พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-2023 เดินทางมาเกือบครึ่งฤดูกาลแล้ว ปัจจุบัน อาร์เซนอล ยังคงนำเป็นจ่าฝูงด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวามากที่สุด ส่วนอันดับสองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นเอง ถึงแม้ว่าผลงานในปีนี้จะตกลงไปจากเดิม มีหลายเกมที่พลาดท่าทำแต้มหล่นหายไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็สามารถประคองตัวเก็บแต้มมาได้มากพอสมควร ทำให้ยังรักษาโอกาสลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้เอาไว้ได้ตอนนี้ช่องว่างของคะแนนเริ่มมากขึ้นไปกว่าเดิม ทีมจ่าฝูงก็ยังไม่มีท่าทีจะสะดุดบ้างเลย จึงอาจทำให้แฟนบอลเรือในสีฟ้าหลายคนเริ่มวิตกกังวล กลัวว่าทีมรักจะหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล แต่ถ้าหากเราลองมองให้ลึกลงไปอีกหน่อย สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่ต้องตกใจมากจนเกินไป เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และนักเตะแมนซิตี้หลายคนเคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้กันมาหมดแล้ว วันนี้เราจึงจะมาวิเคราะห์ในมุมบวกถึง 5 โอกาสทองที่ แมนซิตี้ จะสามารถพุ่งแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ1.ระยะทางยังอีกไกลแน่นอนว่าตอนนี้พรีเมียร์ลีกพึ่งจะเดินทางมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ด้วยระยะห่างที่ยังไม่เกิน 10 คะแนน กับเกมการแข่งขันที่เหลืออีกเกือบ 20 เกม เชื่อว่าโอกาสการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ยังคงเปิดกว้างเหมือนเดิม อันดับแรกที่ต้องทำให้ได้คือ การเรียกฟอร์มเก่งกลับมาโดยเร็ว การครอบครองบอลคุมเกมยังคงทำได้เหนือกว่าคู่แข่ง แต่ต้องเพิ่มความดุดันในจังหวะสุดท้าย พาบอลเข้าพื้นที่อันตรายให้มากขึ้น และเมื่อคู่ต่อสู้ถอยลงไปรับต่ำกันหมด ในบางครั้งก็ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงเจาะเข้าไปบ้าง เพื่อกดดันให้แนวรับคู่แข่งเกิดความผิดพลาด เปิดโอกาสในการยิงประตูให้ทีม2.การเจอกับ อาร์เซนอลการเจอกับทีมคู่แข่งลุ้นแย่งแชมป์โดยตรงเป็นเกมที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้แมนซิตี้ยังไม้ได้เจอกัยอาร์เซนอลเลย ดังนั้นทั้ง 2 เกมที่ต้องเจอกันเอง นัดแรก 16 กุมภาพันธ์ (เยือน) นัดสอง 27 เมษายน (เหย้า) จึงมีความสำคัญมากนอกจากจะเก็บคะแนนเพิ่มได้แล้ว ยังเป็นการตัดคะแนนคู่แข่งได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าหากนักเตะแมนซิตี้สามารถคว้าชัยชนะมาได้ทั้งสองเกม ช่องว่างก็จะลดหายไปทันทีถึง 6 คะแนน อาจจะทำให้สถานการณ์ในตารางพลิกผันกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง จึงเป็นโอกาสสำคัญมากๆที่ห้ามพลาด3.ประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ จริงอยู่ว่าอาร์เซนอลในตอนนี้เล่นกันด้วยฟอร์มที่ดีมากๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะนักเตะกำลังมีความมั่นใจ และยังไม่ได้เจอกับสถานการณ์ที่กดดันมากนัก ดังนั้นหน้าที่ของแมนซิตี้ ก็คือการสร้างความกดดันไปเรื่อยๆเนื่องจากนักเตะปืนใหญ่ชุดนี้เป็นดาวรุ่ง ยังขาดประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ อย่างที่เราเห็นกันเมื่อฤดูกาลก่อนก็มาตกม้าตายในเกมสุดท้าย ปีนี้ทีมอาจจะดีขึ้นแต่การลุ้นแชมป์จะกดดันมากกว่าหลายเท่าตัว ส่วนทางแมนซิตี้และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีประสบการณ์การลุ้นแชมป์มาอย่างโชกโชน ทั้งการเป็นผู้นำและผู้ตาม หลายครั้งก็สามารเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิด ดังนั้นเชื่อว่าถ้าหากยังเบียดแย่งกันไปจนถึงช่วงท้าย แมนซิตี้จะมีความได้เปรียบและรับมือความกดดันได้ดีกว่าอย่างแน่นอน4. เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ / เควิน เดอ บรอยน์ฟุตบอลที่ดีต้องเล่นกันเป็นทีม ทุกตำแหน่งต่างมีความสำคัญเหมือนกัน ต้องคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดเวลา 90 นาทีในสนาม แต่ทีมในระดับลุ้นแชมป์จะต้องมีนักเตะพิเศษอยู่ในทีมเสมอ ซึ่งเป็นนักเตะที่สามารถสร้างความแตกต่างในเกมได้ อยู่ถูกที่ถูกเวลาและงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ในยามที่ทีมต้องการ เหมือนกับปีที่ กุน อเกวโร่ ยิงประตูช่วงทดเจ็บช่วยให้ทีมแซงคว้าแชมป์ในนาทีสุดท้าย หรือเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อิลคาย กุนโดกัน เป็นตัวสำรองลงมาพลิกเกมในนัดสุดท้ายช่วยให้แมนซิตี้คว้าแชมป์มาครอง ส่วนในปีนี้คิดว่านักเตะที่จะเป็นคีย์แมนสำคัญนอกจาก เควิน เดอ บรอยน์ แล้วก็น่าจะเป็น เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมนั่นเอง ด้วยศักยภาพที่เต็มเปี่ยมสามารถจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ จะมีประโยชน์กับทีมมหาศาลในช่วงที่ต้องชี้เป็นชี้ตายอย่างแน่นอนไม่มีใครู้หลอกว่าสุดท้ายแล้วฤดูกาลนี้จะจบลงเช่นไร แต่ที่รู้ได้แน่คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และขุนพลเรือใบสีฟ้ายังไม่มีใครยอมแพ้แน่นอน ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยากเย็นแค่ไหนก็พร้อมสู้เต็มที่ แล้วเรามารอดูวันว่าสุดท้ายแล้ว แมนซิตี้ จะสามารถพลิกเกมกลับมาพุ่งแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หรือปล่าว ?ถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Manchester Cityภาพ1 Manchester Cityภาพ2 Manchester Cityภาพ3 Manchester Cityภาพ4 Manchester Cityภาพ5 Manchester CityCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์