Count Down บอลโลก Vol.4 : Group D

World Cup 2014 Group stage Round : Group D

นับถอยหลังฟุตบอลโลก 2014 ใกล้เข้ามาถึงในทุกขณะ…

เรามาทำความรู้จัก 32 ทีม ก่อนที่จะได้ชมฟุตบอลกันให้ลึกซึ้งถึงแก่น เพื่อความมันส์ในการเชียร์ โดยที่จะเริ่มไปที่รอบแบ่งกลุ่ม ครั้งนี้เป็น สาย D ซึ่งมี 4 ทีมดังนี้

       
      อุรุกวัย

       เกียรติประวัติในบอลโลก…
       แชมป์โลก 2 สมัย (1930,1950)
       ลงเล่นในบอลโลกไปแล้ว 11 ครั้ง

       แข้ง “จอมโหด” ทีมชาติอุรุกวัยชุดนี้ ในศึกบอลโลกครั้งนี้ ผ่านเข้ามาร่วมในรอบสุดท้ายได้ตามคาด ไม่ต้องเหนื่อยเพลย์ออฟแบบหลายครั้งก่อน โดยที่ขุมกำลังชุดนี้ค่อนข้างดีกว่าหลายๆครั้งที่่ผ่านมา และด้วยสไตล์บอลเล่นแบบอเมริกาใต้แท้ๆ บวกสตาร์หลายคนที่ฟอร์มดีกับต้นสังกัดในยุโรปทั้ง ดิเอโก้ โกดิน, เอดินสัน คาวานี่ และที่เปรี้ยงปร้างสุดๆคือ หลุยส์ ซัวเรส แม้จะอยู่ในสายที่ต้องเจอกับ อังกฤษ และอิตาลี ที่ก็ไม่ใช่งานง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหาก อุรุกวัย จะกรุยทางสู่รอบน็อกเอาท์ต่อไปได้เช่นกัน…

       คีย์แมน : หลุยส์ ซัวเรส

       เปรี้ยงปร้างเสียเหลือเกินกับหอกจอมมุดรายนี้ เจ้าของดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่กระหน่ำไป 31 ประตู น่าจะเป็นเครื่องการันตีความจัดจ้านในฝีเท้าของเขา แม้ก่อนบอลโลกนี้จะมีข่าวต้องผ่าตัด เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บก็ตามที ยังเชื่อว่าหากไม่โชคร้ายจนเกินไป เค้าคนนี้จะเป็นฟันเฟืองถล่มประตูให้ “จอมโหด” สู้กับทีมใหญ่ๆได้สบายๆ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

       คอสตาริกา

       เกียรติประวัติในบอลโลก…
       ลงเล่นในบอลโลกไปแล้ว 3 ครั้ง

       ทีมชาติคอสตาริกา ตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟ กับฟุตบอลโลกหนนี้ ต้องบอกว่างานยากเหลือเกิน ในการจับมาอยู่สายเดียวกับ อังกฤษ อิตาลี และ อุรุกวัย ซึ่งหลายคนมองว่าอาจจะเป็นเพียง “ไม้ประดับ” ของกลุ่มนี้เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วก็มองข้ามไม่ได้เสียทีเดียว เมื่อดูจากขุมกำลังนำโดย เคย์เลอร์ นาบาส นายทวารจาก เลบานเต้ ที่เหนียวแน่นหนึบทีเดียว รวมถึง ไบรอัน รุยซ์ แนวรุกจอมเทคนิคที่ผ่านเวทียุโรปมาอย่างโชกโชน เป็นกำลังหลักสู้สุดใจแม้เป็นรองก็ตาที

       คีย์แมน : เคย์เลอร์ นาบาส
      
       นายทวารฟอร์มเยี่ยมรายนี้ พิสูจน์ตัวเองกับต้นสังกัด เลบานเต้ ทีมในลีกสเปน จนกลายเป็น 1 ใน 11 ติดทีมผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีกยุโรป อย่างไม่ต้องสงสัย แม้สายจะหินแค่ไหน แต่ถ้าหากนายด่านผู้นี้เข้าฟอร์มแล้ว ดูท่าจะเป็นงานหนักสำหรับคู่แข่ง และพร้อมเป็นไพ่พลิกสถานการณ์ให้ทีมเก็บแต้ม ผ่านเข้ารอบแบบเซอร์ไพรซ์ได้เช่นกัน

