ผลฟุตบอลถ้วยคาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศนัดที่สอง คู่แรก นิวคาสเซิลเปิดบ้านเอาชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 (รวมผลสองนัด 3-1) ผ่านเข้าสู่รองชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะเป็นการเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ส่วนการคว้าแชมป์ราการใหญ่ครั้งล่าสุดของสโมสร ต้องย้อนไปในเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพเมื่อปี 1955 นิวคาสเซิลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาเกือบ 68 ปีแล้ว วันนี้ NPK Football Style จึงจะพามาย้อนดูเส้นทางก่อนจะถึงนัดชิงชนะเลิศถ้วยคาราบาวคัพ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งถ้าหากนักเตะ นิวคาสเซิล สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ ก็จะเป็นการเริ่มต้นเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่สวยงามมากรอบ 2 vs ทรานเมียร์ โรเวอร์ ( ลีกทู )นิวคาสเซิล เริ่มต้นลงเตะตั้งแต่รอบสอง โดยต้องเดินทางบุกไปเยือน ทรานเมียร์ โรเวอร์ ทีมจากลีกทู เนื่องจากคู่แข่งไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เอ็ดดี้ ฮาว จึงใช้นักเตะสำรองแบบยกชุด ด้วยคุณภาพที่ดีกว่าจึงเป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสยิงประตูได้เยอะ แต่เพราะความไม่เด็ดขาดกันเองจึงเป็นฝ่ายถูกเจ้าบ้านยิงประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาที 21 แต่ก็มาตามตีเสมอได้ในนาที 40 จากประตูของ จามาล ลาสเซลส์ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1 หลังจากเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน นิวคาสเซิลก็มาได้ประตูชัยจากลูกโหม่งของ คริส วู้ด ในนาที 52 ช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปรอบ 3 vs คริสตัลพาเลช เพียงแค่รอบที่สาม นิวคาสเซิลก็ได้เจอกับทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันเองแล้ว แต่คราวนี้จะได้ลงเตะในบ้านต้อนรับ คริสตัลพาเลซ เมื่อคู่แข่งอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างกันมาก เอ็ดดี้ ฮาว จึงต้องจัดทีมเน้นมากขึ้นกว่าเดิม นิค โป๊ป, แดน เบิร์น, โจเอลินตัน และอัลลัน แซงต์-แม็กซิแม็ง ถูกส่งลงมาเป็นแกนหลักในแต่ละพื้นที่ของสนาม รูปเกมโดยรวมสู้กันได้สนุกแต่เจ้าบ้านก็ยังคุมเกมได้เหนือกว่า สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรกันไม่ได้ จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ก่อนที่นักเตะนิวคาสเซิลจะโชว์ความนิ่งและแม่นยำมากกว่า เอาชนะในช่วงการดวลจุดโทษ 3-2 ผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างหวุดหวิดรอบ 16 ทีมสุดท้าย vs บอร์นมัธเป็นอีกเกมที่ยังต้องเจอกับทีมในพรีเมียร์ลีก แต่ก็มีความโชคดีได้ลงเตะในบ้านของตัวเองต่อเนื่อง บอร์นมัธ เป็นทีมน้องใหม่ที่ต้องเดินทางมาเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค เกมนี้ต้องบอกว่า เอ็ดดี้ ฮาว ไม่ลังเลที่จะจัดนักเตะชุดใหญ่ไว้รอต้อนรับ และด้วยคุณภาพนักเตะที่ดีกว่ามาก เจ้าบ้านจึงเป็นฝ่ายครองบอลเดินเกมรุกเข้าใส่ สร้างโอกาสยิงได้มากถึง 17 ครั้ง แต่ก็ต้องชมนักเตะทีมเยือนที่เล่นเกมรับกันได้ดี ขยันช่วยกันไล่บอล ทำให้โอกาสยิงประตูของนิวคาสเซิลไม่อันตรายมากนัก แต่สุดท้ายความพยายามเล่นเกมรุกของเจ้าบ้านก็มาสำเร็จในนาที 67 อดัม สมิธ กองหลังของทีมบอร์นมัธพลาดท่าทำบอลเข้าประตูตัวเอง กลายเป็นประตูชัยส่งให้นิวคาสเซิลผ่านเข้ารอบสู่ต่อไปรอบ 8 ทีมสุดท้าย vs เลสเตอร์ ซิตี้รอบนี้เป็นการลงเล่นในบ้านเกมที่สามติดต่อกัน ในส่วนของคู่แข่งก็เพิ่มความยากขึ้นมาเรื่อยๆ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นด่านสุดท้ายก่อนถึงรอบรองชนะเลิศ มาถึงรอบนี้โอกาสก็ใกล่เข้ามาเรื่อยๆ เอ็ดดี้ ฮาว ยังจัดนักเตะชุดที่ดีที่สุดรอต้อนรับจิ้งจอกสยาม ถึงแม้ว่าชื่อชั้นของทีมจะไม่ได้แตกต่างกัน แต่ฟอร์มการเล่นที่ผ่านมานิวคาสเซิลเหนือกว่าเยอะพอสมควร ทั้งสองทีมล้วนแต่พร้อมใจจัดชุดใหญ่ลงมาเจอกัน เจ้าบ้านอาศัยความได้เปรียบจากเสียงเชียร์ เล่นกันอย่างมั่นใจ ครองบอลได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือโอกาสในการยิงประตู นิวคาสเซิลมีโอกาสยิงมากถึง 22 ครั้ง เหนือกว่าทีมเยือนถึงสามเท่าตัว และก็มาได้ประตูในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายจาก แดน เบิร์น นาที 60 และโจเอลินตัน นาที 70 เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 เดินหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศรอบรองชนะเลิศ vs เซาแธมป์ตันอีกหนึ่งความบังเอิญที่ทำให้เส้นทางง่ายขึ้นเมื่อทีมนักบุญ เซาแธมป์ตัน โชว์ฟอร์มสุดโหดในรอบที่แล้วหักปากกาเซียนเอาชนะ แมนซิตี้ ผ่านเข้ารอบมาได้ นิวคาสเซิลเลยได้เจองานที่เบากว่าเดิมไปเยอะเลย เกมแรก นิวคาสเซิลบุกไปเยือนก่อน และก็ต้องเจอง่ายที่ไม่ง่ายเลยเจ้าบ้านเล่นได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะในครึ่งแรกมีโอกาสจะขึ้นนำหลายครั้ง แต่ก็เป็น นิค โป๊ป ที่ช่วยทีมเซฟเอาไว้ได้เยอะมาก ก่อนที่ในครึ่งหลัง เอ็ดดี้ ฮาว จะแก้เกมได้ดีรวมถึงตัวสำรองก็ลงมาช่วยยกระดับทีมได้มาก จนมาได้ประตูชัยจาก โจเอลินตัน ในนาที 73 เก็บชัยชนะชิงความได้เปรียบเอาไว้ก่อนเกมที่สอง นิวคาสเซิลกลับมาเปิดบ้านต้อนรับเซาแธมป์ตัน เอ็ดดี้ ฮาว ยังคงจัดผู้เล่นตัวจริงชุดเดิมเหมือนเกมที่แล้ว การขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาที 5 และนาที 21 จาก ฌอน ลองสตาฟฟ์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของนักเตะทุกคน การต่อบอลดูไหลลื่นเพลินตา ถึงแม้ว่าจะมีจังหวะพลาดง่ายๆโดนไล่มา 2-1 แต่รูปเกมโดยรวมนิวคาสเซิลยังคงดูดีกว่า ส่วนในครึ่งหลังรูปเกมดูดร็อปลงไปพอสมควร ทีมเยือนเริ่มสร้างความอันตรายได้มากกว่าเดิม แต่ด้วยสกอร์ที่เหนือกว่าสุดท้าย นิวคาสเซิล ก็ยังประคองตัวเก็บชัยชนะไปได้อีกครั้งด้วยสกอร์ 2-1 รวมผลสองเกม 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้อย่างสุดมันส่วนคู่แข่งในนัดชิงชนะเลิศก็คือ แมนเชสเยอร์ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมที่ผลงานกำลังดีจะประมาทไม่ได้เลย โดยในฤดูกาลนี้ทั้งคู่เจอกันมาแล้วหนึ่งครั้งในบอลลีก ปรากฎว่านิวคาสเซิลบุกไปเสมอถึงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด 0-0 ส่วนอันดับในตารางคะแนนก็เป็นกลุ่มที่ต้องลุ้นท็อปโฟร์เหมือนกัน รายละเอียดต่างๆจึงค่อนค้างใกล้เคียง และสูสีกันมากๆ เป็นคู่ชิงชนะเลิศที่เหมาะสมที่สุด โดยเกมนัดชิงชนะเลิศจะลงเตะกันที่สนาม Wembley Stadium ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ตามเวลาของประเทศอังกฤษ แฟนบอลสาลิกาดงอย่าลืมมาร่วมเชียร์ให้ นิวคาสเซิล คว้าแชมป์แรกในฤดูกาลนี้มาครอง และเดินหน้าริ่มเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสร อีกครั้งถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Newcastle United/Wembley Stadiumภาพ1 Newcastle Unitedภาพ2 Newcastle Unitedภาพ3 Newcastle Unitedภาพ4 Newcastle Unitedภาพ5 Newcastle UnitedCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์