ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเกมที่ 31 ของลิเวอร์พูล กลายเป็นเกมสำคัญในช่วงท้ายฤดูกาลเนื่องจากจะต้องบุกไปเยือนสนาม Etihad Stadium ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเกมนี้จะมีผลต่อการลุ้นแชมป์โดยตรงในช่วงท้ายของฤดูกาล ส่วนผลการแข่งขันของเกมจะจบลงอย่างไร และมีจังหวะไหนของเกมที่น่าสนใจบ้างลองมาติดตามอ่านดูกันได้เลย ผู้เล่น 11 ตัวจริงในเกมนี้ของ ลิเวอร์พูล สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงในเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากเกมที่แล้วสามตำแหน่งโดย โจเอล มาติป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และดิโอโก้ โชต้า ที่เป็นเพียงสำรองในเกมยุโรปได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ถือว่าเป็นการจัดทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามเพื่อหวังมาบุกคว้าชัยชนะในเกมนี้อย่างเต็มที่ รูปเกม ครึ่งแรก เริ่มเกมเจ้าบ้านแมนซิตี้เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ได้มากกว่า นักเตะลิเวอร์พูลต้องถอยมาเล่นเกมรับกันเป็นส่วนใหญ่การต่อบอลจากแดนหลังมากลางยังไม่แม่นยำโดนแมนซิตี้ตัดบอลได้แล้วทำเกมรุกเร็วเข้าใส่อยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายก็มาเสียสมาธิกันไปเองเสียฟรีคิกแล้วไม่มีใครไปขวางบอลเลยโดนเล่นเร็วแล้วก็เสียประตูแรกจนได้ในนาทีที่ 5 จากการยิงของเดอ บรอยน์ พอเสียประตูลิเวอร์พูลถึงเริ่มตั้งเกมบุกขึ้นมาได้บ้างครองเกมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มาได้ประตูตีเสมอเร็วจากจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดจากฝั่งซ้ายไปถึงสุดเส้นด้านขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดหักกลับมาในกรอบเขตโทษแล้วเป็น ดิโอโก โชต้า ยิงเข้าไปตีเสมอในนาทีที่ 13 ของเกม ถือว่าได้ประตูกลับมาเร็วทำให้เล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หลังโดนตีเสมอแมนซิตี้ก็กลับมาคุมเปิดเริ่มเดินเกมรุกอีกครั้ง โดยเลือกเล่นวางบอลยาวโจมตีริมเส้นทั้งสองข้างของลิเวอร์พูลโดยเฉพาะฝั่งซ้าย จะมีนักเตะคอยวิ่งโฉบทะลุกองหลังขึ้นมาตลอดและได้หลุดเข้ามาสร้างความอันตรายหลายต่อหลายครั้ง กองหลังลิเวอร์พูลพยามเล่นดันสูงใช้กับดักเช็คล้ำหน้าเพื่อจัดการกับแนวรุกซิตี้ แต่ก็ยังไม่ได้ผลเมื่อแมนซิตี้วางแผนมาดีใช้นักเตะมาคอยยืนแนวเดียวกับกองหลังลิเวอร์พูล แต่เวลาบุกจะมีอีกคนให้วิ่งทะลุขึ้นมาแทนทำให้มักจะไม่ล้ำหน้า สุดท้ายกองหลังลิเวอร์พูลก็เช็คล้ำหน้าพลาดโดน กาเบรียล เฆซุส วิ่งหลุดขึ้นมายิงสวนตัว อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปเป็นประตูขึ้นนำนาทีที่ 36 ลิเวอร์พูลพยายามทำเกมบุกหวังเอาประตูยืนแต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่ดีพอ จบครึ่งแรกเป็นฝ่ายตามหลัง 2-1 ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาแล้วเริ่มตั้งเกมได้ก่อน เพียงแต่นาทีแรกของครึ่งหลังก็ได้ประตูตีเสมอเร็ว เมื่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลสุดสวยให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปยิงประตูตีเสมอให้ลิเวอร์พูลได้อย่างรวดเร็วและสวยงาม หลังตีเสมอได้ลิเวอร์พูลเริ่มครองเกมได้ดีกว่าจ่ายบอลกันแม่นยำมากขึ้น เคลื่อนที่กันเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะแนวรุกขยันวิ่งหาช่องและได้เล่นกับบอลกันมาขึ้นจนเกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีจังหวะจ่ายให้ ดิโอโก โชต้า ได้ยิงแต่ไปติดเซฟของผู้รักษาประตูแมนซิตี้อย่างน่าเสียดายเหลือเกิน หลังผ่าน 15 นาทีแมนซิตี้เริ่มตั้งเกมได้และเป็นฝ่ายครองบอลเข้าทำโดยยังเน้นวางบอลยาวให้ริมเส้นทั้งสองข้างแต่คราวนี้ลิเวอร์พูลเริ่มรู้ทันและไม่เปิดพื้นที่ให้มากเหมือนในครึ่งแรก คอยดักตัดบอลลดความอันตรายลงไปได้มากกว่าในครึ่งแรกเยอะเลย ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายทั้งสองทีมเริ่มเน้นเล่นแน่นอนกันมากขึ้นพยายามไม่เสียบอลง่าย ถ้าไม่มีจังหวะสวยๆก็ไม่เข้าโจมตีกลัวจะโดนอีกฝ่ายสวนกลับมามากขึ้น เรียกว่าถ้าไม่ได้ก็ต้องไม่เสียประตูเอาไว้ก่อน นาที 63 แมนซิตี้เกือบขึ้นนำเมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิ่งวิ่งหลุดขึ้นมายิงเข้าไป แต่ยังดีที่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน โอกาสุดท้ายช่วงทดเวลายังเป็นของแมนซิตี้ เมื่อเดอ บรอยน์ จ่ายอย่างสวยให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าไปล็อคเข้าซ้ายแต่สุดท้ายยิงข้ามคาน จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ลิเวอร์พูล เป็นเกมที่สนุกสุดมันมีโอกาสลุ้นด้วยกันทั้งคู่ตลอดทั้งเกม โดยรวมแล้วเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สร้างโอกาสเข้าทำได้ดีและอันตรายมากกว่า แต่ลิเวอร์พูลก็ยังมีทีเด็ดถึงแม้จะสร้างโอกาสได้น้อยกว่า แต่ก็จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาดและอันตรายทุกลูกเหมือนกัน หลังจากนี้เหลืออีก 7 เกมต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ลิเวอร์พูลมีหน้าที่ในการเก็บชัยชนะให้ได้ในทุกเกมที่เหลือเพื่อกดดันให้แมนซิตี้พลาดเองอีกซักครั้ง ถึงแม้จะยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แล้วพบกันใหม่ เชียร์ลิเวอร์พูลสุดหัวใจ สู้ตายๆ เครดิตภาพ ภาพปก Liverpool / Liverpool / Liverpool ภาพ1 Liverpool ภาพ2 Liverpool ภาพ3 Liverpool ภาพ4 Liverpool ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !