และแล้ว "บอส" ตัวจริงของพรีเมียร์ลีกก็กลับมาแล้วครับ เพราะในตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตีขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงที่ 49 คะแนน โดยมีแต้มเท่ากับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลแต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า และตามหลังจ่าฝูง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลเพียง 2 คะแนนแถมยังแข่งน้อยกว่า 1 เกม ซึ่งเป็นผลมาจากเกมลีกล่าสุดที่พวกเขาสามารถบุกไปแซงชนะ "ผึ้งน้อย" เบรนท์ฟอร์ด 1-3 ได้ถึงกรุงลอนอน โดยในเกมนี้เจ้าถิ่นขึ้นนำไปก่อนจากนีล โมเปย์ ก่อนที่จะเจอทีเด็ดจากฟิล โฟเดนที่ยิง 3 ประตูพาเรือใบกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุดและผมได้รวบรวมประเด็นหลังเกมนี้มาทั้งหมด 4 หัวข้อ ซึ่งจะมีหัวข้อในเรื่องใดบ้าง พูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง พูดถึงนักเตะคนได้บ้าง ไปดูกันเลยครับเบรนท์ฟอร์ดตัวแสบเรือใบก่อนเกมทางเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกได้ลงภาพผลการแข่งขันของคู่นี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2022/2023) โดยผลการแข่งขันทั้ง 2 นัดกลายเป็นว่าเบรนท์ฟอร์ดนั้นสร้างความแสบสันให้กับเรือใบสุดๆ เพราะพวกเขาเป็นทีมเดียวในฤดูกาลที่แล้วที่สามารถเอาชนะเรือใบทั้งไปแล้วกลับ โดยบุกไปชนะที่เอติฮัด สเตเดียม 1-2 พอกลับมาเล่นในบ้านตัวเองก็ชนะไป 1-0 ทำให้เกมนี้มีการคิดกันว่าผึ้งน้อยจะเป็นตัวแสบของเรือใบอีกหรือไม่และผลที่ออกมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งถึงแม้ว่าในเกมนี้แมนซิตี้จะล้างแค้นจากซีซันที่แล้วได้ แต่กว่าจะเอาชนะได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน เพราะในครึ่งแรกกว่าจะเจาะตาข่ายเบรนฟอร์ดได้ก็ต้องรอไปถึงนาทีสุดท้ายในการทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ซึ่งต้องใช้ความพยายามถึง 17 ครั้งในการยิงแต่เมื่อคุณยิงไม่ได้ก็ต้องโดนยิงกลับเป็นธรรมดา เพราะในขณะที่แมนซิตี้ใช้โอกาสในการยิงไป 8 ครั้งแล้วก็ยิงไม่ได้ แต่กับเบรนท์ฟอร์ดใช้โอกาสครั้งแรกในครึ่งแรกก็สามารถยิงได้เลย จากจังหวะที่มาร์ก เฟล็คเคนเปิดบอลขึ้นมาจากแดนตัวเองก่อนที่ไอแวน โทนีย์จะสกีนนาธาน อาเกและทำให้บอลตกไปถึงนีล โมเปย์จนหลุดเข้าไปยิงขึ้นนำได้ในท้ายที่สุดอย่างที่บอกครับว่าถึงแม้เกมนี้แมนซิตี้จะแซงกลับมาชนะได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเบรนท์ฟอร์ดนั้นคือตัวแสบ คือทีมที่ทำให้เหล่าทีมใหญ่เล่นยากมากๆ ขนาดที่เรือใบก็เกือบไม่รอดเช่นกัน รวมไปในเกมนี้ที่มาร์ก เฟล็คเคนโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด โดยจะเป็นเจ้าของหัวข้อในข้อต่อไปมาร์ก เฟล็คเคนโคตรเหนียวความจริงแล้วถ้าหากเบรนท์ฟอร์ดนั้นรอดพ้นความพ่ายแพ้ได้ ผมเชื่อว่าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ยังไงก็ต้องตกเป็นของ "มาร์ก เฟล็คเคน" แน่นอน 100% เพราะเกมนี้เหมือนกับว่าเฟล็คเคนคือคนแบกทีมอย่างชัดเจนมากๆ เพียงแค่ครึ่งเวลาแรกเขาก็ช่วยเซฟให้กับทีมไปแล้วถึง 9 ครั้ง มีทั้งที่เซฟง่ายๆ รวมไปถึงพุ่งเซฟแบบซูเปอร์เซฟอีกด้วย นักเตะแมนซิตี้ยิงยังไงก็โดนเฟล็คเคนเซฟ จบเกมเฟล็คเคนเซฟไปถึง 12 ครั้งแล้วความสามารถของเฟล็คเคนไม่ได้มีดีแค่เรื่องเซฟเท่านั้น เพราะเขานั้นยังมีดีในการใช้เท้ารวมไปถึงการเปิดบอลที่แม่นยำซึ่งในเกมนี้เขามีโอกาสผ่านบอลทั้งหมด 32 ครั้ง แม่นยำ 17 ครั้ง รวมไปถึงการเปิดบอลยาวจนกลายเป็นแอสซิสต์ในกับโมเปย์ยิงให้ทีมขึ้นไปก่อน และนี่คือสถิติหลังจบเกมนี้ของเฟล็คเคนครับ90 นาทีเซฟ 12 ครั้งแอสซิสต์ 1 ครั้งฮาแลนด์ยังเท้าบอดเกมนี้เป็นเกมที่ 2 ที่เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์นั้นกลับมาลงเล่นให้กับทีมหลังจากที่มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณเท้าไปด้วยร่วมเดือนกว่าๆ ซึ่งทำให้ฮาแลนด์นั้นต้องชวดในการลงสนามไปทั้งหมด 10 เกม (รวมชิงแชมป์สโมสรโลก) และพอกลับมาจากอาการบาดเจ็บ 2 เกมเขาก็ยังไม่สามารถกลับมาทำประตูได้แต่ก็ยังมี 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ในประตูที่ฟิล โฟเดนยิงแฮตทริก โดยในเกมนี้ฮาแลนด์นั้นเหมือนโดนจับตาย เพราะเขามีโอกาสยิงเพียง 3 ครั้งเท่านั้นซึ่งเป็นการยิงตรงกรอบ 1 ครั้งและอีก 2 ครั้งคือการยิงติดบล็อค ทำให้จนตอนนี้ฮาแลนด์ยิงไม่ได้ในเกมพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 4 เกมติดต่อกันแต่ถึงโดนปิดตายในการทำประตูยังไง เขาก็ยังสร้างประโยชน์ให้กับทีม เพราะในจังหวะที่เขาแอสซิสต์ให้โฟเดนนั้น ตัวเขาดึงกองหลังของเบรนท์ฟอร์ดที่ตามประกบเขาได้ถึง 2 คนทำให้โฟเดนมีพื้นที่ว่างหลังจากที่ฮาแลนด์ชิ่งบอลไปให้และหลุดเข้าไปยิงประตูในท้ายที่สุดมันแสดงให้เห็นว่าฮาแลนด์นั้นไม่ได้มีดีหรือมีหน้าที่แค่ยิงประตูเท่านั้น เขายังสามารถดึงตัวประกบ สร้างสรรค์เกม พักบอลได้อยู่ตลอด การมีฮาแลนด์นั้นสามารถขู่คู่แข่งได้ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในสนามและสุดท้ายเขาไม่ยิงก็แอสซิสต์อยู่ แถมไม่ต้องห่วงเลยว่าเขาจะเท้าบอดนาน ฟิต 100% เมื่อไหร่กลับมายิงระเบิดเหมือนเดิมแน่นอนแฮตทริกของโฟเดนเกมนี้แมนซิตี้ยิงในช่วงครึ่งแรกยังไงก็ไม่เข้า ยิงไปติดบล็อคบ้าง ยิงออกเองบ้างรวมไปถึงการเจอความเหนียวของมาร์ก เฟล็คเคนอีก แต่พอเข้าสู่นาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก เมื่อนาธาน พินนอคโหม่งสกัดพลาด ทำให้บอลตกมาเข้าทางฟิล โฟเดนก่อนที่เขาจะสังหารเข้าไปแบบเลือดเย็น ลูกนี้ต้องชมโฟเดนจริงๆ ที่นิ่งพอในการยิง เพราะถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นเบรนท์ฟอร์ดที่กรูเข้ามาทั้งข้างหน้าและข้างหลัง แต่เขาก็นิ่ง ไม่ลนลานในการยิงเลย แถมเลือกมุมยิงได้ชนิดที่เฟล็คเคนหมดสิทธิรับการยิงในช่วงเวลานาทีบาปแบบนี้ ทำให้ผลการแข่งขันออกมาแตกต่างแบบสิ้นเชิงได้เลย เพราะลองคิดภาพว่าถ้าจบครึ่งแรกด้วยการที่แมนซิตี้ยังตามหลังอยู่ ในครึ่งหลังพวกเขาจะต้องโหมบุกกระหน่ำแบบพายุแน่นอนซึ่งมันก็จะทำให้พื้นที่หลังบ้านของพวกเขาเปิดกว้างให้เบรนท์ฟอร์ดทำการโต้กลับ แต่พอยิงได้ปุ๊บ เรือใบก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโหมบุก ค่อยๆ นวดเขาไปเดี๋ยวก็ได้ และสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเห็นได้ชัดจากโอกาสยิงทั้งหมด 25 ครั้ง มีถึง 17 ครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรก พอในครึ่งหลังโอกาสยิงของแมนซิตี้ลดลงเหลือ 8 ครั้ง ลดลงมาครึ่งนึงเลย ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลาไม่มีความจำเป็นต้องโหมบุกหนักแล้วเพราะยิงได้ไปแล้วนี่ ที่เหลือเดี๋ยวก็ตามมาสุดท้ายแล้วก็ต้องชมฟิล โฟเดนด้วยที่จบสกอร์ได้ยอดเยี่ยมมากๆ จนกลายเป็นฮีโรของทีมในเกมนี้ เพราะถ้าเป็นดาวรุ่งในวัยเดียวกัน ผมว่าเผลอๆ อาจจะไม่ได้มีซักประตูเลยด้วยซ้ำ โฟเดนเหมือนเป็นคนที่มีพรสวรรค์และยิ่งมาอยู่ในมือของเป๊ปด้วยแล้วยิ่งเก่งขึ้นไปอีก เล่นได้นิ่งเกินวัยจริงๆ ทั้งๆ ที่อายุยังอยู่ที่ 23 ปีอยู่เลย อายุยังอยู่ในเกณฑ์ดาวรุ่งอยู่เลย ผลงานในเกมนี้ส่งให้เขาคว้ารางวัล MOTM ไปครองและนี่คือสถิติของโฟเดนหลังจบเกมครับสัมผัสบอล 98 ครั้งผ่านบอล 82 ครั้ง (แม่นยำ 95%)คีย์พาส 3 ครั้ง (มากที่สุดอันดับ 2 ของทีม)โอกาสยิง 6 ครั้ง3 ประตูสถิติหลังเกมที่น่าสนใจมาร์ก เฟล็คเคนกลายเป็นผู้รักษาประตูคนแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ ซึ่ง 2 จาก 4 ครั้งหลังสุดที่ผู้รักษาประตูแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้ก็เกิดจากคู่แข่งของแมนซิตี้เหมือนกัน เพราะผู้รักษาประตูคนล่าสุดที่แอสซิสต์ได้ก็คืออลิซอน เบ็คเกอร์ของลิเวอร์พูลที่แอสซิสต์ให้โม ซาลาห์ยิงใส่แมนซิตี้ในเดือนตุลาคม 2022นีล โมเปย์ยิงประตูให้กับเบรนท์ฟอร์ดในทุกรายการที่ลงเล่นให้เบรนท์ฟอร์ด 5 เกมหลังสุด (เกมละประตู) กลายเป็นสถิติการยิงประตูต่อเนื่องที่ยาวที่สุดของเจ้าตัวในการค้าแข้งที่อังกฤษฟิล โฟเดนมีส่วนร่วมกับประตูไปแล้ว 8 ประตูใน 6 เกมลีกหลังสุด (ยิง 4 แอสซิสต์ 4)แฮตทริกของโฟเดนในเกมนี้ ทำให้กลายเป็นแฮตทริกที่ 39 ของแมนเชสเตอร์ ซิตีแล้วในพรีเมียร์ลีก เป็นรองเพียงลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลที่มีนักเตะยิงแฮตทริกได้มากกว่าที่ 42 และ 41 ตามลำดับเบรนท์ฟอร์ดทำคะแนนหล่นหายไปแล้ว 26 คะแนนจากการขึ้นนำคู่แข่งได้ก่อนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ซึ่งมันมากกว่า 2 ฤดูกาลที่พวกเขาขึ้นมาเล่นบนพรีเมียร์ลีกก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก โดย 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ พวกเขาทำแต้มหายจากการขึ้นนำคู่แข่งไปได้ก่อนที่ 23 คะแนนแมนเชสเตอร์ ซิตีเป็นเพียงทีมที่ 2 ที่สามารถเก็บชัยชนะได้ 4 เกมในฐานะทีมเยือนที่โดนขึ้นนำไปก่อน พูดง่ายๆ ก็คือเวลาไปเล่นเกมเยือนและโดนขึ้นนำไปก่อน แมนซิตี้สามารถกลับมาชนะได้ 4 เกม ต่อจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคยทำได้ในช่วงเดือนกันยายนจนถึงธันวาคม 2020 (ที่รวมทั้งหมดแล้วจบที่ 6 เกม)เกมสุดสัปดาห์นี้ของพรีเมียร์ลีก (แมตช์เดย์ที่ 23) กลายเป็นเกมสุดสัปดาห์ที่มีการยิงประตูเยอะที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ที่ 45 ประตู โดยอันดับ 1 คือในฤดูกาล 1992/1993 ที่ยิงกันไป 53 ประตู ในแมตช์เดย์ที่ 42 และเป็นแมตช์เดย์ที่ยิงกันได้มากที่สุดในยุคที่มี 20 ทีมนับตั้งแต่ฤดูกาล 1995/1996บทความที่เกี่ยวข้องราชาคืนบัลลังก์!!! 3 สิ่งที่เรือใบได้กลับมาพร้อมเควิน เดอ บรอยน์KDB ตัวเดียวเสียวทั้งลีก!!! 5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้พลิกแซงนิวคาสเซิล5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้สอนบอลแมนยู ...Manchester is Blueแมนซิตี้กับสิ่งที่จะต้องเจอใน "พรีเมียร์ลีก 2023/2024"ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากWhoscoredTransfermarktOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ซิตี, เบรนท์ฟอร์ดและพรีเมียร์ลีกOfficial X ของ OptaJoe (@OptaJoe)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3 และภาพประกอบ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี