TRUE OPINIONS : 14+11 = 5 ? แชมป์ลีกสมัยที่ 5 ของ "แมนฯ ซิตี้" ? ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"
TRUE OPINIONS : สวัสดี ธันวาคม คุณเพิ่งแวะหานั่งคุยกับเราแค่ 10 วันนิดๆ เองนะทำไมรีบจัง…
ดูบอลกับเราไม่สนุกเหรอ มันไม่เร้าใจแล้วใช่ไหม ลุ้นแชมป์ด้วยกันมันไม่เกิดอารมณ์แล้วใช่ไหม เธอถึงได้เอาถ้วยพรีเมียร์ลีกไปโยนใส่เมือง แมนเชสเตอร์ แถมฉาบสีน้ำเงินทำลวดลายเรือสำเภาบิน เสร็จสรรพตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมแบบนี้
นั่นคงเป็นความรู้สึกของใครหลายคนหลังเสียงนกหวีดยาวสุดท้ายลั่นผ่านริมฝีปาก ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ สิ้นลง ณ โอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อคืน “Back To Back Derby Match” ที่ผ่านมา พร้อมด้วยชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้
ช่องว่างมหาศาลที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หนีคู่แข่งในแต่ละลำดับขั้น การเดินทางเพียง 16 เกม 11 คะแนน คือช่องห่างที่ใกล้ที่สุดระหว่างพวกเขา และอันดับที่ 2 อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด สถานการณ์ทุกอย่างมันวังเวงเหลือเกินสำหรับทีมตามที่เหลือราวได้บทสรุปไปแล้วในตำแหน่งยอดปิรามิด
ซิตี้ ของ เป๊ป ณ นาทีนี้มีคุณสมบัติสำคัญมากมายที่เหล่าทีมจะเป็นแชมป์พึงมี ทั้งฟอร์มการเล่นของตัวเองที่โดดเด่นไม่มีเพลี้ยงพล้ำง่ายต่อเกมที่ไม่น่าแพ้
หรือแม้บางเกมสถานการณ์จะไม่เป็นใจ แต่เหมือนฟ้าส่งให้เป็นผู้ชนะมักจะมีจังหวะเปลี่ยนชะตาชีวิตมาช่วยอยู่เสมอ ดังเช่นเกมกับ แมนฯยูไนเต็ด กับเหตุการณ์ที่ อันเดร เอเรร่า โดนซัดร่วงในกรอบเขตโทษ นาทีที่ 79 ทว่าไม่มีสัญญาณจุดโทษเกิดขึ้น
“ความรู้สึกแรกที่มีต่อเหตุการณ์นั้น ผมเสียใจกับเสียดาย ไมเคิ่ล (ผู้ตัดสิน) เขาทำผลงานได้ดีตลอดเกม แต่เสียดายที่มาพลาดครั้งสำคัญในช่วงท้าย แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดโทษอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เกมควรจะกลับมาเป็น 2-2” นั่นคือความเห็นของ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังพ่าย แมนฯ ซิตี้ ไปแบบคาใจ
บทสัมภาษณ์ของ มูรินโญ่ มีนัยหลายประการซ่อนอยู่ หากเรามองไปที่ผลการแข่งขัน แน่นอนจุดขายแรกเห็นของ ซิตี้ คือเกมรุก ช่วงต้นฤดูกาล เกมยิงกระจุยชนะขาด 5, 6 หรือ 7 ประตูไม่ใช่เรื่อง ขี้โม้พวกเขายิงกระจายตายไปข้าง ด้วยผู้เล่นเกมรุกชั้นดีที่หลายหลากมากสไตล์ทั้งกองหน้าตัวเก๋าอย่าง “กุน อเกวโร่” หรือจะเป็นตัวสดมากเทคนิคแพรวพราวตามแบบฉบับแซมบ้าเกรดเอ อย่าง กาเบรียล เชซุส ปีกนรก 2 ฟากสนาม “ซาเน่ – สเตอร์ลิ่ง” ผนึกกำลังกับสุดยอดเพลย์เมกเกอร์ และห้องเครื่องคนสำคัญอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่มาพร้อมกัปตัน ดาบิด ซิลบา เท่าที่ผ่านมาราว 40% ของฤดูกาล ยังไม่เจอเกมไหนที่เหล่ากลาง และหน้า แมนฯซิตี้ เล่นออกพร้อมกันเลยสักที
11 แต้มเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด 14 แต้มเหนือแชมป์เก่าเชลซี และ 16 แต้มเหนืออันดับที่ 4 ลิเวอร์พูล เป็นช่องว่างมหาศาลที่ตามกันยากเหลือเกินในฟุตบอลปัจจุบันที่ศาสตร์ความรู้มีเท่าทันกันแทบทุกประการ ทั้งการฟื้นฟูร่างกาย รูปแบบการเล่นแทคติก เทคนิคใน และนอกสนาม
ลองคิดดูว่าถ้าคุณ ไม่ว่าจะเป็นแฟนทีมไหนก็ตาม เอาโปรแกรมที่เหลือของ แมนฯ ซิตี้ มากาง ตอนนี้ แล้วลองนับแต้มห่างที่มีจากพวกเขา อาทิ คุณเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ห่าง 11 คะแนน เท่ากับว่า จากนี้ไป ซิตี้ ต้องแพ้ก่อนเลยอย่างน้อย 4 เกม โอกาสแซงเข้าป้ายได้แชมป์จึงจะเกิดขึ้น
หาเจอไหมว่าสี่ทีมที่พอจะเป็นไปได้มีทีมไหนบ้าง ถามใจตนดูอย่างแฟร์ๆ หากเจอไหมว่า 4 เกมที่น่าจะเป็นไปได้มันอยู่ที่ไหน จาก ท็อป 4 นะเหรอ
เริ่มจากตัวเอง แมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะดีขึ้นกว่าปีก่อนแต่ศักยภาพของผู้เล่น และการตอบสนองต่อแทคติกกุนซือยังไม่เข้าที่ และมาอย่างพร้อมเพรียงนัก ข้อดีคือเจอทีมเล็กมักทำผลงานได้ดีปิดเกมสบายเพราะรูปแบบการเล่นบวกตัวนักเตะเหนือกว่า ทว่าเวลาเจอเกมสูสีใกล้เคียงหลายหนที่นักเตะไม่นิ่งพอ โดยเฉพาะแนวรุกที่ชื่อชั้นน่ากลัว แต่พอจังหวะต้องได้ก็หายดื้อๆ จากเกม คงต้องรอว่าหากพระเจ้า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หายเต็มร้อย เกมพวกเขาจะกดดันคู่แข่งได้มากขนาดไหน
เชลซี แชมป์เก่ายังเป็นทีมมาตรฐานสูงลิบ พร้อมชนะทุกทีมที่มาไม่เต็มร้อย ด้วยการเก็บเกี่ยวความผิดพลาดไม่กี่ครั้งในสนามก็สามารถเปลี่ยนเป็นแต้มได้ทันที ทว่าหลักๆ เลย Squad (ขุมกำลัง) ของพวกเขาเล็กเกินไป ไม่สามารถรองรับได้กับโปรแกรมการแข่งขันที่เต็มมือทุกรูปแบบสามสี่ถ้วยต่อฤดูกาล ครั้งไหนที่ทีมเฟิร์ม เจอรถบัส เจอลูกหนักโหดก็ยุบไปจนชินตา
ลิเวอร์พูล ส่วนตัวผมยกให้พวกเขาเป็นเกมรุกที่น่ากลัวที่สุดในลีก ฟีร์มีโน่, คูตินโญ่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น่ากลัวทั้งการเล่นร่วมกัน เคลื่อนที่เป็นกลุ่ม หรือไปเดี่ยวๆ แต่ละคนล้วนแต่เก่งกาจเหนือคาดการณ์ ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ดูลุกลามจนเป็นคำถามว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะเอาอยู่หรือไม่
รอยร้าวเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเขา และซาดิโอ มาเน่ ในโจทย์ที่นักเตะไม่ลงสนามก่อนจะลงมาแล้วทำผลงานได้น่าปวดหัวเหลือกำลังในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน โดยเฉพาะจังหวะท้ายครึ่งแรกที่หลุดกันมา 4 คน แต่ มาเน่ เลือกการเล่นที่เห็นแก่ตัวที่สุดนั่นคือ ปล่อยเพื่อนที่เติมมารอทำประตูทิ้งไปเขาเลือกยิงในมุมที่แคบโดยมีประตูขวางหน้า และกองหลังไล่ชิด แทนการป้ายไปข้างๆ เบาๆ ง่ายสบายชนิดหลับตาให้ได้ ณ นาทีนั้น เขาเลือกโอกาสเพื่อตัวเอง และโยนโอกาสที่ทีมจะปิดเกมครึ่งแรกเพื่อขึ้นนำ 2-0 ทิ้ง ซ้ำร้ายความผิดพลาดครั้งนั้นย้อนมาทำร้ายทีม เมื่อบุกเท่าไหร่ก็ยิงไม่ได้ เดจาวู ดราม่ากองหลังพลาด กองกลางหายจากเกม
ความไม่สม่ำเสมอที่เปิดไปเกมไหนก็หาเจอได้ไม่ยากยังคงตามเล่นงาน “หงส์แดง” จนโอกาสลุ้นแชมป์ลีกของพวกเขาค่อยๆ ถอยห่างไกลเกินมือเอื้อม
พิจารณาแล้ว 3 ทีมที่ยกมายังมีระดับความลงตัวที่ห่างกับ แมนฯ ซิตี้ อีกก้าวใหญ่นี่เพิ่งเริ่ม ธันวาคม ฟอร์มยังแกว่งจากปัญหาขนาดทีม จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าบังเอิญ แมนฯ ซิตี้ เกิดพลาดให้จริง แพ้มันสัก 5-6 เกมจริงๆ เหล่าทีมรักของคุณจะกล้าชนะรวดจนทำแต้มแซงได้จริงหรอเผลอๆ โจทย์ที่แช่ง แมนฯ ซิตี้ สะดุดอาจจะง่ายกว่าลุ้นให้อื่นชนะรวดเสียอีก
อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนในฟุตบอลลีก หลักๆอีก 2-3 ด่านเริ่มจาก ธันวาคม เดือนที่ลงเล่นถี่ยิบท่ามกลางอากาศหนาวสั่น ทีมที่มีความห่างของศักยภาพผู้เล่นตัวจริง และสำรอง เช่นกันกับจำนวนผู้เล่นที่ต้องพร้อมลงเตะให้มากที่สุดชนิดสัปดาห์ละ 3 เกม หลายทีมหลุดโค้งช่วงนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าวที่โดนกระตุ้นด้วยปัจจัย “แบน – เจ็บ” ของผู้เล่น
อย่างที่สองที่น่าสนใจนั่นคือการเติมทีมในเดือนมกราคม ใครจะสร้างความลงตัวได้มากกว่ากัน ทั้งนี้ประเด็นหลักไม่พ้นเรื่องเงิน ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่เป็นรองใครในถ้วนหล้า แต่เพื่อความมันคงต้องลุ้นปนแช่งให้ ซิตี้ สะดุดบ้างแล้วภาวนาให้ทีมอื่นๆไล่หลังขึ้นบ้าง
“ อาจจะใช่ Manchester City คือทีมที่ยอดเยี่ยม และลงตัวมากในเวลานี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาได้รับการปกป้องจากเทพีแห่งโชค พระเจ้าลูกหนังอยู่เบื้องหลังพวกเขา”
นี่คือคำตอบของ มูรินโญ่ กับคำถามที่ว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกจบแล้วใช่ไหม…
มาถึงตรงนี้ คุณเชื่อไปแล้วหรือยังว่า
ฟอร์มเทพชนะ 14 เกมรวด
เมื่อรวมกับ 11 แต้ม ที่ทิ้งผู้ตาม ณ ตอนนี้
จะการันตีผลแชมป์ลีกสมัยที่ 5 ของ แมนฯซิตี้
ผม ยัง ไม่ อยาก เชื่อ…
“ต็อกตั้ม”
ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports