พังคาบ้านหกเกมติด!! 4 ประเด็นสำคัญหลัง ลิเวอร์พูล พลิกพ่าย ฟูแล่ม 0-1

BALLYSLAM

8 มีนาคม 2564 ( 13:00 )

812

"หงส์แดง" ทำผลงานสุดช็อกอีกแล้ว หลังเปิดบ้านพ่ายให้กับ ฟูแล่ม สุดเหลือเชื่อ 0-1 ทำให้เวลานี้ทีมแพ้คาสนามแอนฟิลด์มา 6 เกมติดกันแล้ว

ความเคลื่อนไหวของเกมพรีเมียร์ลีก นัดสุดช็อก ที่ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่า พ่ายคาสนามแอนฟิลด์ ให้กับ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 0-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา

และจากเกมดังกล่าว มีหลายแง่หลายมุมให้ถูกพูดถึงอย่างมาก และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญ ที่เราพอมองเห็นจากการฟาดแข้งแมตช์นี้

1. แอนฟิลด์ เปลี่ยนสภาพเป็นรีสอร์ทแอนด์สปา

ต้องบอกว่า เวลานี้สนามแอนฟิลด์ รังเหย้าของ ลิเวอรพูล กลายเป็นสวรรค์ของคู่แข่งไปเสียแล้ว เพราะพลพรรคนักเตะ "หงส์แดง" เมื่อเล่นในสนามตัวเอง บอกได้เลยว่าสามารถแพ้ได้ทุกทีม ผิดกลับเวลาไปเล่นทีมเยือน ที่มักจะทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่เวลากลับมาเตะในบ้านทีไร ทำไมฟอร์มมันอ่อนลงไปทุกที

ซึ่งสถิติการพ่ายแพ้คาบ้านตัวเอง 6 นัดติดต่อกันในลีก ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และเชื่อว่า "เดอะ ค็อป" หลายๆ คนยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเกิดขึ้นตอนไหน

2. เกมรุกไร้ไอเดีย ไร้ประสิทธิภาพ อย่างมาก

หากมีใครมาบอกว่า 6 เกมหลังสุดในลีกของ ลิเวอร์พูล ยิงได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น คนนั้นคงบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นแล้ว เวลานี้ต้องบอกว่าแนวรุกของ "หงส์แดง" ไร้ประสิทธิภาพอย่างมาก

ที่ผ่านมา 3 ประสานแนวรุก อย่าง มฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่เคยมีช่วงไหนลยที่จะกระสุนด้านขนาดนี้ นับตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสเป็นต้นมา ทั้งหมดฟอร์มเริ่มตกลงอย่างน่าใจหาย ผลิตสกอร์ให้กับทีมแทบไม่ได้เลย

นัดนี้ก็เช่นกัน ซาลาห์ ได้ลงเป็นตัวจริงก็ฟอร์มไม่ดีอีก แถมยังมีส่วนทำให้ทีมเสียประตู ส่วนแนวรุกอีกคนอย่าง ดีโอโก้ โชต้า เพิ่งจะหายเจ็บกลับมา ก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ช่วยทีมได้ เรียกว่าเวลานี้ อาการของเกมรุก ชักน่าจะเป็นห่วงมากกว่า อาการของเกมรับ เสียแล้ว

3. บอลเฮฟวี่เมทัล ของ หงส์แดง เริ่มหมดฤทธิ์

ที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่ง ลิเวอร์พูล ลงสนามด้วยสไตล์การเล่นแบบดุดัน วิ่งไม่มีหยุด ไม่มีหมด บีบเข้าหาคู่แข่งเร็ว จนเกิดเป็นแนวการเล่นแบบ "เฮฟวี่เมทัล" ซึ่งแทบไม่มีคู่แข่งทีมไหนที่จะมาหยุดความร้อนแรง และรอดพ้นการรูปแบบการเล่นแบบนี้เลย

ทว่า ตัดภาพมาในฤดูกาลนี้ รูปแบบการเล่นแบบเดิม แทบจะใช้ไม่ได้ผลกับคู่แข่งแล้ว เนื่องจากทีมต่างๆ เริ่มคุ้นเคย และหาวิธีรับมือกับการเล่นแบบดุดันของ คล็อปป์ ได้แล้ว อีกทั้ง บรรดานักเตะของ "หงส์แดง" ก็ไม่ได้แข็งแกร่ง และสุดยอดแบบเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ทำให้บรรดาคู่ต่อสู้ไม่ได้หวาดหวั่นกับการเล่นแบบนี้อีกต่อไป

4. โอกาสติดท็อปโฟร์ เลือนลางไปทุกทีๆ

หลังจากพ่าย ฟูแล่ม คาถิ่นตัวเอง อีกทั้ง สเปอร์ส ก็เปิดบ้านถล่มชนะ คริสตัล พาเลซ 4-1 ทำให้เวลานี้ ลิเวอร์พูล กระเด็นตกมาอยู่อันดับ 8 ของตารางเรียบร้อย มีเพียง 43 คะแนน และห่างจากอันดับ 4 ที่จะได้ตั๋วไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า อย่าง เชลซี ถึง 4 แต้ม แถม ทัพ "สิงห์บูลส์" ยังเตะน้อยกว่าถึง 2 นัด หากพวกเขาเก็บได้ 6 แต้มเต็มในเกมตกค้าง ก็จะทำแต้มหนีไปไกลกว่านี้อีก

จากสถานการณ์ดังกล่าว โอกาสคว้าอันดับ 4 ของ "หงส์แดง" ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มันเริ่มยากเข้าไปทุกที เพราะทีมที่อันดับสูงกว่า อย่าง เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, สเปอร์ส หรือแม้กระทั่ง เวสต์แฮม เวลานี้อยู่ในช่วงฟอร์มกำลังดีแทบทั้งนั้น และต้องอย่าลืมว่าทีมที่ไล่หลังมา อย่าง แอสตัน วิลล่า หรือ อาร์เซน่อล ก็มีแต้มห่างไม่มากเท่าไหร่ พร้อมจะแซงได้ทุกเมื่อ เช่นกัน

ดังนั้น หาก คล็อปป์ ต้องการพาทีมขึ้นไปอยู่ในท็อปโฟร์ สิ่งแรกที่ควรจะทำให้ได้ คือการกลับมาเก็บชัยชนะในสนามแอนฟิลด์ ให้เร็วที่สุด เพื่อเรียกความมั่นใจของนักเตะทุกคนกลับคืนมา

-------------------------------------------------