สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนได้มีประสบการณ์ในการมีส่วนร่วมในการทำวิจัยตอนเรียนมหาวิทยาลัย เป็นรายวิชาบังคับในชั้นปีสุดท้ายว่าจะทำวิจัยเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับผลของคาเฟอีนที่มีผลต่อการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเป็นประจำและไม่เป็นประจำ ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผู้เขียนได้รับจากการทำวิจัย ก็เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทความเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเพื่อนในกลุ่มเป็นนักเพาะกายเยอะมาก จึงอยากรู้ว่าทำไมนักเพาะกายถึงดื่มคาเฟอีน Credit pic : pexels การนำคาเฟอีนมาใช้ จะใช้ในปริมาณ 3-6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่คนที่มาทดสอบจะมีทั้งคนที่ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเป็นประจำ ไม่ได้ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเป็นประจำ ไปจนถึงนักเพาะกาย จะต้องไม่มีอาการแพ้คาเฟอีน หรือไวต่อคาเฟอีนเลย เพราะต้องดื่มกาแฟจริง ๆ ทั้งแบบมี Caffeine และ Decaffeine หรือสูตรไม่มีคาเฟอีนนั่นเอง เพื่อดูความแตกต่างของปริมาณการฝึกว่ามีผลต่อสมรรถภาพในการฝึกแบบเวทเทรนนิ่งอย่างไร ทำไมคนที่เล่นเพาะกายถึงนิยมใช้ในการช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการเล่น ผลที่ได้ 1. การออกฤทธิ์ใน 1 ชั่วโมงนั้น สูตรคาเฟอีนจะออกฤทธิ์ได้เต็มที่กว่าสูตรสกัดคาเฟอีนออกแล้ว จึงมีผลทั้งคนออกกำลังกายเป็นประจำและไม่เป็นประจำ 2. ในนักเพาะกาย คาเฟอีนทำให้ออกแรงเยอะขึ้น ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อให้ได้พร้อมทำงาน และใช้งานในยามซ้อมได้ดีขึ้น เนื่องด้วยนักเพาะกายจะต้องใช้กล้ามเนื้อเยอะกว่าคนปกติมาก อีกทั้งกำจัดความเหนื่อยล้า (Fatigue) ออกได้มากขึ้น เพราะดึงไขมันออกมาใช้ และสะสมไกลโคเจน (Glycogen) ในกล้ามเนื้อและตับเพิ่มขึ้นนั่นเอง Credit pic : pixabay คำตอบคือ...การดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน จะช่วยกระตุ้นการตอบสนองของระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้ดีกว่าแบบการดื่มกาแฟแบบสกัดเอาคาเฟอีนออก ซึ่งจะได้ผลในคนที่ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเป็นประจำ รวมทั้งนักเพาะกาย ก็ได้รับประโยชน์จากคาเฟอีน ดังนี้ ประโยชน์ของคาเฟอีนในนักเพาะกาย 1. ออกกำลังกายได้นานขึ้น คนที่เล่นเวทประจำและนักเพาะกาย จะมีผลพลอยได้คือจะมีความอึดมากขึ้น เพราะไปกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้ทำงาน ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น และสามารถปรับ 1RM (One-Repetition Maximum) ให้สูงขึ้นได้อีก เนื่องจากคาเฟอีนช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ดีขึ้น ดังนั้นเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์พวก Pre-Workout จะมีส่วนผสมของคาเฟอีนเข้ามาเพื่อสิ่งนี้ 2. ส่วนบนของร่างกายมีประสิทธิภาพดีกว่า ทั้งผลวิจัยที่เคยทำ และงานวิจัยจากต่างประเทศได้กล่าวไว้ว่า ปริมาณการฝึกของการออกแรงยกเวทเทรนนิ่ง จะมีผลต่อร่างกายส่วนบนมากกว่าส่วนล่าง เนื่องจากทั้งคนที่ออกกำลังกายประจำ ไม่ประจำ และนักเพาะกายจะออกแรงส่วนล่างมากขึ้น มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะออกแรงแตกต่างจากการออกแรงของร่างกายส่วนล่าง ที่มีผลน้อยและไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ นั่นแปลว่า การออกแรงจากส่วนบนมีปริมาณการฝึกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง 3. ลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ในการเล่นเวทเทรนนิ่งในนักเพาะกายจะมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อชัดเจน การดื่มคาเฟอีนช่วยลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อลง ทำให้ออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ เล่นได้นานขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ควรได้รับโดสในปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายแต่ละคน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พัก 4. เป็นปัจจัยในการเผาผลาญ นักเพาะกายส่วนมากจะ "ลีน" เนื่องจากต้องลดไขมันเพื่อให้กล้ามเห็นชัด จึงควรดื่มคาเฟอีนจะช่วยดึงไขมันออกมาใช้ และช่วยเผาผลาญได้ดีมากในการฝึกซ้อม หรือออกกำลังกาย ส่วนคาร์โบไฮเดรตจากกาแฟจะเป็นไกลโคเจน (Glycogen) เก็บไว้ในกล้ามเนื้อเพื่อเป็นพลังงานสำรองแทน 5. ไม่ผิดกฎของ WADA คาเฟอีนเคยเป็นสารต้องห้าม แต่ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และใช้ในปริมาณเหมาะสมเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขันในเพาะกาย ซึ่งไม่ผิดกฎของ World Anti-Doping Agency หรือองค์กรควบคุมสารต้องห้ามโลกบัญญัติไว้ Credit pic : pixabay เมื่อเห็นการเปรียบเทียบกาแฟทั้งสองสูตร ซึ่งสูตรมีคาเฟอีน ควรได้รับโดสน้อยประมาณ 3 มิลลิกรัม และโดสสูงประมาณ 6 มิลลิกรัมในนักเพาะกาย จะเห็นได้ว่าคนที่ดื่มกาแฟดำ หรือเครื่องดื่มที่มีกาแฟ เพื่อต้องการเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อให้ฝึกอย่างเต็มที่ ไม่สะดุดกลางคัน จึงเป็นเครื่องดื่มที่นักเพาะกายนิยมดื่มมากอีกชนิดหนึ่ง ถ้าทานแบบพอดีก็จะให้คุณแก่ร่างกายเช่นกัน...จริงไหม:) Credit pic ภาพปก : pixabay