สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคน ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าเทรนด์รักสุขภาพและตื่นตัวในการออกกำลังกายกำลังมาแรงมาก ๆ เลยนะคะ เชื่อว่าใน Feed Facebook ของแต่ละคนจะเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ ที่อัพรูปเข้าฟิตเนส หรือวิ่งกันแทบไม่เว้นแต่ละวันเลยล่ะค่ะ ผู้เขียนเองก็เป็นคนที่ชอบวิ่งมาก ๆ แต่ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าเมื่อก่อนเนี่ยไม่ใช่คนที่ชอบวิ่งเลย ถึงจะเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายสม่ำเสมอก็จริง แต่จะชอบกิจกรรมอื่น ๆ มากกว่าค่ะ เช่น ว่ายน้ำ หรือแอโรบิก แต่พอได้เริ่มวิ่งไปสักพักก็รู้สึกว่าเสพติดการวิ่งไปเลยค่ะ และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เขียนเปลี่ยนจากคนที่วิ่งไม่ทน วิ่งไม่เก่ง ไม่ชอบเอาเสียเลย กลายมาเป็นคนที่ต้องวิ่งให้ได้อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ก็คือ แอพพลิเคชัน ที่ชื่อ Nike Run Cub ค่ะ (แอบบอกก่อนนะคะว่าไม่ได้โฆษณาให้แบรนด์ Nike แต่อย่างใด แต่แอพของเค้าดีจริง ๆ ค่ะ) จริง ๆ แล้วแอพพลิเคชันที่สามารถใช้ในการ track การวิ่งของเรานั้นมีมากมาย แต่ผู้เขียนเริ่มต้นโดยการใช้แอพนี้ แล้วก็ติดใจจนต้องใช้มาเรื่อย ๆ ค่ะ ก่อนอื่นเรามาดาวน์โหลดแอพกันก่อนเลยนะคะ โดยแอพนี้สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งจากระบบ IOS และ Andriod เลยค่ะ สำหรับผู้อ่านที่ใช้ระบบ IOS สามารถดาวน์โหลดได้จาก Link นี้เลยค่ะ https://apps.apple.com/th/app/nike-run-club/id387771637 และสำหรับผู้ที่ใช้ระบบ Andriod ก็สามารถดาวน์โหลดได้จาก Link นี้ค่ะ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nike.plusgps&hl=en (ขอบคุณภาพจาก App store โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้จาก https://apps.apple.com/th/app/nike-run-club/id387771637) เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Nike Run Club มาแล้วนะคะ ก็จะต้องลงทะเบียนและกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนค่ะ ซึ่งข้อมูส่วนตัวนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยในการคำนวณแคลอรี่ที่เราเผาผลาญไปได้จากการวิ่งในแต่ละครั้งค่ะ (ขอบคุณภาพจากแอพพลิเคชัน Nike Run Club โดย crop จากโทรศัพท์ของผู้เขียน) (ขอบคุณภาพจากแอพพลิเคชัน Nike Run Club โดย crop จากโทรศัพท์ของผู้เขียน) การใช้แอพพลิเคชันนี้ก็แสนจะง่ายค่ะ แค่กดที่ปุ่ม START ก็สามารถที่จะเริ่มวิ่งได้เลย โดยโปรแกรมจะเชื่อมต่อกับ GPS และเก็บข้อมูลเส้นทางที่เราวิ่ง รวมทั้งความเร็ว (pace) ระยะทาง (km) ระยะเวลาที่ใช้ รวมไปถึงแคลอรี่ที่ใช้ไปในการวิ่งครั้งนั้น ๆ ค่ะ นอกจากนี้นะคะ ตัวแอพพลิเคชันนี้ยังเก็บข้อมูลการวิ่งของเราในทุก ๆ กิโลเมตรที่วิ่งด้วยค่ะ โดยเราสามารถดูได้ว่าในช่วงกิโลแรก เราใช้ความเร็วเท่าไหร่ และในระยะทาง 1 กิโลเมตรถัดไปเราใช้ความเร็วมากขึ้นหรือน้อยลงค่ะ ดีเยี่ยมมาก ๆ เลยค่ะ เพราะผู้เขียนเองก็ชอบดูข้อมูลย้อนหลังเสมอว่า speed เราเริ่มจะตกในช่วงกิโลที่เท่าไหร่ค่ะ (ขอบคุณภาพจากแอพพลิเคชัน Nike Run Club โดย crop จากโทรศัพท์ของผู้เขียน) จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของแอพพลิเคชันนี้ก็คือ การจัดระดับ Run Level ค่ะ โดยช่วงแรกที่เริ่มวิ่งเราจะยังอยู่ในระดับสีเหลือง แต่หากเราวิ่งได้ระยะทางสะสมครบ 50 กิโลเมตร ระดับของเราก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มค่ะ โดยมีระดับสีต่าง ๆ ให้เราต้องพยายามและขยันวิ่งเพื่อให้ได้ระดับเหล่านั้นมาครอบครองค่ะ ในตอนนี้ผู้เขียนถูกจัดอยู่ในระดับสีฟ้านะคะ คือ วิ่งได้ครบ 1,000 กิโลเมตรแล้วค่ะ (ตอนนี้ผู้เขียนวิ่งมา 1,697 กิโลเมตรแล้วค่ะ) ซึ่งระดับต่อไปที่จะพิชิตให้ได้คือ สีม่วง โดยต้องวิ่งให้ได้ถึง 2,500 กิโลเมตรค่ะ ส่วนนี้ของแอพพลิเคชันถือเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากออกไปวิ่งทุกวันเลยค่ะ เพราะอยากเลื่อนระดับไว ๆ ค่ะ (ขอบคุณภาพจากแอพพลิเคชัน Nike Run Club โดย crop จากโทรศัพท์ของผู้เขียน) แต่จุดที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดสำหรับแอพพลิเคชันนี้ ก็คือหมวดของ Achievement ค่ะ ซึ่งโปรแกรมก็จะรวบรวมสถิติการวิ่งที่สำคัญ ๆ ของเราไว้หมดเลย เช่น ระยะทางที่เราวิ่งได้ไกลที่สุดในการวิ่ง 1 ครั้ง (Farthest Run) การวิ่งที่ใช้เวลานานที่สุด (Longest Run) หรือการวิ่ง 5 กิโลเมตรที่ใช้เวลาน้อยที่สุด (Fastest 5K) เป็นต้นค่ะ และเมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างนะคะ ก็จะพบว่าแอพพลิเคชันนี้ได้เก็บประวัติการวิ่งของเราในวันสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ซึ่งจะมี icon น่ารัก ๆ ประกอบ ให้ประวัติการวิ่งของเรามีสีสันและสนุกมากขึ้นค่ะ โดยประวัติที่ผู้เขียนเคยได้นะคะ ก็คือ True Runmance โดยเกิดจากการวิ่งในวันวาเลนไทน์ค่ะ หรือ Red Envelope ที่เกิดจากการวิ่งในวันตรุษจีน เป็นต้นค่ะ (ขอบคุณภาพจากแอพพลิเคชัน Nike Run Club โดย crop จากโทรศัพท์ของผู้เขียน) ความท้าทายและ Gimmick น่ารัก ๆ ของแอพพลิเคชันนี้ทำให้การวิ่งสำหรับผู้เขียนกลายเป็นเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป และยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นมาก ๆ อีกด้วยค่ะ อยากให้คุณผู้อ่านลองโหลดแอพพลิเคชันนี้มาใช้กันนะคะ และขอให้ทุกคนสนุกกับการวิ่งค่ะ (ขอบคุณภาพหน้าปกบทความจาก skeeze จาก Pixabay โดยผู้เขียนนำมาตกแต่งใส่ข้อความเอง)