ใจสลายไปตามๆกันครับสำหรับเด็กหงส์ที่รู้ข่าวสุดช็อคนี้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นทุกอย่างมันมวนอยู่ในท้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ พยายามเช็คข่าวหาเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงปุ๊บปั๊บทั้งที่คล็อปป์ก็เพิ่งต่อสัญญาไปถึงปี 2026 (ยังเหลืออีกตั้งสองปี) หรืออย่างน้อยในความคิดเด็กหงส์ ก็แอบทำใจไว้แล้วว่าแกไปแน่แต่ก็น่าจะอยู่จนครบสัญญา รับรูปปั้นหน้าสนามเป็นอีกหนึ่งโค้ชในตำนานสักหน่อยก็ยังดี คือฟิวมันเหมือนคนเป็นมะเร็งแต่ไม่ยอมบอก อาจจะเพราะกลัวลูกหลานไม่สบายใจ ภายนอกจึงดูสดใสยิ้มแย้มไม่มีอะไร แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความทึมเทาและไร้ความสุข ที่พูดแบบนี้ก็เพราะลิเวอร์พูลเพิ่งจะได้เข้าชิงถ้วยคาราบาวคัพไปเมื่อสองวันก่อนนี่เอง! แล้วอันดับในลีกก็คือที่หนึ่งของตาราง! ถ้าโดนไล่ออกก็ว่าไปอย่าง! แต่นี่คล็อปป์กำลังทำทีมขึ้นสู่ยอดพีระมิดอีกครั้ง พอแกมาประกาศว่าจะวางมือแบบนี้ ใครไม่ช็อคก็ใช้เคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าเช็คหัวใจดูได้เลยครับ แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เสียใจยังไงเราก็ต้องไปต่อ ในฐานะแฟนบอลที่ดูทีมทุกนัดแบบไม่มีขาดตกบกพร่อง เราทำได้เพียงเคารพในการตัดสินใจของแก ทุกถ้อยแถลงการณ์มันชัดเจนอยู่แล้วว่าในใจคล็อปป์เกิดอะไรขึ้น เขาไม่เหลือไฟในเกมฟุตบอลอีกแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์จะไปใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่กับครอบครัวกับคนที่เขารักบ้างเลยหรือ? พอมาคิดแบบนี้เราก็ได้แต่อวยพร ปั้มหมัดกระทบหัวใจ ขอบคุณในความทุ่มเทมากมายที่แกทำให้เรามีความสุข 9 ปีผ่านไปใกล้จะเข้าเลข 10 เจอร์เก้น คล็อปป์ ประดิษฐานสิ่งใดให้สโมสรลิเวอร์พูลไว้บ้าง ต่อไปนี้คือการเล่าจากความรู้สึกของแฟนบอลอกหักอย่างผมล้วนๆ คุณผู้อ่านท่านใดอยากจะระลึกความทรงจำร่วมกัน ก็คอมเมนท์มาเพิ่มเติมที่ด้านล่างได้ครับ ผมเองก็อยากจะอ่านเหมือนกัน 1. มาแทนแบรนดันท์ ร็อดเจอร์ เติมความหวังเพิ่มพลังงาน!ผมจำไม่ได้แล้วว่าแมทซ์แรกที่คล็อปป์เข้ามาคุมลิเวอร์พูลแข่งกับใคร แต่จำได้ว่าคู่แข่งใส่เสื้อสีขาว และผลสกอร์จบลงด้วยการเสมอ จำได้ลางๆว่าสามนัดแรกที่มาคุมเจอร์เก้น คล็อปป์ไม่สามารถนำทีมคว้าชัยได้เลย เหมือนจะออกเสมอทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครไปกระแนะกระแหนหรือวิพากษ์วิจารณ์แก เพราะเพิ่งมาใหม่ก็ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็คือรูปแบบวิธีการเล่นที่ค่อยๆปรับอย่างช้าๆอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ทีมในตอนนั้นยังมีมามาดู ชาโก้ เป็นเซ็นเตอร์ , มีเบนเตเก้ เป็นศูนย์หน้า , มีพ่อมดน้อยบราซิลอย่างคูติญโญ่คุมแดนกลาง และด้วยทีมชุดเดิมๆนี่แหละ คล็อปป์กลับพาทีมทะยานเข้าไปชิงถ้วยยูโรป้าได้อย่างหน้าตาเฉย! แม่มโคตรจะบ้า! (ถึงผลจะแพ้เซบีย่าก็เถอะ) ส่วนแอ็คชั่นข้างสนามก็มาเต็ม ผมยังจำแมทซ์ที่ลิเวอร์พูลแข่งกับอาร์เซน่อลได้ลางๆ ตอนนั้นเวงเกอร์ยังคุมทีมให้ไอ้ปืนใหญ่อยู่ เวงเกอร์ถึงกับเดินออกจากเขตเทคนิค มาปรามคล็อปป์ด้วยตัวเอง แล้วบอกว่า "ถ้านายทำแบบนั้นที่อังกฤษ นายจะโดนแบนนะ" คล็อปยังหันมาหัวเราะให้อยู่เลย ข้อมูลผิดพลาดตรงไหนขออภัยครับ แต่อันนี้คือผมนึกขึ้นจากความทรงจำจริงๆ 2. โค้ชบอลที่วาทะศิลป์คมคายที่สุด สัมภาษณ์มีเชิงตลอด!อีกหนึ่งเสน่ห์ของคล็อปป์ที่ทำให้เขาเป็นคนที่น่าหลงไหล ก็คือการใช้คำพูดแบบมีสมบัติสำนวนของเขา เราจะเห็นว่าในการสัมภาษณ์สื่อแต่ละครั้งเขาจะมีชั้นเชิงในการพูดตลอด จะด่าเขาก็จะไม่ด่าตรงๆ จะชมก็เหมือนจะมีการเล่นมุกปะปนผสมผสาน นี่ยังไม่นับการปลุกใจลูกทีมในห้องแต่งตัว วาทะศิลป์ขนาดนี้ไม่แปลกใจหรอกครับที่หลายครั้ง พลพรรคหงส์แดงจะเล่นบอลครึ่งหลังได้ร้อนแรงกว่าครึ่งแรก ยกตัวอย่างเท่าที่ผมนึกได้ก็เช่น กรณีล่าสุดที่บอกว่าตัวเองจะลาออก แกก็เปรียบเปรยว่าตัวเองไม่ใช่กระต่ายน้อยที่กระโดดโลดเต้นด้วยพลังงานแบบเดิมไหวแล้ว หรือจะเป็นเคส สเวน โกรัน อีริคส์สัน ยอดโค้ชที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่อยากจะได้คุมทีมลิเวอร์พูลสักครั้ง คล็อปป์ก็บอกว่ายินดีจะจัดให้เลย เพราะ "ผมรู้จักเขาและเขาก็รู้จักผม เรารู้จักกันโดยที่เราไม่รู้จักกัน" คือสุดจะคมคาย! แปลไทยเป็นไทยก็คือต่างคนก็ต่างเคารพในงานโค้ชของกันและกันอยู่ อีกหนึ่งมุกที่นึกได้ก็เป็นตอนที่รางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก เป็นการยิงประตูเท่ากันของ 3 กองหน้าจาก 3 ทีม มีโม ซาล่าห์จากลิเวอร์พูล , โอบาเบยอง จากอาร์เซนอล , แล้วก็ใครก็ไม่รู้จากอีกทีมหนึ่ง คล็อปป์เลยเล่นมุกกับนักข่าวว่า แล้วแบบนี้จะแจกรางวัลกันยังไง "ให้แบ่งกันถือทีละคน ถือกันครั้งละ 4 เดือนหรอ?" หรือจะเป็นเมื่อครั้งที่แกด่าไลน์แมนตอนยกธงห่วย ในจังหวะที่ไลน์แมนวิ่งมาใกล้ๆ แกก็ตะโกนถามไปว่า "คุณมีสิทธ์ยกพลาดได้กี่ครั้ง! ถ้า 15 คุณพลาดได้อีกแค่ครั้งเดียวนะ!" คือจะด่าว่าไอ้เหี้* , ไอ้สั* , ไอ้ห่วยแตก ฯลฯ อะไรไปเลยตรงๆก็ได้ แต่เจอร์เก้น คล็อปป์แกจะมีมุมแบบนี้ และเราแฟนบอลก็จะได้เห็นแบบนี้อยู่ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เสียดายมากครับที่ต่อไปจะไม่มีให้เห็นอีกแล้วฮือ..อ..อ 3. อ้อมกอดตอนเปลี่ยนตัว และ Fist Pump Celebrations ท่าปั๊มหมัดกับแฟนบอล!มันจะมีโค้ชบอลสักกี่คนในโลกครับคุณผู้อ่าน ที่พอเปลี่ยนตัวนักเตะปุ๊บทุกคนจะต้องโดนสวมกอดหมด โดยเฉพาะบรรดานักเตะดาวรุ่งอายุน้อยๆ พวกนี้ยิ่งถูกกอดนานพร้อมกับบทสนทนาที่เราก็ไม่รู้หรอกว่าแกพูดอะไร แต่เดาว่าก็คงจะเป็นวาทะศิลป์ปลุกใจเรียกพลังตามสไตล์แกนั่นแหละ ยิ่งนึกยิ่งจะร้องไห้บอกตรงๆ แล้วนักเตะจะไม่รักแกได้ยังไง แล้วพอจบเกมปุ๊บมันจะมีโค้ชบอลอีกสักกี่คนครับคุณผู้อ่าน ที่เดินลงสนามไปปั๊มหมัดเรียกพลังเสียงเชียร์แบบนั้น ดูกี่ทีก็ฮึกเหิม แม้แต่ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ ผมเองก็ดูคลิปซ้ำไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่เบื่อเลย เป็นโค้ชบางคนใส่สูทผูกไทน์จับมือปุ๊บเดินเข้าห้องแต่งตัวไปเลยก็มี ไม่มีใครเท่เท่าเจอร์เก้นคล็อปป์อีกแล้ว ครองใจทั้งนักบอลและแฟนบอล เสียดายจริงๆแกจะอยู่ให้ได้รูปปั้นหน้าสโมสรสักหน่อยก็ไม่ได้ 4. ตัวจากไปใจเหมือนยังอยู่ ทิ้งมรดกไว้ให้เพียบ!หัวข้อนี้ผมคิดถึง "เขาทราย กาแล็คซี่" ตำนานนักชกชาวไทยผู้ป้องกันแชมป์แบบไร้พ่าย เก่งจนไม่มีใครงัดลงแล้วเจ้าตัวก็ประกาศแขวนนวมในจุดที่อยู่สูงสุดของอาชีพ ไม่มีภาพจำของนักมวยที่พ่ายแพ้ตกอับหมดสภาพ มีแต่ความสง่างามและความทรงจำที่มีความสุข ผมว่ากับคล็อปป์เองก็คล้ายกัน เขาตัดสินใจลาทีมในช่วงเวลาที่ทีมกำลังกลับมาทะยานขึ้นสู่จุดพีค จริงครับว่าซีซั่นก่อนลิเวอร์พูลอาจจะมีช่วงที่ดร็อปลงไป แต่คล็อปป์ก็เจ๋งพอและรับผิดชอบซ่อมแซมสิ่งที่เกิดขึ้น จนกลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้อีกครั้ง แถมยังคิดข้ามช็อตไว้ให้อีก เพราะหลังจากที่วางมือแล้ว ลิเวอร์พูล 2.0 ของเขาก็จะกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ ให้โค้ชคนใหม่ได้หยิบใช้สอยได้โดยสะดวก อาจจะไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่เลยก็ได้ เรียกได้ว่าตัวจากไปใจยังอยู่ จิตวิญญาณของคล็อปป์ยังอยู่ที่แอนด์ฟิลน์ไม่ไปไหน แล้วก็คงจะมีแต่คนแบบเขาเท่านั้นล่ะครับที่จะทำอะไรลึกซึ้งแบบนี้ได้ สรุปสุดท้าย ไม่พูดอะไรมากหรอกครับเพราะยิ่งนึกมันก็ยิ่งต้องปาดน้ำตา อย่าหาว่าผมเว่อร์เลยครับเพราะตอนนี้ผมฟังเพลงรักแทบไม่ได้เลย ฟังทีไรมันก็วกกลับมาเข้าเรื่องนี้ทุกที เหมือนคนอกหัก , เหมือนตัวเองถูกทิ้ง , ถูกบอกเลิก , ไอ้เราก็พยายามนึกว่าเราผิดอะไร เขาต้องการอะไรเราจะจัดหามาให้ทุกอย่าง แต่นั่นมันในเพลงไงครับ! ในชีวิตจริงคล็อปป์เขาให้สัมภาษณ์ไว้หมดแล้ว ภาวะหมดไฟมักเกิดขึ้นกับคนที่ประสบผลสำเร็จสูงสุด อย่างบ้านเราก็มีน้าเน็คเมื่อปี 2554 นั่นไงครับ ที่ลาออกจากงานพิธีกรทุกอย่าง แล้วไปเดินทางตามหาฝันครั้งใหม่ เจอร์เก้น คล็อปปก็น่าจะคล้ายกัน เขาน่าจะหยุดเรื่องฟุตบอลที่สำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างมาหมดแล้วลงสักพัก แล้วก็คงจะออกตามหาความท้ายทายอย่างใหม่ โดยส่วนตัวผมคิดว่าพวกเราคนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจหรอกครับ มันต้องเป็นคนที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิดมาแล้วอย่างเจอร์เก้นคล็อป อย่างน้าเน็ค ถึงจะรู้ว่าการหมดไฟจะต้องแก้ด้วยอะไร! ซึ่ง "น้ำตา" ของแฟนหงส์ทั่วโลกรวมกัน ก็คงจะไม่ใช่คำตอบที่เปลี่ยนใจแกได้อยู่ดี T T เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool Fcภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 1 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 2 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 3 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 4 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 5 จาก FB : Liverpool FcCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์