      อังกฤษ

       แชมป์โลก 1 สมัย (1966)
       ลงเล่นในบอลโลกไปแล้ว 13 ครั้ง

       “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ กับฟุตบอลโลกอีกครั้ง ภายใต้การทำทีมของ รอย ฮอดจ์สัน จัดทัพขุนพลชุดผสม พร้อมกับความคาดหวังของแฟนบอล ดูน่าสนใจมากจริงๆกับการที่ถ่ายเลือดใหม่แนวรับทั้งหมด ใช้ แกรี่ เคฮิลล์ ยืนเป็นตัวหลักคู่ ฟิล จากิลก้า โดยที่ไม่มีทั้ง จอห์น เทอร์รี่ และริโอ เฟอร์ดินานด์ สองตัวเก๋าที่หลุดทีมไป และน่าจะเป็นบอลโลกครั้งส่งท้ายสำหรับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และแฟรงค์ แลมพาร์ด พร้อมกับใส่เลือดใหม่มาหลายคนทั้ง ลุค ชอว์, อดัม ลัลลาน่า, คริส สมอลลิ่ง, แดนนี่ เวลเบ็ค, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่หลวงทีเดียว สำหรับทัพสิงโตคำราม จะก้าวไปสู่ฝั่งฝัน แชมป์โลกสมัยที่ 2 !!! ….

       คีย์แมน : เวย์น รูนี่ย์

       เจ้าสุกรโลกันตร์ จากต้นสังกัดทีมดัง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระดับฝีเท้าเกรดเวิลด์คลาส กับคุณภาพในเกมรุกในสนาม เล่นได้ทั้งหน้าต่ำ ล้วงบอล จบประตูได้อย่างเฉียบขาด หากไม่มีอะไรผิดพลาด เล่นได้ด้วยฟอร์มที่ควรเป็น บวกขุมกำลังหลักที่เป็นดาวเด่นจากทีมร่วมลีกอีกหลายคน ทีมชาติอังกฤษ น่าจะมีลุ้นเอี่ยวถึงรอบลึกๆ หรือถึงแชมป์เลยก็เป็นได้

       อิตาลี

       แชมป์โลก 4 สมัย (1934,1938,1982,2006)
       ลงเล่นในบอลโลกไปแล้ว 17 ครั้ง

       “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี โดยกุนซือ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ ในฟุตบอลโลกหนนี้ เมื่อเข้ามาเจอกลุ่มสายหนักพอตัวทีเดียว ต้องฟาดฟันกับ อังกฤษ และอุรุกวัย โดยที่ตัวผู้เล่นหลักๆมีความเก๋าพอตัวทีเดียว ทั้งการใส่ชื่อ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน โครตนายทวารยืนมือ 1 เฝ้าเสา บวกด้วย จอร์จิโอ คิเอลนี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, เฟเดอริโก บัลซาเร็ตติ, อันเดรีย ปีร์โล่, ธิอาโก้ ม็อตต้า, อันโตนิโอ  คาสซาโน่ รวมถึงดาวรุ่งทั้ง มัตเตีย เดอ ชิโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ รวมถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่พร้อมสร้างความแตกต่างในแนวรุก น่าสนใจไม่น้อยว่า อดีตแชมป์โลก 4 สมัยทีมนี้ จะไปได้ไกลแค่ไหน?

       คีย์แมน : อันเดรีย ปีร์โล่

       หัวใจในเกมแดนกลางของทีม คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การไม่มีชายผู้นี้ในสนาม เกิดความแตกต่างมากแค่ไหน? มิดฟิลด์ตัวบัญชาการเกม ด้วยฝีเท้าและประสบการณ์ที่สะสมมาอย่างโชกโชน น่าจะช่วยทีมได้มากทีเดียวสำหรับผลงานของ อิตาลี ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้