ความไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา มันเป็นเช่นนี้นี่เอง เราเอาชีวิตเข้าสู่วิถีการเป็นนักวิ่งตอนนี้ก็ร่วม 4 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่วิ่งก็ต้องมีทั้งหนักทั้งเบา สบายใจมากก็หนัก ๆ กันไป เพราะใจได้ ร่างกายก็ได้อยู่แล้ว แต่พอขี้เกียจหน่อยก็เบาลงบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาดการซ้อม ไม่เคยขาดการวิ่ง เรียกได้ว่า มี passion ตลอด ยุคมืดของเราเนื่องมาจากการทำลงสนามครั้งสุดท้าย ตอนที่เราหยุดเดินเมื่อผ่าน 10 กิโลเมตร มาแล้วก็มีคนหนึ่งมาทักเรา “ไปครับ อย่าหยุด ผมวิ่งตามคุณมาตลอด เราวิ่ง pace เดียวกัน ผมว่าเราน่าจะจบที่ 2 ชั่วโมง 10 นาที ได้” และพอเข้าเส้นชัย เราเข้าที่ 2:12 ชั่วโมง มันเป็น Half ที่ดีที่สุดของเรา และหลังจากการวิ่งครั้งนั้น เราก็เริ่มไม่ซ้อมอันเนื่องมาจากชีวิตส่วนตัว แต่ก็ยังมีความมั่นใจว่าเราทำได้แน่นอน ภาพโดย เจ้าของบทความ sakanaj. ในการลงสนามถัดมาต่อจากรอบนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อน ๆ คะ เราขอบอกว่า เราตายตั้งแต่กิโลเมตรที่ 5 เราเดินตั้งแต่ตอนนั้น เราไปไม่ไหว เราเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2:34 ชั่วโมงพร้อมอาการบาดเจ็บ และหลังจากนั้นเราก็ไม่ซ้อมยาวไปเลยอีก 2 เดือน เราตัดสินใจกลับไปซ้อมใหม่ โดยการเริ่มที่ 5 กิโลเมตร เชื่อไหม เราทำไม่ได้ เราวิ่งได้แค่ 2 กิโลเมตร เราต้องหยุดเดิน และพยายามวิ่งต่ออีก เราทำได้แค่ 500 เมตร และต้องหยุด เราเหนื่อยมาก ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แต่มันเหนื่อยมาก ภาพโดย เจ้าของบทความ sakanaj. เราส่งผลการซ้อมไปให้โค้ชที่เคยสอนเราวิ่ง พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาพยายามมาแบบไหนบ้าง โค้ชพูดคำแรกคือ “หัวใจยังไม่แข็งแรง เพราะขาดการซ้อมเป็นเวลานาน” ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ต้องหมั่นซ้อม ห้ามขาดการซ้อม ต้องเริ่มซ้อมเหมือนคนเริ่มวิ่งใหม่ เราแทบร้องไห้ เราวิ่งมา 4 ปี เราหยุดซ้อมไปเกือบ 3 เดือน เรากลับมาวิ่งไม่ได้แล้ว เราต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด แต่โค้ชก็บอกว่า เรามีทุนเดิมอยู่ กลับมาหมั่นซ้อมสักพักร่างกายจะกลับมาเหมือนเดิม คงยังเร่งไม่ได้ ภาพโดย เจ้าของบทความ sakanaj. เราเริ่มฝึกซ้อมใหม่ด้วยความเร็วแบบสบาย ๆ ไม่เร่ง และเริ่มที่ขั้นต่ำ 2 กิโลเมตร และค่อย ๆ เพิ่มระยะ ตอนนี้เราฝึกได้ 2 สัปดาห์แล้ว มากสุดได้ 3 กิโลเมตร ตอนนี้มีพี่และโค้ชมาช่วยซ้อมให้ด้วย คิดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหมั่นซ้อม ภาพโดย เจ้าของบทความ sakanaj. การขาดซ้อมผลที่ตามมาคือ อาการบาดเจ็บ ของเรามีอาการปวด ตอนแรกเป็นข้างเดียว ตอนนี้เป็นทั้งสองข้าง และยังไม่มีทีท่าว่าจะหายขาด เป็นเพราะกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงแต่เราเร่งวิ่งด้วย pace เดิม คงต้องกลับไปเริ่มใหม่อย่างที่โค้ชบอกจริง ๆ เพื่อนนักกีฬา จงจำไว้ “เป็นนักกีฬา อย่าขาดซ้อม” ภาพปกโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay