🔴 ประกาศอย่างเป็นทางการจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 มกราคมปี 2024 ที่ผ่านมาสำหรับคนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO หรือประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของสโมสรนั่นก็คือโอมาร์ เบอร์ราดา ที่ย้ายมาจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลกกันเลยทีเดียวเพราะเป็นการย้ายข้ามฟากในเมืองแมนเชสเตอร์จากสีฟ้ามาสีแดง.🔴 นำมาสู่คำถามที่ว่าโอมาร์ เบอร์ราดา เป็นใคร, เคยมีผลงานอะไรมาบ้างและทำไมแมนฯยูไนเต็ดถึงเลือกให้เขามาเป็นผู้นำในการบริหารสโมสรในช่วงเวลาที่ระส่ำระสายมาอย่างยาวนานเพื่อนำพาสโมสรกลับไปสู่จุดสูงสุดของอังกฤษและทวีปยุโรปอีกครั้งบทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักชายคนที่เป็นส่วนหนึ่งในการพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดมาแล้วและวิเคราะห์ว่าเขาจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรแมนฯยูไนเต็ดได้หรือไม่.🏙️ จุดเริ่มต้นเล็กๆในเมืองบาร์เซโลนา🟣 เบอร์ราดาเกิดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นชาวโมร็อกโกแต่ครอบครัวได้พาเขาย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ยังเด็กและได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกาแต่เข้าเรียนได้ไม่นานเบอร์ราดาก็ได้ตัดสินใจดรอปเรียนและเลือกที่จะย้ายกลับมายังยุโรปอีกครั้งโดยที่เขาได้เลือกย้ายมายังเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปนด้วยเหตุผลที่เขานั้นชื่นชอบสโมสรบาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีก้า สเปนเป็นอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก. เบอร์ราดาได้เลือกเข้าเรียนที่สถาบัน EU Business School สาขาเมืองบาร์เซโลนาซึ่งเป็นโรงเรียนธุรกิจเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งและเรียนจบในสาขาบริหารธุรกิจได้ในที่สุด.🟣 ในช่วงแรกนั้นเบอร์ราดายังไม่ได้ทำงานในวงการฟุตบอลแต่อย่างใดจนกระทั่งช่วงที่เขากำลังทำงานในบริษัทโทรคมนาคม Tiscali ในเมืองบาร์เซโลนาแล้วพอดีกับทางสโมสรบาร์เซโลนาได้ว่าจ้างประธานกรรมการบริหารหรือ CEO ของบริษัท Tiscali ที่เขาทำงานอยู่ไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่การตลาดของสโมสรซึ่ง CEO ของ Tiscali ก็ได้เลือกเอาเบอร์ราดาไปทำงานกับเขาที่สโมสรบาร์เซโลนาด้วย.🟣 เบอร์ราดาทำงานอยู่ที่ถิ่นคัมป์ นู บาร์เซโลนาถึงปี 2011 ซึ่งช่วงระยะเวลาที่เขาทำงานอยู่นั้นก็ตรงกับช่วงยุคทองของบาร์เซโลนาภายใต้ยอดกุนซืออย่างเป๊ป กวาดิโอลาที่สามารถพาเจ้าบุญทุ่มคว้าแชมป์ยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ 2 สมัยในฤดูกาล 2008-2009, 2010-2011 และแชมป์ลีกลาลีกาสเปน 3 สมัยติดในฤดูกาล 2008-2009, 2009-2010, 2010-2011 แต่ขณะนั้นเบอร์ราดาเองก็ยังไม่ได้ทำงานร่วมกับเป๊ป กวาดิโอลาและบอร์ดบริหารของบาร์เซโลนาอย่างเฟอร์รัน โซเรียโน่และซิกิ เบกิริสไตน์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างยุคทองของบาร์เซโลนาขึ้นมาโดยตรงโดยทั้งเฟอร์รัน โซเรียโน่และซิกิ เบกิริสไตน์นั้นก็จะกลายมาเป็นคนสำคัญที่พาแมนฯซิตี้เข้าสู่ยุคทองในอนาคต. จนกระทั่งที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เบอร์ราดาถึงได้มีบทบาทมากขึ้นและได้ทำงานร่วมกับเป๊ป กวาดิโอลา, เฟอร์รัน โซเรียโน่และซิกิ เบกิริสไตน์ในที่สุด.🏙️ มีส่วนร่วมในยุคทองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้🔵 เบอร์ราดาย้ายมาทำงานที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2011 โดยเริ่มจากทำงานในฝ่ายการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศของสโมสรซึ่งเขาได้มีส่วนช่วยในการจัดการทัวร์ปรีซีซั่นในช่วงซัมเมอร์ของสโมสรและคอยจัดการเรื่องความร่วมมือระดับภูมิภาค. ต่อมาเขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายหุ้นส่วนที่ซึ่งเบอร์ราดาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเฟอร์รัน โซเรียโน่ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารหรือ CEO ของแมนฯซิตี้จนเขากลายมาเป็นมือขวาของโซเรียโน่ได้ในที่สุด.🔵 เบอร์ราดามีส่วนร่วมในการจัดการเรื่องต่างๆของสโมสรมากขึ้นจนในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับซิกิ เบกิริสไตน์ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกีฬาหรือ sporting director ของแมนฯซิตี้ในช่วงจังหวะนี้เองที่เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยสรรหาผู้เล่นมาเข้าร่วมทีมโดยมีรายงานว่าเบอร์ราดามีส่วนสำคัญในการเซ็นสัญญาแอมริก ลาปอร์ตมาจากสโมสรแอธเลติก บิลเบาในปี 2018 รวมไปถึงการเซ็นสัญญานักเตะคนอื่นๆ. โซเรียโน่และเบกิริสไตน์ต่างก็เคยทำงานให้กับบาร์เซโลนาในช่วงยุคทองตอนที่เป๊ป กวาดิโอลาคุมทีมมาก่อนและเมื่อเป๊ป กวาดิโอลาย้ายมาคุมแมนฯซิตี้ทั้งคู่ก็ได้ย้ายตามกันมา.🔵 ดังนั้นการที่เบอร์ราดาได้ทำงานร่วมกับทั้งเป๊ป กวาดิโอลา, โซเรียโน่และเบกิริสไตน์ที่แมนฯซิตี้เขาก็คงได้รับประสบการณ์ที่ดีต่างๆมากมายทีเดียวซึ่งทำให้เบอร์ราดานั้นเป็นผู้บริหารที่มีมีประสบการณ์ทั้ง 2 ด้านที่สำคัญในการบริหารสโมสรฟุตบอลทั้งในด้านของการค้า/การหาเงินเข้าสโมสรและในด้านของฟุตบอล.🔵 หลังจากนั้นในที่สุดเมื่อปี 2020 เบอร์ราดาก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายปฏิบัติการด้านฟุตบอลของซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ปที่คอยดูแลสโมสรทั้งหมดในเครือของซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ปจำนวนกว่า 11 สโมสรใน 5 ทวีปรวมไปถึงสโมสรแมนฯซิตี้ที่ซึ่งเขาก็มีส่วนสำคัญในการเซ็นสัญญากับเออร์ลิง ฮาแลนด์และนักเตะคนอื่นๆที่สุดท้ายแล้วนำมาสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรนั่นก็คือการคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ในฤดูกาล 2022-2023 ที่ผ่านมานั่นเอง.🏙️ ภารกิจพลิกชะตาพาแมนฯยูไนเต็ดสู่จุดสูงสุดของยุโรปอีกครั้ง🔴 บรรดาสื่อต่างๆต่างก็คาดการณ์ว่าเบอร์ราดาจะขึ้นมามีอำนาจและทำหน้าที่แทนโซเรียโน่และเบกิริสไตน์และเป็นผู้บริหารคนสำคัญของแมนฯซิตี้ในอนาคตแต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำเอาช็อคกันทั้งโลกเลยทีเดียวเมื่อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้ทำการเซ็นสัญญาแต่งตั้งเบอร์ราดาเป็นประธานกรรมการบริหารคนใหม่เรียบร้อยแล้วรอแค่กำหนดวันเริ่มงานเท่านั้น.