
กติกาสนุกเกอร์ฉบับเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคทำคะแนน วิธีการเล่นสนุกเกอร์ที่ถูกต้อง

กีฬาสนุกเกอร์มีกติการการเล่นอย่างไรลูกสนุ๊กเกอร์ทำไมต้องมีหลายสี ใครที่กำลังเริ่มดูหรืออยากลองเล่นคงมีคำถามเหล่านี้กันบ้าง วิธีการเล่นสนุกเกอร์ที่ถูกต้องเพื่อให้มีคะแนนเหนือคู่แข่งนั้นทำกันอย่างไร กีฬาสนุกเกอร์เกิดขึ้นในประเทศไหน วันนี้ TrueID Sport จะมาเปิดโลกเรื่องของกีฬาสนุกเกอร์ให้คุณได้รู้กัน
shutterstock / UK SPORTS IMAGES LTD
กติกาสนุกเกอร์ฉบับเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคทำคะแนน
วิธีการเล่นสนุกเกอร์ที่ถูกต้อง
กีฬาสนุกเกอร์เกิดขึ้นในประเทศไหน
สนุกเกอร์มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียที่เมือง Jubbulpore (หรือ Jabalpur ตามที่เรียกกันในปัจจุบัน) ในปี ค.ศ. 1875 โดยนายทหารอังกฤษที่ประจำการอยู่ที่นั่น เป็นการสร้างเกมส์ใหม่โดยผสานจากเกมส์บิลเลียด ต่อมาได้รับการตัั้งชื่อเป็นสนุกเกอร์ โดยร้อยโทเนวิลล์ แชมเบอร์เลน ต่อมาในปี ค.ศ. 1901 สนุกเกอร์ เริ่มได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักร โดยมี จอห์น โรเบิร์ตส จูเนียร์ นักผลิตไม้คิวและนักบิลเลียดผู้เผยแพร่เกมนี้หลังจากเดินทางกลับจากอินเดีย
กีฬาสนุกเกอร์มีอุปการณ์อะไรบ้าง
อุปกรณ์สำคัญสำหรับกีฬาสนุกเกอร์
- โต๊ะสนุกเกอร์: โต๊ะมาตรฐานจะมีขนาดใหญ่ เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยทั่วไปยาวประมาณ 12 ฟุต และกว้าง 6 ฟุต ความสูงของโต๊ะจากพื้นถึงขอบบนของชิ่งจะอยู่ที่ 2 ฟุต 10 นิ้ว
ปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีเขียว และมีหลุมทั้งหมด 6 หลุม อยู่ที่มุมทั้งสี่ และตรงกลางด้านที่ยาวที่สุดอีกสองหลุม - ลูกสนุกเกอร์: หนึ่งชุดเต็มมีทั้งหมด 22 ลูก ประกอบด้วย
- ลูกคิว (สีขาว) 1 ลูก
- ลูกแดง 15 ลูก
- ลูกสี 6 ลูก (เหลือง, เขียว, น้ำตาล, น้ำเงิน, ชมพู, ดำ) แต่ละลูกมีค่าคะแนนต่างกัน
- ไม้คิว: ไม้คิวทำจากไม้หรือไฟเบอร์กลาส ใช้แทงลูกคิว ความยาวไม่น้อยกว่า 3 ฟุต หัวคิวส่วนใหญ่มักทำจากหนังและต้องฝนด้วยชอล์กเป็นประจำ
- ชอล์ก: ชอล์กเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ใช้ฝนหัวไม้คิวก่อนแทงแต่ละครั้ง เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างหัวไม้คิวกับลูกคิว ทำให้สามารถบังคับทิศทางและใส่ลูกไซด์ได้ดีขึ้น ป้องกันการแป้ก (การแทงไม่โดนลูกเป้า)
- สามเหลี่ยม: ใช้จัดเรียงลูกแดง 15 ลูกให้เป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างแน่นหนาที่จุดเริ่มต้นของเฟรม
- ระบบนับคะแนน: อาจเป็นป้ายบอกคะแนนแบบดั้งเดิม (ที่ติดอยู่บนผนัง) ที่มีตัวเลื่อนสำหรับคะแนนของแต่ละคน หรือใช้ลูกปัดนับคะแนนแบบง่ายๆ ก็ได้
อุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้การเล่นสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ไม้เรสต์: เป็นอุปกรณ์ด้ามยาวที่มีหัวรูปร่างต่างๆ (เช่น รูปกากบาท, แมงมุม) ใช้สำหรับรองไม้คิวในจังหวะที่ลูกคิวอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
- ด้ามต่อไม้คิว (Extension): ใช้ต่อเข้ากับปลายไม้คิวเพื่อเพิ่มความยาว ช่วยให้เข้าถึงลูกที่อยู่ไกลได้
- อุปกรณ์ดูแลหัวคิว: ผู้เล่นมักพกเครื่องมือเล็กๆ เช่น ที่แต่งทรงหัวคิวและกระดาษทราย เพื่อรักษารูปร่างและผิวสัมผัสของหัวคิวให้พร้อมใช้งาน
- กล่องใส่ไม้คิว: ใช้เก็บรักษาไม้คิวส่วนตัวจากความเสียหายระหว่างการเก็บหรือเดินทาง
- แปรงและเตารีดสำหรับโต๊ะ: สำหรับสโมสรหรือผู้เล่นจริงจัง จะใช้แปรงปัดฝุ่นชอล์กและเศษเล็กๆ ออกจากผ้าสักหลาด และใช้เตารีดรีดผ้าให้เรียบเพื่อให้ลูกกลิ้งได้สม่ำเสมอ
คะแนนลูกสนุกเกอร์แต่ละสี
ลูกสนุกเกอร์มีทั้งหมด 22 ลูก ประกอบด้วยลูกคิวสีขาว 1 ลูก, ลูกสีแดง 15 ลูก และลูกสีอีก 6 ลูก มีคะแนนแต่ต่างกันออกไปดังนี้
- ลูกสีแดง : ลูกละ 1 คะแนน
- ลูกสีเหลือง: 2 คะแนน
- ลูกสีเขียว: 3 คะแนน
- ลูกสีน้ำตาล: 4 คะแนน
- ลูกสีน้ำเงิน: 5 คะแนน
- ลูกสีชมพู: 6 คะแนน
- ลูกสีดำ: 7 คะแนน
วิธีการเล่นสนุกเกอร์
การแข่งขันสนุกเกอร์หนึ่งเกมเรียกว่า "เฟรม" ส่วนผู้ชนะจะตัดสินจากจำนวนเฟรมที่ชนะได้ตามที่กำหนดไว้
เริ่มต้นเฟรม (Breaking Off): เฟรมเริ่มต้นด้วยการวางลูกคิวในพื้นที่รูปตัว "D" ซึ่งเป็นครึ่งวงกลมที่ปลายโต๊ะ จากนั้นผู้เล่นคนแรกจะเริ่มต้นแทงให้ลูกคิวไปกระทบลูกสีแดงลูกใดลูกหนึ่ง
การแทงสลับแดง-สี: เมื่อถึงตาเล่น ผู้เล่นจะต้องแทงลูกสีแดงให้ลงหลุมก่อน หากสำเร็จ จะสามารถแทงลูกสีใดก็ได้จากลูกสีทั้ง 6 ลูกได้อีกครั้ง ลูกสีแดงที่ถูกแทงลงหลุมแล้วจะไม่อยู่ในเกม แต่ลูกสีจะถูกนำกลับมาวางที่เดิมทันที ขั้นตอนนี้จะดำเนินไปจนกว่าลูกแดงทั้งหมดบนโต๊ะจะหมดลง
การเก็บลูกสี: หลังจากลูกแดงถูกแทงลงหลุมหมดแล้ว ผู้เล่นจะต้องแทงลูกสีที่เหลือตามลำดับจากแต้มน้อยไปมาก ได้แก่ เหลือง, เขียว, น้ำตาล, น้ำเงิน, ชมพู และลูกดำเป็นลูกสุดท้าย ในขั้นตอนนี้นั้น ลูกสีที่ถูกแทงลงหลุมแล้วจะไม่นำกลับมาวางบนโต๊ะอีก
การชนะเฟรม: เฟรมจะสิ้นสุดลงเมื่อลูกสนุกเกอร์ทั้งหมดถูกแทงลงหลุม หรือเมื่อผู้เล่นคนหนึ่งตัดสินใจยอมแพ้ เนื่องจากคะแนนตามหลังคู่ต่อสู้มากเกินกว่าจะไล่ทันได้ ผู้เล่นที่มีคะแนนสูงสุด ณ สิ้นสุดเฟรมจะเป็นผู้ชนะ
การทำฟาวล์และบทลงโทษ
การเล่นของอีกฝ่ายจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้เล่นแทงพลาดหรือทำฟาวล์ การทำฟาวล์จะทำให้คู่แข่งได้คะแนนโทษไป โดยคะแนนโทษขั้นต่ำคือ 4 คะแนน แต่สามารถเพิ่มขึ้นได้ตามลูกที่เกี่ยวข้องกับการทำฟาวล์
การทำฟาวล์ที่พบบ่อย ได้แก่
- ทำให้ลูกคิว (ลูกสีขาว) ตกลงไปในหลุม
- แทงผิดเป้าหมาย หรือไม่โดนลูกเป้าหมายที่ถูกต้องตามลำดับ
- แทงลูกคิวไปโดนลูกที่ผิด (นอกเหนือจากลูกเป้าหมาย) ก่อนเป็นลูกแรก
- ทำให้ลูกที่ผิด (ไม่ใช่ลูกเป้าหมาย) ตกลงหลุม
- สัมผัสลูกบนโต๊ะด้วยมือ เสื้อผ้า หรือส่วนอื่นใดของไม้คิวนอกจากปลายไม้
- เล่นลูกแบบ "push shot" คือการที่ปลายไม้คิวยังคงสัมผัสกับลูกคิวในขณะที่ลูกคิวเข้ากระทบลูกเป้าหมาย
คำศัพท์สำคัญ
- เบรก (Break): จำนวนคะแนนที่ผู้เล่นทำได้อย่างต่อเนื่องในตาเดียว
- สนุก (Snookered): ผู้เล่นอยู่ในสถานะ "สนุก" เมื่อลูกคิวถูกกีดขวางโดยลูกอื่น ทำให้ไม่สามารถแทงโดนลูกที่ "ถูกต้อง" ได้โดยตรง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเล่นปกติหรือการทำฟาวล์
- ฟรีบอล (Free Ball): หากมีการทำฟาวล์จนทำให้ผู้เล่นอีกคนอยู่ในสถานะ "สนุ้ก" ผู้เล่นคนนั้นจะได้ "ฟรีบอล" ซึ่งหมายถึงเขาสามารถเลือกแทงลูกใดก็ได้เสมือนเป็นลูกที่ "ถูกต้อง" ที่จะต้องแทง