ใกล้จะรูดเปิดฉากเข้าใกล้เรื่อยๆ แล้วครับ สำหรับศึก "พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/2024" ที่จะเริ่มโม่แข้งนัดแรกคืนวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมนี้แล้ว โดยเกมแรกจะเป็นเกมที่แชมป์เก่าและเทรบเบิลแชมป์อย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ต้องออกไปเยือน "น้องใหม่หน้าเก่า" เบิร์นลีย์ ที่มีอดีตตำนานกัปตันของทีมเรือใบอย่างแวงซองต์ กอมปานีเป็นกุนซือคุมบังเหียนอยู่ และสำหรับแมนซิตี้นั้นฤดูกาลใหม่นี้มีเรื่องให้พูดถึงเป็นอย่างมากทั้งตัวทีมและตัวนักเตะ เพราะยังมีหลายอีกสถิติรอให้พวกเขาทำลาย โดยสำหรับบทความนี้ผมจะพาไปดูว่าพวกเขาจะต้องเจอกับ "5 คำถาม" ที่จะเป็นโจทย์หรือสถิติให้พวกเขาต้องแก้และทำลาย โดยเนื้อหาของบทความนี้นำข้อมูลมาจากเว็บไซต์ OptaAnalyst พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ1. ทัพเรือใบจะสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 4 สมัยติดต่อกันได้หรือไม่?อย่างที่ทราบกันดีครับว่าเป็นเวลา "3 ฤดูกาลติดต่อกัน" แล้วที่แมนซิตี้นั้นสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาครอง แต่แมนซิตี้ไม่ใช่ทีมแรกครับสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้สามสมัยติดต่อกัน ก่อนหน้านี้มี 4 ทีมจาก 5 ครั้งด้วยกันที่สามารถทำได้ โดยทีมแรกที่ทำได้คือ ฮัดเดิลฟิลด์ ทาวน์ (1923/1924 ถึง 1925/1926), อาร์เซนอล (1932/1923 ถึง 1934/1935), ลิเวอร์พูล (1981/1982 ถึง 1983/1984) และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ทำได้ถึง 2 ครั้ง คือ ฤดูกาล 1998/1999 ถึง 2000/2001 และ 2006/2007 ถึง 2008/2009ทำให้ ณ ตอนนี้ทั้งแมนซิตี้และเป๊ป กวาร์ดิโอลานั้นลุ้นเป็นทีมแรกและผู้จัดการทีมคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุงของอังกฤษได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน โดยนับเป็นเวลา 7 ฤดูกาลแล้วที่นับตั้งแต่เป๊ปเข้ามาคุมทัพเรือใบ โดยใน 7 ฤดูกาลเขาฟาดแชมป์ลีกไปแล้ว 5 สมัยมารอดูกันครับว่าแมนซิตี้และเป๊ปจะทำลายสถิติการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 4 สมัยติดต่อกันได้หรือไม่ ผมบอกได้เลยว่ามีโอกาสที่สูงมากๆ2. "เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์" จะสามารถทำลายสถิติการยิงได้อีกหรือไม่?ฮาแลนด์นั้นเปิดตัวกับศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกได้อย่างโคตรสุดยอดด้วยการทำไปทั้งหมด 36 ประตู (52 ประตูรวมทุกรายการ) ทำลายสถิติของตำนานหลายๆ คนของพรีเมียร์ลีกอย่างกระจุยกระจาย ทั้งโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (44), รุด ฟาน นิสเตลรอย (44), คริสเตียโน โรนัลโด (42), แฮร์รี เคน (41) และแอนดี โคล (41) ทำให้ในฤดูกาล 2023/2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ไอ่เด็กนรกคนนี้เหมือนมีโจทย์ใหม่ว่าจะทำลายสถิติของตัวเองได้หรือไม่แต่สิ่งที่น่าสนใจสิ่งนึงก็คือ 8 นัดสุดท้ายในลีก เขาสามารถทำได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น แถมในช่วงเวลาของเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น เขาไม่สามารถทำประตูได้เลย 9 นัดจาก 13 นัดของการแข่งขันทั้งหมดที่แมนซิตี้ลงแข่ง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฮาแลนด์หน่อย เพราะในช่วงนึงของซีซั่นที่แล้วเขาก็มีอาการรบกวนอยู่บ้าง ไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าหากเขาไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เขาก็อาจจะยิงประตูในลีกได้เกิน 40 ประตู สำหรับการยิงในลีกแตะหลัก 40 ประตูนั้นก่อนหน้านี้มีเพียง 7 ครั้งเท่านั้นที่ทำได้ คนแรกที่ทำได้คือ เท็ด ฮาร์เปอร์ที่ยิงให้กับแบล็คเบิร์น โรเวอร์สในฤดูกาล 1925/1926 ไป 43 ประตู แต่คนที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์และโด่งดังที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "ดิ๊กซี ดีน" ตำนานของเอฟเวอร์ตัน ที่เป็นคนที่ 2 ที่ทำได้ เขาทำได้ในฤดูกาล 1927/1928 โดยเขาระเบิดตาข่ายไปถึง "60 ลูก" แถมดีนยังสามารถทำได้ถึง 2 ครั้ง (ครั้งที่ 2 ยิงไป 44 ประตู) นอกจากนี้ยังจะมี "อลัน เชียร์เรอร์" ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ที่สามารถยิงได้แตะหลัก 30 ลูกได้ต่อเนื่อง 3 ฤดูกาล แต่ 2 ใน 3 ครั้งนั้นจะเป็นในช่วงที่เกมลีกต้องแข่งขันกัน 42 เกม (93/94 - 95/96)ต้องรอดูและน่าติดตามเป็นอย่างมากครับว่าเจ้าของฉายา "จอมมารบู" นั้นจะสามารถทำลายสถิติของทั้งตัวเองและเหล่าตำนานได้หรือไม่3. การจากไปของอิลคาย กุนโดกันและริยาด มาห์เรซจะส่งผลกระทบอย่างไร?อย่างที่บอกไปในข้อที่สองว่าในช่วงท้ายของซีซั่นที่แล้วมีช่วงที่ฮาแลนด์นั้นปืนฝืดเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีผู้เล่นคนอื่นนั้นสามารถเข้ามาทดแทนการทำประตูได้ โดย "อิลคาย กุนโด" กันคือคนๆ นั้น ซึ่งในเวลาของเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ไม่มีนักเตะแมนซิตี้คนไหนที่สามารถทำประตูไปได้มากกว่าอดีตกัปตันทีมคนนี้ โดยกุนโดกันทำไปได้ถึง 6 ประตูตลอดช่วงเวลา 2 เดือนนั้นในส่วนของมาห์เรซนั้นก็เป็นอีก 1 แข้งตำนานของทีมที่ย้ายออกจากทีมไป เขาย้ายไปร่วมทีมอัล-อาห์ลี ทีมในลีกของซาอุฯ โดยในฤดูกาลที่แล้วในรวมทุกรายการ มาห์เรซนั้นทำประตูและแอสซิสต์ได้เกิน 10 ครั้งทั้ง 2 อย่างเลย แบ่งเป็นยิง 15 แอสซิสต์ 13 มีเพียงเควิน เดอ บรอยน์และฮาแลนด์ที่ทำได้มากกว่าในการมีส่วนร่วมกับประตู KDB ทำได้ 38 ครั้ง ฮาแลนด์ 61 ครั้ง และตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับแมนซิตี้ ปีกแอลจีเรียคนนี้มีส่วนร่วมกับประตูไป 134 ลูก และเขาจะมีส่วนร่วมกับประตูในทุกๆ 113 นาทีหากดูจากสถิติการทำประตูในช่วงท้ายของซีซั่นที่แล้วแล้ว น่าสนใจว่าหากฮาแลนด์เกิดปืนฝืดขึ้นมาอีก ใครจะขึ้นมาทำหน้าที่เป็นเหมือนฮีโร่ของทีมอีกหลังจากที่เสียกุนโดกันไป4. "ฮูเลียน อัลวาเรซ" จะเฉิดฉายได้กว่าเดิมหรือไม่?ฮูเลียน อัลวาเรซนั้นสามารถแจ้งเกิดได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาร่วมทีมแมนซิตี้ แถมยังสามารถไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกร่วมกับทีมชาติอาร์เจนตินาได้อีกด้วย โดยตลอดฤดูกาลเขายิงให้แมนซิตี้ 17 ประตู (รวมทุกรายการ) เขาเป็นรองดาวซัลโวของทีม เขามีสถิติลงเล่นไป 2,525 นาที มีจังหวะยิง 82 ครั้ง เปลี่ยนเป็นประตูได้ 17 ประตู ค่า xG ทั้งหมดอยู่ที่ 13.5สถิติยิง 17 ประตูให้กับแมนซิตี้ ผมบอกได้เลยว่ามันไม่แย่เลย เข้าขั้นดีด้วยซ้ำ มันยอดเยี่ยมแล้วนะสำหรับนักเตะที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมของกุนซืออย่างเป๊ป กวาร์ดิโอลาที่มีแทคติกการเล่นที่ค่อนข้างซับซ้อน แถมก็เป็นตัวสำรองไปเกินครึ่งของการแข่งขันทั้งหมด เขาลงเล่นในฐานะตัวสำรองไป 26 เกมจากทั้งหมด 48 เกมผลงานขนาดนี้ทำให้เขาถูกจับตามองว่าในฤดูกาล 2023/2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ อัลวาเรซจะสามารถเฉิดฉายได้มากกว่าฤดูกาลที่แล้วหรือไม่ จะสามารถเบียดให้ฮาแลนด์ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้หรือไม่ น่าติดตามมากๆ ครับ5. แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะสามารถต่อสู้กับอาการบาดเจ็บได้ดีเท่าไหร่?ถ้าจะบอกเรื่องนี้เป็นเรื่องของโชคและดวงก็ไม่ผิด แต่อย่าลืมชื่นชมทีมงานของแมนซิตี้ด้วยที่ดูแลนักเตะให้มีอาการบาดเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขามีนักเตะที่ได้รับอาการบาดเจ็บรวมกันอยู่ 447 วันหรือหากนับเป็นจำนานเกมก็อยู่ที่ 62 เกมที่ต้องพลาดลงเล่น สถิติของพวกนั้นถือว่าดีกว่าทีมอื่นๆ ในลีกเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น "เชลซี" ที่มีนักเตะเจ็บรวมกันอยู่ที่ 1,836 วัน พลาดเกมลงเล่นไป 216 เกม โดยจะมีนักเตะของเรือใบเพียง 4 คนเท่านั้นที่ได้รับอาการบาดเจ็บและต้องพลาดการลงเล่นนานมากกว่า 1 เดือน นั่นก็คือ คัลวิน ฟิลลิปส์ (68 วัน), ไคล์ วอล์คเกอร์ (50 วัน), รูเบน ดิอาส (40 วัน) และนาธาน อาเก (36 วัน)สถิติเพิ่มเติมยังบอกอีกว่าฤดูกาลที่แล้วเป๊ปนั้นใช้งานนักเตะไปเพียง 24 คนเท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากถ้าหากเทียบกับจำนวน Squad Depth และคุณภาพผู้เล่นที่เขามี ในฤดูกาลที่แล้วเขาเปลี่ยนแปลง 11 ผู้เล่นตัวจริงไป 106 ครั้ง โดยมีเชลซีและลิเวอร์พูลเท่านั้นที่มีสถิติที่สูงกว่าแมนซิตี้ที่ต้องเปลี่ยน 11 ผู้เล่นตัวจริงเพราะอาการบาดเจ็บอยู่ที่ 139 และ 107 ครั้งตามลำดับ และมีผู้เล่นในตำแหน่ง Outfield เพียง 2 คนเท่านั้นที่ลงเล่นเกิน 75% ของนาทีทั้งหมดในการลงเล่นพรีเมียร์ลีก ได้แก่ ฮาแลนด์ (2,776 นาที) และโรดรี (2,920 นาที) ตัดภาพไปเปรียบเทียบกับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล คู่แข่งแย่งแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้วที่มีผู้เล่นลงเล่นเกิน 75% นาทีในการลงเล่นเกมลีกถึง 6 คน ทำให้อาร์เซนอลอาจจะเกิดอาการหมดแรงและอ่อนล้าในการแย่งแชมป์ในท้ายที่สุดน่าสนใจเหมือนกันว่าผลงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรถ้าหากผู้เล่นคนสำคัญอย่างเช่น ฮาแลนด์, เดอ บรอยน์ หรือโรดรีนั้นได้รับอาการบาดเจ็บและไม่สามารถลงเล่นให้กับทีมได้ ผู้เล่นคนอื่นจะทดแทนการหายไปของเพื่อนๆ ได้หรือไม่ ต้องติดตามชมกันครับและนี่ก็คือ 5 โจทย์ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะต้องประสบพบเจอในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ มีทั้งสถิติส่วนตัวของสโมสรและส่วนตัวของนักเตะ รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ด้วย ต้องมาติดตามดูกันครับว่าเป๊ปและลูกทีมของเขาจะยังสามารถรักษาฟอร์มที่สุดยอดจากฤดูกาลที่แล้วได้อย่างต่อเนื่องอีกหรือไม่ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4 และภาพประกอบ 5ภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์