🔴 ในประกาศอย่างเป็นทางการจากสโมสรก็มีประโยคหนึ่งที่แสดงถึงความทะเยอทะยานและเป้าหมายของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการแต่งตั้งเบอร์ราดาเป็นประธานกรรมการบริหารในครั้งนี้นั่นก็คือ“มันเป็นความทะเยอทะยานของสโมสรที่จะกลับมาเป็นสโมสรที่ต่อสู้เพื่อคว้าถ้วยรางวัลอีกครั้งทางสโมสรยินดีอย่างยิ่งที่โอมาร์ เบอร์ราดาจะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรในการช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้นเพื่อที่จะนำพาสโมสรไปยังจุดสูงสุดของเกาะอังกฤษ, ทวีปยุโรปและโลกแห่งฟุตบอลอีกครั้ง”.🔴 เบอร์ราดานั้นมีประสบการณ์ทั้ง 2 ด้านที่สำคัญในการบริหารสโมสรฟุตบอลทั้งในด้านของการค้า/การหาเงินเข้าสโมสรและในด้านของฟุตบอลดังนั้นการแต่งตั้งเขาในครั้งนี้ก็เหมือนสโมสรแมนฯยูไนเต็ดยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวและการบริหารจัดการสโมสรคงจะดีขึ้นกว่าในอดีตไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน.🔴 ถ้าใครได้ตามข่าวฟุตบอลบ่อยๆโดยเฉพาะเหล่าสาวกปีศาจแดงนั้นต่างก็พบว่าสโมสรแมนฯยูไนเต็ดก็ได้พยายามที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในด้านของฟุตบอลด้วยการคว้าถ้วยรางวัลมาโดยตลอดทั้งการลองจ้างโค้ชชื่อดังที่คิดว่าเหมาะสมแต่เมื่อทำทีมไม่ดีก็ปลดออก, ทั้งการทุ่มซื้อนักเตะราคาแพงฝีเท้าดีมากมายแต่หลายๆคนก็กลับปรับตัวไม่ได้และการปรับตำแหน่งในองค์กรอยู่เรื่อยๆแต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของสโมสรได้ซักทีดังนั้นการตัดสินใจแต่งตั้งโอมาร์ เบอร์ราดาในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่แต่ก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยซึ่งก็ต้องให้เวลาเบอร์ราดาในการทำงานแล้วสุดท้ายนั้นเวลาจะให้คำตอบเองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรพวกเขาจะกลับไปคว้าถ้วยรางวัลได้มากมายอย่างที่พวกเขาฝันเอาไว้หรือไม่หรือสุดท้ายแล้วฝันครั้งนี้จะเป็นฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สโมสรประสบพบเจอมาในช่วงเวลานับสิบปีที่ผ่านมาอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราก็จะได้รู้คำตอบกัน.เครดิตภาพรูปปก: รูปประกอบที่ 1 Photo by Nat Callaghan on Unsplash, รูปประกอบที่ 2 จาก FC Barcelona twitter official, รูปประกอบที่ 3 จาก Manchester City facebook official, รูปประกอบที่ 4 Photo by Dan Parker on Unsplash, รูปประกอบที่ 5 Photo by Javid Naderi on Unsplash.ภาพประกอบ: ภาพประกอบที่ 1 Photo by Nat Callaghan on Unsplash, ภาพประกอบที่ 2 จาก FC Barcelona twitter official, ภาพประกอบที่ 3 จาก Manchester City facebook official, ภาพประกอบที่ 4 Photo by Dan Parker on Unsplash. ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !