ฟุตบอลทีมชาติไทย ลงสนามทำศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก กลุ่มซี นัดสุดท้าย ทำได้เพียงชนะทีมชาติสิงคโปร์ 3-1 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน ช้างศึกจบเส้นทางคัดบอลโลกเพียงรอบนี้ อันที่จริงชัยชนะต่อทัพลอดช่อง 3-1 ไม่ได้แย่อะไรเพราะเรายิงได้ประมาณนี้ตามมาตรฐานที่เจอกัน เราชนะสิงคโปร์เกิน 3 ประตูต้องย้อนถึงคิงส์คัพปี 45 รุ่นชิโก้นู่นเลย! และทีมชาติไทยภายใต้การนำของ “มาซาทาดะ อิชิอิ” ก็ทำได้ตามเป้าคือชนะสิงคโปร์เหย้า-เยือน มีแต้มจากการเยือนจีน แถมยังมี 1 คะแนนโบนัสที่ทำให้เรายังมีลุ้นถึงนัดนี้คือการเสมอเกาหลีใต้ถึงกรุงโซล 1-1 นั่นหมายความว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของอิชิอิ แล้วอะไรล่ะคือต้นเหตุทำบอลไทย จบเส้นทางคัดฟุตบอลโลก 2026สิ่งแรกเลยคือการประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ฟุตบอลไทยแพ้จีน 1-2 คาราชมังคลาฯ ภายใต้การนำของมาโน่ โพลกิ้ง นั่นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่จะตำหนิมาโน่แต่เพียงลำพังก็ไม่ถูก เพราะก่อนหน้านั้น 1 เดือน ทีมชาติไทยมีโอกาสอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์กับจอร์เจีย และเอสโตเนีย แต่มาโน่กลับไม่ได้นักเตะดีที่สุดตามที่เค้าต้องการ เป็นเพียงชุด B เท่านั้น ซึ่งมันเป็นคนละทีมกับเกมแพ้จีน นั่นกลายเป็นสาเหตุหลักของการตกรอบในครั้งนี้เพราะเฮดทูเฮดเราแพ้ หรือมีแต้มในวันนั้นก็เพียงพอต่อการเข้ารอบอย่างสบายแล้ว หากมีการเตรียมทีมดีกว่านี้เชื่อว่าไม่น่าถึงขั้นแพ้ เพราะปัญหาที่มาโน่เจอต้องมาแก้กันหน้างาน ทั้งที่ควรเห็นตั้งแต่ตอนอุ่นเครื่อง เมื่อซ้อมด้วยกันน้อยความเข้าใจเกมมันก็น้อยตาม ซึ่งต่างจากอิชิอิมีทั้งเกมอุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น และเอเชียนคัพทั้งทัวร์นาเมนต์ให้เตรียมทีมเหตุผลต่อมาคือความเด็ดขาดในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งโค้ช มาซาทาดะ อิชิอิ มีโอกาสเข้ามารับงานตั้งแต่หลังจบคิงส์คัพ แต่เรากลับเอาแมตช์ที่สำคัญยิ่งคือการประเดิมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก เป็นตัววัดผลงานของมาโน่ โพลกิ้ง แถมยังลากยาวไปอีกแมตช์กับสิงคโปร์ซึ่งย้อนกลับไปวันนั้นเราก็มีโอกาสยิ่งเพิ่มตุนประตูได้อีกหลายลูก แต่ทีมเหมือนขาดแพชชั่น ตัวมาโน่เองก็รู้ชะตาตัวเองล่วงหน้าไร้ความกระหาย มีโอกาสได้เพิ่มไม่เน้น เหมือนทุกคนคิดว่าการแพ้จีนนัดแรกในบ้านโอกาสยากแล้ว (ซึ่งจริง ๆ มันก็ยาก) ขาดคนปลุกกระตุ้นเช่นอิชิอิให้ฮึดสู้ ต่างจากเกาหลีใต้ถ้ามีโอกาสยิง 7-0 เค้าก็ทำ ทุกประตูมีความสำคัญ แค่อีกเพียงประตูเดียวเท่านั้นเราจะอยู่ในสถานการณ์ก่อนเริ่มเกมสุดท้ายที่ดีกว่านี้ ภาพเก่า ๆ ยิงทิ้งยิงขว้างไม่เน้นลอยมาเต็มหัวไปหมดข้อสุดท้าย AFC ให้สิทธิ์เจ้าบ้านจัดเวลาแข่งขันตามเห็นสมควร แต่เราดันเลือกแข่งขันช้ากว่าคู่เกาหลีใต้ถึง 1.30 นาที ทั้งที่เวลา 18.00 น. พร้อมกับคู่เกาหลีใต้ - จีน ก็ค่อนข้างเหมาะสม โดยวิสัยเกมสุดท้ายควรเตะพร้อมกัน อาจประเมินสถานการณ์ว่ากว่าจะถึงนัด 6 เราคงเข้ารอบไปแล้ว ให้คนมาดูแบบสบายไม่รีบร้อนเต็มสนามดีกว่า พอคู่แรกรู้ผลก่อนเป็นการโยนความกดดันมาใส่เราทันทีว่าต้องแบกภาระยิงอีกถึง 3 ประตู หากเตะพร้อมกันยิงสิงคโปร์ได้ก่อน (ซึ่งมีโอกาสมากกว่าจีนยิงเกาหลีใต้) เราจะเป็นฝ่ายโยนความกดดันไปสู่จีนว่าคู่ของเรายิงแล้ว ทำให้เค้าต้องเสี่ยงเปิดเกมรุกใส่เกาหลีใต้ แต่เมื่อมีโอกาสแข่งขันจบก่อนเค้าก็เลือกเล่นตามเกมคือแพ็กรับแน่นแพ้น้อยที่สุดคือ 0-1 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย นั่งลุ้นให้ไทยเปิดแลกหลังรั่วเพื่อยิง 3 ลูก ซี่งมันก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ เพราะเกมรับเราใช่ว่าดีแต่ไหนแต่ไร ยิ่งดันสูงยิ่งมีช่องให้เจาะ หากได้แข่งขันพร้อมกันเราจะเล่นในแบบฉบับของตัวเองง่ายขึ้นเยอะจากปัจจัยหลายอย่าง นั่นคือทีมชาติไทยไม่ใช่ทำดีที่สุดแล้ว “แต่มันยังดีกว่านี้ได้” และเราสามารถเป็นฝ่ายจัดการควบคุมได้ จะโทษเกาหลีใต้ที่ยิงน้อยก็ไม่ได้เพราะใครจะเข้ารอบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าจะโทษอิชิอิคือเค้าก็ทำได้เกินเป้าคือมีแต้มเยือนเกาหลี เยือนจีน ชนะสิงคโปร์ในบ้านด้วยสกอร์ท่วมท้น เราต้องการอะไรจากเค้าอีกทุกสิ่งทุกอย่างหวนกลับไปคิดถึงเกมที่ราชมังคลาฯ นัดเปิดสนามกับจีน ก่อนหน้าเกมนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างคงเก็บไว้เป็นเพียงบทเรียนที่เราเคยได้รับมาหลายครั้งจนชินชา เดี๋ยวไปได้แชมป์ซีเกมส์ แชมป์อาเซียนก็ลืมกัน มีโครงการไปฟุตบอลโลก ตกรอบ วนเวียนเป็นวัฏจักรไม่จบสิ้น ..#ฟุตบอลโลก #บอลโลก #คัดบอลโลก #FIFAWorldCup #ช้างศึก #ทีมชาติไทย #Changsuek #เชียร์สุดใจไทยแลนด์ #บอลไทย #ฟุตบอลไทย ภาพประกอบโดย ภาพปก Football Association of Singapore (สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์) : พื้นหลัง , ภาพที่ 1 , FA Thailand (สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย) : มาซาทาดะ อิชิอิ , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4