8 มิถุนายน...วันที่แฟนลูกหนังพรีเมียร์ลีกเฝ้ารอคอย
หลังจากนั่งเหงากันมานานนับเดือน ล่าสุดเริ่มมีวี่แววแล้วว่าศึกพรีเมียร์ลีกอาจจะรีเทิร์นกลับมาฟาดแข้งได้อีกครั้งในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้
เกมมันเดย์ไนท์ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านขยี้ แอสตัน วิลล่า 4-0 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม คือฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแมทช์สุดท้ายที่ลงสนามฟาดแข้ง ก่อนที่แขกผู้ไม่ได้รับเชิญนามว่า “โควิด-19” จะมาเยือน จนต้องระงับการแข่งขันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ถึงตรงนี้เป็นเวลาประมาณ “เดือนครึ่ง” แล้วที่คอบอลอังกฤษต้องอดอยากปากแห้ง ไร้ซึ่งเกมลูกหนังให้ติดตาม และระหว่างนี้มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถการันตีให้คำตอบได้เลย
จะแข่งต่อได้มั้ย จะกลับมาเตะเมื่อไร จะตัดจบไปเลยหรือเปล่า และถ้าตัดจบ ผลที่ผ่านมาจะเป็นโมฆะหรือไม่
หรือจะยกแชมป์ให้ลิเวอร์พูลไปเลย แล้วโควต้ายุโรป-ทีมตกชั้นล่ะ และอีกสารพัดคำถาม
จากมุมมองของผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ ทั้งแฟนบอล นักเตะ สโมสร ต่างต้องการให้พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งขันต่อให้จบ ซึ่งล่าสุดก็ “มีความเป็นไปได้สูง” ที่ลีกลูกหนังเมืองผู้ดีจะกลับมาโม่แข้งกันอีกครั้ง
รายงานข่าวจากสื่อที่ค่อนข้างเชื่อถือได้อย่าง บีบีซี ระบุว่า “วันที่ 8 มิถุนายน” คือวันที่พรีเมียร์ลีกตั้งธงคัมแบ็กกลับมาลงสนามอีกครั้ง และทางรัฐบาลอังกฤษก็พร้อมสนับสนุนโปรเจคต์ “รีสตาร์ท” ของพรีเมียร์ลีกครั้งนี้
"ผมได้พูดคุยส่วนตัวกับทางพรีเมียร์ลีก เพื่อให้ฟุตบอลกลับมาแข่งขันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการสนับสนุนวงการฟุตบอลทั้งหมด” โอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอล, วัฒนธรรม, สื่อและการกีฬา กล่าว
จากท่าทีของรัฐบาล สอดคล้องกับการความเคลื่อนไหวของหลายสโมสร เช่น อาร์เซนอล ไบรท์ตัน เวสต์แฮม ซึ่งได้เริ่มเรียกนักเตะกลับมาฝึกซ้อมแล้ว แต่ยังเป็นการซ้อมแบบแยกกลุ่มย่อยๆ ตามแนวทางรักษาระยะห่างทางสังคม และถ้าหากรัฐบาลเปิดไฟเขียว การซ้อมเต็มรูปแบบก็น่าจะเกิดขึ้นได้ช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องหารือถึงมาตรการและแนวทางปฏิบัติต่างๆ หากต้องการให้พรีเมียร์ลีกกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง โดยมาตรการแรกที่ค่อนข้างแน่นอนคือ ต้องแข่งขันแบบสนามปิด และจำกัดจำนวนผู้ที่ได้สิทธิเข้าสนาม โดยคาดการเบื้องต้นว่าน่าจะมีคนเข้าสนามรวมแล้วประมาณ 300 คนในแต่ละนัด ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล สตาฟฟ์โค้ช ผู้ตัดสิน สื่อมวลชน ทีมถ่ายทอดสด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน และอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีข้อปฏิบัติอีกหลายอย่างที่ต้องกำหนดออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้พรีเมียร์ลีกสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปลอดภัย เพราะถ้าหากเกิดการระบาดซ้ำ โดยมี “สนามฟุตบอล” เป็นจุดแพร่เชื้อขึ้นมา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะกลายเป็นจำเลยสังคมทันที และอาจตามมาด้วยการถูกตัดจบฤดูกาลไปเลยก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน พรีเมียร์ลีกอาจมีเวลาได้ศึกษา "บุนเดสลีกา" เป็นตัวอย่าง เพราะลีกลูกหนังเมืองเบียร์ประกาศว่า พวกเขาพร้อมกลับมาลงสนามแล้ว ขอเพียงรัฐบาลเปิดไฟเขียวอนุมัติเท่านั้น ซึ่งถ้าบุนเดสลีกาสามารถกลับมาเตะได้ก่อน นี่อาจจะเป็นโมเดลตัวอย่างให้ลีกอื่นๆปฏิบัติตาม หากว่าแนวทางของพวกเขานั้นได้ผล
หลังจากนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พรีเมียร์ลีกและรัฐบาลอังกฤษจะกำหนดมาตรการและวันแข่งขันที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการออกมาได้เมื่อไร
แต่ตอนนี้ กาปฏิทินกันไว้เป็นกำลังใจให้กับตัวเองก่อนเลยว่า "8 มิถุนายน" คือวันที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก(อาจจะ)กลับมาลงสนามเตะกันได้อีกครั้ง...สาธุ