รีเซต
วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชาย ร้อนขนาดไหนก็มั่นใจ ไม่เสียบุคลิก

วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชาย ร้อนขนาดไหนก็มั่นใจ ไม่เสียบุคลิก

วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชาย ร้อนขนาดไหนก็มั่นใจ ไม่เสียบุคลิก
WeenayA
10 เมษายน 2568 ( 07:00 )
42

     การเกิดกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นตัวในผู้ชาย  สาเหตุหลักมาจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างเหงื่อ และแบคทีเรียบนผิวหนัง ด้วยเมืองไทยนั้นเป็นเมืองร้อนยิ่งกระตุ้นให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่าย บางคนเกิดกลิ่นตัวรุนแรง หรือบางคนอาจไม่ค่อยมีกลิ่นตัว หากยิ่งดูแลตัวเองไม่ถูกจุดอาจทำให้ปัญหากลิ่นตัวเปรี้ยวยิ่งรุนแรงมากขึ้นได้ แล้ววิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชายทำได้อย่างไร ดูแลตัวเองแบบไหนช่วยลดกลิ่นตัวได้

 

วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชาย
ร้อนขนาดไหนก็มั่นใจ ไม่เสียบุคลิก


กลิ่นเปรี้ยวในตัวผู้ชายเกิดจากอะไร

     การกลิ่นเปรี้ยวในผู้ชายเกิดจากเหงื่อ และแบคทีเรียประกอบกับฮอร์โมนบางชนิด ร่างกายคนเรามีต่อมเหงื่อ 2 ชนิดหลักๆ คือ ต่อมเอคคริน ที่สร้างเหงื่อใสไม่มีกลิ่นทั่วตัว เพื่อช่วยระบายความร้อน และ ต่อมอะโพคริน ที่สร้างเหงื่อข้นมีไขมันและโปรตีนในบริเวณที่มีขน เช่น รักแร้ ซึ่งเหงื่อชนิดนี้เมื่อเจอกับแบคทีเรียบนผิวหนังจะถูกย่อยสลาย ทำให้เกิดสารที่มีกลิ่นต่างๆ รวมถึงกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งชนิดของแบคทีเรียแต่ละคนก็ส่งผลให้กลิ่นตัวแตกต่างกันไป

     กลิ่นเปรี้ยวในผู้ชายอาจสังเกตได้ชัดเจนกว่าผู้หญิงจากหลายปัจจัย เช่น ผู้ชายมักเหงื่อออกมากกว่า มีฮอร์โมนที่กระตุ้นต่อมเหงื่อบางชนิดมากกว่า มีขนตามร่างกายเยอะกว่าซึ่งกักเก็บเหงื่อ และแบคทีเรียได้ดีกว่า นอกจากนี้ พฤติกรรมการดูแลความสะอาด อาหารที่รับประทานบางชนิด การเลือกเสื้อผ้า ระดับความเครียด และชนิดของแบคทีเรียบนผิวหนังของแต่ละคนก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นเปรี้ยวได้

 

วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยวสำหรับผู้ชาย

  1. รักษาความสะอาด
    ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง โดยเฉพาะหลังจากออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เหงื่อออก ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างกรุงเทพฯ คุณอาจต้องอาบน้ำบ่อยขึ้น ใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เน้นทำความสะอาดบริเวณที่เหงื่อออกง่ายและมีกลิ่น เช่น รักแร้ ขาหนีบ และเท้า สบู่ที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียสามารถช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการย่อยสลายเหงื่อจนเกิดกลิ่นได้
    เช็ดตัวให้แห้งสนิท หลังจากอาบน้ำโดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยพับของผิวหนัง เพราะผิวหนังที่ยังชื้นอยู่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียได้ดี

  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและระงับกลิ่นกาย
    ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อที่เน้นการป้องกันกลิ่นเปรี้ยว ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะช่วยจัดการกับเหงื่อโดยตรง ทาลงบนผิวหนังที่สะอาดและแห้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนก่อนนอน และอีกครั้งในตอนเช้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีเวลาทำงานได้อย่างเต็มที่

  3. เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม
    สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เน้นเนื้อผ้าธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน และผ้าไผ่ โดยเฉพาะสำหรับใส่ในชีวิตประจำวันและออกกำลังกาย เนื้อผ้าเหล่านี้ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและช่วยให้เหงื่อระเหยได้ดี หากมีกลิ่นตัวสะสมง่ายหลีกเลี่ยงผ้า  ใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอนและโพลีเอสเตอร์ สามารถกักเก็บเหงื่อและความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นตัว อย่าใส่เสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อซ้ำ เปลี่ยนชุดชั้นในและถุงเท้าทุกวัน
    หากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ ให้เลือกใช้เสื้อผ้ากีฬาที่ออกแบบมาเพื่อช่วยซับเหงื่อและระบายออกจากผิวหนัง เหงื่อที่ติดอยู่ในเสื้อผ้าจะกลายเป็นแหล่งของกลิ่น ซักเสื้อผ้าทุกครั้งหลังสวมใส่ โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ใส่สำหรับการออกกำลังกาย

  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้เหงื่อเจือจางลง ทำให้ความเข้มข้นของเหงื่อลดลง และลดโอกาสที่จะเกิดตัวกลิ่นแรง

  5. จำกัดอาหารบางชนิด
    อาหารบางชนิดอาจมีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัว ได้แก่ กระเทียม หัวหอม และอาหารรสจัด ผักตระกูลกะหล่ำเช่น บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี เนื้อแดง แอลกอฮอล์และคาเฟอีน (ในบางคน) ควรเลือกทานอาหารให้สมดุลไม่มากไปไม่น้อยไปสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และอาจมีผลต่อกลิ่นตัวด้วย

  6. จัดการกับเส้นขนบนร่างกาย
    ขนสามารถกักเก็บเหงื่อและแบคทีเรีย ซึ่งทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้น การเล็ม หรือโกนขนรักแร้สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้ 

  7. ดูแลเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ
    ให้ความสำคัญกับการล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า เช็ดเท้าให้แห้งสนิทหลังจากล้าง เพราะความชื้นอาจทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์ เลือกถุงเท้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือวัสดุอื่นๆ ที่ระบายอากาศได้ดี เปลี่ยนถุงเท้าทุกวันและหลังออกกำลังกาย
    หากคุณมีปัญหากลิ่นเท้า ลองใช้แป้งทาเท้าที่มีส่วนผสมของสารป้องกันเชื้อรา เพื่อช่วยดูดซับความชื้นและป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย เลือกสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อให้รองเท้าแห้งสนิทระหว่างการใช้งาน
  8. จัดการกับความเครียด
    ความเครียดสามารถทำให้คุณเหงื่อออกมากขึ้น โดยเฉพาะเหงื่อจากต่อมอโพคริน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดกลิ่นเมื่อผสมกับแบคทีเรีย ลองหากิจกรรมทำเพื่อลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือฝึกหายใจใจลึกๆ

  9. เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
    หากคุณสังเกตเห็นว่ากลิ่นตัวของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันและผิดปกติหรือไม่ดีขึ้นแม้จะดูแลสุขอนามัยอย่างดีแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่อาจมาจากปัญหาสุขภาพ
    หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมกับกลิ่นตัว เช่น เหงื่อออกมากผิดปกติ ผิวหนังเปลี่ยนแปลง หรือมีไข้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี