม่รู้จักใครเลยแต่พอได้อยู่ชมรมเปตอง ได้รู้จักเพื่อนต่างคณะต่างสาขาเพราะเขาคัดจากคนทั้งมหาวิทยาลัยเพื่อหานักกีฬาไปแข่ง ทำให้คนที่มาเป็นนักกีฬามาจากหลากหลายคณะ ส่งผลให้เราได้พูดคุยกับเพื่อนต่างสาขาต่างคณะพอ ถามว่ามีข้อดียังไง อย่างเช่นเลย เวลาที่เราเรียนวิชาของคณะอื่น แล้วมีข้อสงสัย เราก็สามารถนำปัญหาของวิชานั้นไปปรึกษาเพื่อนในชมรมที่เรียนคณะที่เกี่ยวกับวิชานั้นเป็นหลักได้นั่นเอง เอาล่ะทีนี้ก่อนจบบทความนี้ จะเห็นได้ว่าการที่เราได้เข้าร่วมกิจกรรมทางมหาวิทยาลัย ได้เข้าสังคม มันมีข้อดีเยอะแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เช่น ถ้าเราติดเพื่อนใหม่มากเกินไปเราอาจจะเสียคนถ้าเพื่อนคนนั้นพาเราเสียคนไม่เข้าเรียน พาเราติดเที่ยว เราจึงอยากส่งต่อประสบการณ์ครั้งหนึ่งในการเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยผ่านบทความนี้ให้ทุกคนได้อ่าน เพื่อเป็นกำลังใจให้โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและคนที่ไม่ค่อยชอบทักใครก่อนแล้วต้องเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ ปล.รูปในบทความนี้เป็นรูปของชมรมผู้เขียนเองทั้งหมด