ทีมชาติไทยสามารถเข้าชิงแชมป์อาเซียนคัพได้อีกครั้ง หลังจากโชว์ฟอร์มหรูอัดมาเลเซีย 3 : 0 ในบ้านของตัวเองในนัดที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศในรายการ AFF Mitsubishi Electric Cup 2022คู่ชิงแชมป์ของทีมชาติไทยก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือทีมชาติเวียดนาม ที่สามารถเอาชนะทีมชาติอินโดนีเซียมารอชิงก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นคู่ชิงในฝันของชาวอาเซียน เพราะเป็นการโคจรมาพบกันในฐานะทีมที่ดีที่สุดทั้ง 2 ทีมอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทีมชาติไทยจะได้เข้าชิง แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้แชมป์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการชิงแชมป์ครั้งนี้อย่างรอบคอบ บทความนี้จึงขอสรุป 5 ประเด็นที่จะทำให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์อาเซียนคัพอีกครั้งเป็นสมัยที่ 7 มีดังนี้ 1. รูปแบบการเล่นที่ผ่านมาทีมชาติไทยใช้ระบบ 4:4:2 และระบบ 4:2:3:1 ตามความเหมาะสมของทีมคู่แข่ง หรือตามสถานการณ์ของทีม ซึ่งเป็นระบบที่เหมาะกับสภาพทีมชุดนี้ การลงทำการแข่งขันที่ผ่านมา สตาฟโค้ชของเวียดนามคงได้เห็นและเก็บเป็นข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการชิงกับเวียดนาม การวางหมากของมาโน่ โพลกิ้ง หากเป็นไปได้ต้องมีความซับซ้อน เพื่อให้ทีมชาติเวียดนามจับทางยาก เหมือนทีมชาติมาเลเซียเจอกับไทยในัดที่ 2 เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นมาเลเกิดความสับสนกับการเคลื่อนที่ของนักเตะทีมชาติไทยจนเป็นที่มาของประตูแรก เพราะมีการเคลื่อนที่ทดแทนตำแหน่งกันไปมาอย่างมีความเข้าใจเกม ดังจะเห็นได้จากทีราธรเล่นตำแหล่งกองกลาง แต่ก็ยังสามารถไปริมเส้นเปิดให้ธีรศิลป์โหม่งเข้าประตูได้ หากทีมชาติไทยมีรูปแบบการเล่นที่คาดเดายาก เชื่อว่าทีมชาติไทยจะสามารถเจาะประตูเวียดนามคาถิ่นได้อย่างไม่ยากเย็น 2. การมีสมาธิกับเกมในนัดแรกทีมชาติไทยต้องไปเยือนเวียดนามก่อน การมีสมาธิอยู่กับเกมเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเวลานั้นจะได้รับเสียงกดดันจากแฟนบอลของเจ้าถิ่นทั่วทั้งสนาม รวมทั้งวิธีการเล่นของเวียดนามที่ยังคงมีนักเตะบางคนยังเล่นด้วยความรุนแรง ยั่วยุคู่ต่อสู้ให้เสียสมาธิ หากนักเตะทีมชาติไทยขาดสติ สมาธิหลุดลอยไปตามบรรยากาศของเกม จะเกิดความเพลี่ยงพล้ำถึงแพ้กลับไปได้ ซึ่งการแข่งขันภายใต้สภาวะที่มีความกดดันสูงแบบนี้ ต้องพึ่งนักเตะที่มีประสบการณ์สูงๆ คอยประคับประคองน้องๆหน้าใหม่หลายๆคนที่ยังคงมีอาการตื่นสนามอยู่ รวมทั้งทีมงานสตาฟโค้ชทีมชาติไทยต้องมีจิตวิทยาที่นำพาให้นักเตะมีสภาพจิตใจที่พร้อมที่สุดในการทำการแข่งขัน เชื่อว่าหากนักเตะมีสมาธิกับเกม มุ่งมั่นในการเข้าทำประตูตามแบบฉบับของตัวเอง ไม่ไปหลงเหลี่ยมคู่ต่อสู้ ก็จะสามารถเก็บชัยชนะกลับบ้านได้ไม่ยาก เมื่อถึงเวลานั้น การคว้าแชมป์ก็เหลือแค่เอื้อม 3. การเปลี่ยนตัวที่ผ่านมา การเปลี่ยนตัวของมาโน่ โพลกิ้ง มีผลต่อเกมอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนตัวที่ได้ผล ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาในหลายๆนัด สามารถยกระดับการเล่นให้ทีมชาติไทยได้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนจากแพ้เป็นเสมอ จากเสมอเป็นชนะ ถือว่าทำดีต้องชื่นชม ซึ่งในการเจอกับเวียดนาม หากผู้เล่นบางตำแหน่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง มาโน่ต้องกล้าเอาตัวสำรองลงไปเปลี่ยนเกม โดยไม่ปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปจนถึงท้ายเกมแล้วค่อยเปลี่ยน เพราะเมื่อถึงเวลานั้นผู้เล่นลงไปก็ไม่สามารถทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องจากมีเวลาน้อยเกินไป หากยังปล่อยให้เล่นไปทั้งๆที่มีข้อผิดพลาด สุดท้ายอาจจะส่งผลเสียต่อทีมชาติไทยก่อนที่จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเปลี่ยนตัวและเปลี่ยนเกมอย่างทันท่วงที จะสามารถนำโอกาสเป็นผู้ชนะและคว้าแชมป์ไว้ได้ 4. การได้เล่นในบ้านนัดที่ 2มองเป็นเรื่องที่ดีที่ทีมชาติไทยออกไปเยือนเวียดนามก่อน เพราะมองว่า หากทีมชาติไทยไปเพลี่ยงพล้ำแพ้ไปก่อนในนัดแรก อย่างน้อยก็มีโอกาสแก้ตัวในบ้านที่มีแฟนบอลไทยหนุนหลังอย่างเนืองแน่น โมเม้นต์ตั้มอาจจะกลับมาอยู่ฝั่งไทย และเอาชนะแชงคว้าแชมป์ไปในที่สุด เพราะหากมีการต่อเวลาออกไปเท่ากับว่าทีมชาติไทยได้เล่นในบ้านมากกว่า ถือว่าเป็นความได้เปรียบเล็กๆน้อยๆ ด้วยความคุ้นชินในสภาพแวดล้อมมากกว่า ทั้งสภาพสนามและสภาพอากาศ สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อได้เปรียบที่ได้เล่นในบ้าน ยิ่งเป็นนัดที่ 2 แล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด ดังนั้นการได้เล่นในบ้านในนัดที่ 2 ได้เปรียบกว่าเห็นๆ 5. แฟนบอลทีมชาติไทยนัดที่ 2 ที่ได้เล่นในบ้าน เชื่อเหลือเกินว่า จะมีแฟนบอลไทยเข้าไปให้กำลังใจนักเตะทีมชาติไทยเต็มความจุของสนามอย่างแน่นอน พร้อมส่งเสียงเชียร์ข่มขวัญทีมชาติเวียดนาม ถือเป็นขวัญและกำลังใจที่ดีของนักเตะทีมชาติไทย เหตุผลที่แฟนบอลจะเข้าชมเกมในสนามจนเต็มความจุ นั่นเพราะจะได้เห็นคู่ชิงในฝัน แฟนบอลไทยร้อยทั้งร้อยอยากให้ทีมชาติไทยถล่มเวียดนามให้ราบคาบ จนหาทางกลับบ้านไม่ได้ จะได้หายสงสัยเสียทีว่าใครเบอร์หนึ่งตัวจริงของอาเซียน ซึ่งการอยู่ในสนามและได้เห็นทีมชาติไทยยำเละคู่ต่อสู้ แถมคู่ต่อสู้ยังเป็นทีมชาติเวียดนามอีกด้วย ถือเป็นความปราถนาที่จะได้เห็นสักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ตาม หน้าที่แฟนบอลไทยในสนามคือส่งเสียงเชียร์ทีมชาติไทย ส่งเสียงกดดันทีมชาติเวียดนาม ให้โลกได้รับรู้ถึงพลังแห่งความสามัคคีที่แท้จริงของชนชาติไทย เพื่อผลักดันให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์มาชื่นชมอีกครั้ง ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทุกคน ก็ยังไม่สายเกินไป โปรแกรมการแข่งขันชิงแชมป์อาเชียนของทีมชาติไทยกับทีมชาติเวียดนาม มีดังนี้นัดที่ 1 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 เวลา 19.30 น. สนาม หมีดิ่ญ สเตเดียม เวียดนามนัดที่ 2 วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 เวลา 19.30 น. สนาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) ขอให้มีความสุขกับการดูบอลครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก :ภาพที่ 1 / ช้างศึก/Facebookภาพที่ 2 / ช้างศึก/Facebookภาพที่ 3 / ช้างศึก/Facebookภาพที่ 4 / ช้างศึก/Facebookภาพที่ 5 / ช้างศึก/Facebookภาพปก 1 / AFF Mitsubishi Electric Cup/Facebookภาพปก 2 / AFF Mitsubishi Electric Cup/Facebookภาพปก 3 / ช้างศึก/Facebookภาพปก 4 / ช้างศึก/Facebook คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน