รีเซต
สเปอร์ส VS เชลซี 1-4 (คลิปไฮไลท์) : VAR พาว้าวุ่น! 'แจ็คสัน'แฮตทริก สิงห์แซงถล่มไก่ 9 คน

สเปอร์ส VS เชลซี 1-4 (คลิปไฮไลท์) : VAR พาว้าวุ่น! 'แจ็คสัน'แฮตทริก สิงห์แซงถล่มไก่ 9 คน

สเปอร์ส VS เชลซี 1-4 (คลิปไฮไลท์) : VAR พาว้าวุ่น! 'แจ็คสัน'แฮตทริก สิงห์แซงถล่มไก่ 9 คน
EkkEReport
7 พฤศจิกายน 2566 ( 05:15 )
7.8K

สเปอร์ส พบ เชลซี : ผลบอล 1-4 | ไก่เดือยทอง ขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 6 นาทีแรก แต่จากนั้นมาเกิดจังหวะจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม เมื่อ VAR ริบประตูของ สิงห์บลูส์ แต่มาไล่ คริสเตียน โรเมโร่ ออก พร้อมแจกจุดโทษให้ เชลซี ตามตีเสมอ จากนั้นในครึ่งหลัง เดสตินี่ อูโดกี ก็มาโดนใบเหลืองที่สอง ทำให้ สเปอร์ส เหลือผู้เล่นเพียง 9 คน ก่อนจะถูกทีมเยือนโหมบุกเข้าใส่ จนต้านไม่ไหวพ่ายไปแบบขาดลอย 1-4 ส่งผลให้พวกเขาแพ้ในลีกเป็นนัดแรก และพลาดโอกาสในการกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2023/24

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-4 เชลซี

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เปิดสนาม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี

คลิปไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก : สเปอร์ส - เชลซี

ดูคลิปไฮไลท์ และ Full Match ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกทุกคู่ ที่นี่

GOAL!! เริ่มเกมมาได้เพียง 6 นาที เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เดยัน คูลูเซฟสกี้ เลี้ยงบอลตัดเข้าใน ก่อนสับไกด้วยซ้าย บอลไปแฉลบหลังของ ลีวาย โคลวิลล์ แล้วเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้ สเปอร์ส ออกนำ 1-0

นาที 11 ทีมเยือนพลาดได้ประตูตีเสมอ นิโคลัส แจ็คสัน ล็อกหลอกแนวรับเจ้าบ้าน ก่อนได้ยิงเน้นๆ ในเขตโทษ ทว่า กูเยลโม่ วิคาริโอ ล้มตัวปัดบอลไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

NO GOAL!! ทว่า นาที 13 ไก่เดือยทอง เกือบได้ประตูที่สอง เปโดร ปอร์โร่ เปิดบอลเข้ากลางให้ ซน ฮึง-มิน แปบอลเข้าไปตุงตาข่ายแบบหมดจดงดงาม แต่ VAR ชี้ว่า ซน ล้ำหน้าไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

NO GOAL!! นาที 21 สิงห์บลูส์  ชวดได้ประตูตีเสมอเช่นกัน รีซ เจมส์ ดีดบอลขึ้นหน้าให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษ ก่อนยิงเข้าประตูไป ทว่า VAR เห็นว่าบอลไปโดนแขน สเตอร์ลิง ก่อน

NO GOAL!! นาที 27-34 มีจังหวะซับซ้อนเกิดขึ้น เริ่มจากจังหวะที่มีการปะทะแย่งบอลกันในเขตโทษ สเปอร์ส จากนั้นบอลไปเข้าทาง มอยเซส ไกเซโด้ ได้ซัดจากนอกกรอบ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปตุงตาข่ายแบบสุดสวย แต่ VAR ชี้ว่า นิโคลัส แจ็คสัน ยืนล้ำหน้าอยู่ และมีส่วนรบกวนการมองเห็นบอลของผู้รักษาประตู ทำให้ เชลซี ไม่ได้ประตู

RED CARD!! แต่จากนั้น VAR เปลี่ยนมาเช็กต่อว่ามีการทำฟาวล์ในเขตโทษในจังหวะก่อนหน้าหรือไม่ จนผู้ตัดสินไปดูจอ แล้วพิจารณาว่า คริสเตียน โรเมโร่ เข้าแย่งบอลแบบอันตราย แม้จะเป็นฝ่ายถึงบอลก่อน แต่เท้าไปเปิดปุ่มยันเข้าใส่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ทำให้แจกใบแดงไล่ โรเมโร่ ออกไป พร้อมให้จุดโทษแก่ สิงโตน้ำเงินคราม

GOAL!! แล้วก็เป็น โคล พาลเมอร์ ที่สังหารเข้าประตูไป ช่วยให้ เชลซี ตีเจ๊าได้สำเร็จในนาที 35 ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

ถัดมา นาที 37 ราฮีม สเตอร์ลิง ปาดบอลให้ นิโคลัส แจ็คสัน แปจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย แต่ไลน์แมนยกธงว่า สเตอร์ลิง ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว ทำให้จบครึ่งเวลาแรก ทั้ง 2 ทีม เสมอกันอยู่ที่ 1-1

RED CARD!! จากนั้น ครึ่งหลัง นาที 55 สถานการณ์ของ ไก่เดือยทอง ก็ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อต้องเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน หลัง เดสตินี่ อูโดกี ไปทำฟาวล์ใส่ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำให้โดนใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดง

นาที 56 นิโคลัส แจ็คสัน ได้โขกระยะเผาขน แต่ ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก ใช้เข่ากระแทกบอลจากหน้าปากประตู จนลอยข้ามคานออกไปได้แบบเหลือเชื่อ

GOAL!! แต่กระนั้น หลังจากที่โหมบุกอยู่นาน ในที่สุด นาที 75 เชลซี ก็ได้ประตูแซงนำจนได้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ็คสัน แปบอลเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย ช่วยให้ สิงห์บลูส์ นำ 2-1

NO GOAL!! นาที 78 สเปอร์ส พลาดได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะเปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ โรดริโก้ เบนตานคูร์ โหม่งต่อ แล้วเป็น เอริค ดายเออร์ ที่แปบอลเข้าไปตุงตาข่าย ทว่า VAR ชี้ว่า ดายเออร์ ล้ำหน้าไปก่อน

GOAL!! กระทั่ง ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที 90+4 ทีมเยือนก็มาได้ประตูนำห่าง ซึ่งเป็นการเข้าทำเหมือนประตูที่ 2 แต่คราวนี้เป็น คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ที่หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ็คสัน แปบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ สิงโตน้ำเงินคราม นำห่าง 3-1

GOAL!! จากนั้น นาที 90+7 นิโคลัส แจ็คสัน หลุดเดี่ยวจากกลางสนาม ก่อนล็อกหลอก กูเยลโม่ วิคาริโอ แล้วแปบอลโล่งๆ เข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ เชลซี หนีไปเป็น 4-1

แล้วก็หมดเวลาการแข่งขัน เป็น เชลซี ที่บุกแซงเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปด้วยสกอร์ 4-1 เก็บ 3 คะแนน ทำให้มีเพิ่มเป็น 15 แต้ม จาก 11 นัด ขยับรั้งอันดับ 10 ของตาราง ส่วน ไก่เดือยทอง ยังหยุดอยู่ที่ 26 แต้ม รั้งรองจ่าฝูง โดยตามหลัง เรือใบสีฟ้า 1 แต้ม

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

สเปอร์ส : กูเยลโม่ วิคาริโอ (GK), เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน, เดสตินี่ อูโดกี, ป๊าปป์ ซาร์, อีฟส์ บิสซูม่า, เดยัน คูลูเซฟสกี้, เจมส์ แมดดิสัน, ซน ฮึง-มิน, เบรนแนน จอห์นสัน

เชลซี : โรเบิร์ต ซานเชซ (GK), รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, อักเซล ดิซาซี่, ลีวาย โคลวิลล์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, มอยเซส ไกเซโด้, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พาลเมอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง, นิโคลัส แจ็คสัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2023/24 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่!

เคล็ดลับการรับชมพรีเมียร์ลีกให้มันส์จุใจในทุกช่องทาง คลิกเลย!

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