เกือบจะหลับแต่กลับมาได้!!! เมื่อเรือใบสีฟ้า แมนซิตี เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ ราชันชุดขาว เรอัลมาดริด ในเกมแรกพวกเขาเสมอกันมา 3-3 และในเกมนี้ก็จบ 90 นาทีด้วยผลเสมอ 1-1 โดยเรอัลมาดริดขึ้นนำไปก่อนจากโรดริโก้ และแมนซิตี ได้ประตูตีเสมอจากเควิน เดอ บรอย ผลสกอร์รวม 4-4 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที และก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้ ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษและเป็นเรอัลมาดริดที่สามารถดวลจุดโทษเอาชนะแมนซิตีไปได้แบบช็อคแฟนบอลเรือใบทั้งสนาม ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับบาเยิร์น มิวนิคที่เอาชนะอาร์เซนอลได้ในเกมที่ 2 1-0 มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในเกมนี้บ้าง มาดูกันเหตุการณ์ที่ 1: เกมรุกเร็วของเรอัลมาดริดเป็นประตูขึ้นนำทันทีเกมนี้เป็นเกมที่เรอัลมาดริดมาด้วยความรัดกุมและตั้งรับรอสวนกลับ และในช่วงต้นเกม พวกเขาก็งัดเอาความเก๋าและความไวในการขึ้นเกมรุกมาใช้ได้จริงๆ เมื่อแนวรับของแมนซิตีดันสูงขึ้นมาร่วมทำเกมรุกกับเพื่อนร่วมทีม แต่กลายเป็นว่าดานี่ การ์บาฆาล สาดบอลยาวส่งต่อไปให้จู๊ด เบลลิ่งแฮม ได้ดึงบอลและเลี้ยงหลบกองหลังแมนซิตี ส่งบอลต่อให้วินิซิอุส จูเนียร์ได้กระชากหนีรูเบน ดิอาซ และปาดบอลต่อไปให้โรดริโก้สอดเข้ามายิง แม้เอแดร์ซอนจะเซฟได้ในจังหวะแรก แต่บอลก็ยังมาเข้าทางโรดริโก้ได้ยิงซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ต้องชื่นชมการสาดบอลโด่งของการ์บาฆาลที่แม่นยำและจู๊ด เบลลิ่งแฮมที่ดูดบอลมาครองได้ที่ตัวเองอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากๆ การประสานงานกันระหว่างวินิซิอุสและโรดริโก้ที่เนียนตา บวกกับโชคที่โรดริโก้ที่ได้ยิงซ้ำอีกครั้ง และความผิดพลาดในการเช็คตำแหน่งล้ำหน้าของกองหลังแมนซิตี ทำให้ประตูขึ้นนำในเกมนี้ เป็นการทำเกมรุกที่เพอร์เฟคอย่างมากเหตุการณ์ที่ 2: แมนซิตีพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ไม่สามารถพลิกชนะในเกมนี้ได้หลังจากที่แมนซิตีต้องเป็นฝ่ายตามด้วยผลสกอร์รวม 4-3 พวกเขาก็พับสนามบุกเต็มสูบเพื่อหวังประตูตีเสมอจนถึงประตูขึ้นนำในเกมสอง พวกเขามีจังหวะให้แฟนๆเรอัลมาดริดหวาดเสียวถึงหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายด้วยโชคชะตาและความเหนียวของอังเดร ลูนิน ป้องกันลูกยิงของเหล่าแนวรุกแมนซิตีได้หลายจังหวะ จนกระทั่งครึ่งหลังเควิน เดอ บรอยก็สวมบทพระเอกขี่ม้าขาว ยิงประตูตีเสมอให้กับแมนซิตีได้สำเร็จ แม้จะได้ประตูตีเสมอตามที่ต้องการแล้ว พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้จนจบ 120 นาที ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าทีมที่เล่นได้ดีและเกมรุกเพอร์เฟคอย่างแมนซิตียังไม่สามารถเจาะผ่านแนวรับของเรอัลมาดริดหรือ เสา คาน ประตูได้เลย นี่จึงเป็นเกมที่น่าเสียดายอย่างมากสำหรับความพยายามของนักเตะแมนซิตี รวมไปถึงเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พยายามปรับแผนและนักเตะเพื่อคว้าชัยชนะก็แล้ว ก็ยังทำไม่ได้เหตุการณ์ที่ 3: นาโช่ เฟอร์นันเดส กับบทบาทกัปตันทีมในเกมนี้กัปตัน นาโช่ เฟอร์นันเดส ได้ลงสตาร์ทในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คคู่กับอันโตนิโอ รูดิเกอร์ แทนออริยองค์ ชูอาเมนี่ ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลือง และเขาก็ทำหน้าที่ในแนวรับได้อย่างดีมาก โดยเฉพาะลูกสกัดที่เกือบจะโดนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์แย่งบอลได้ แต่เขาสามารถชิงเคลียร์บอลออกจากกรอบประตูได้ก่อน ด้วยภาวะผู้นำและความเก๋าประสบการณ์จากเกมยุโรปที่เขาได้ลงสนามมาหลายฤดูกาล แม้ช่วงนี้เขาจะไม่ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่นัดนี้เขาสามารถช่วยเหลือและพาทีมคว้าชัยชนะที่ล้ำค่าได้สำเร็จอีกครั้งเหตุการณ์ที่ 4: ค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดของแมนซิตีแฟนบอลแมนซิตีเชื่อว่าเกมนี้คือเกมที่ดีที่สุดของแมนซิตีที่สามารถต่อกรและครองเกมเหนื่อเรอัลมาดริด น่าจะทำได้มากที่สุดของพวกเขาในฤดูกาลนี้แล้ว แต่ด้วยโชคชะตาและความไม่แม่นยำของแนวรุกแมนซิตีที่พยายามแล้วพยายามอีกในการจะทำประตู ส่วนในการดวลจุดโทษ แม้เอแดร์ซอนจะสามารถเซฟลูกยิงของลูก้า โมดริช ได้ แต่สุดท้ายแบร์นาโด้ ซิลวา และมาเตโอ โควาซิซยิงไปติดเซฟอังเดร ลูนิน และทำให้ความกดดันทั้งหลายทั้งปวง เทไปทางแมนซิตีแทน แม้แฟนบอลในสนามจะช่วยส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถทำลายสมาธิและความมั่นใจของผู้เล่นเรอัลมาดริดได้เลย จนเป็นที่มาของความพ่ายแพ้การดวลจุดโทษครั้งที่สอง ต่อจากเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ที่ดวลจุดโทษแพ้ให้กับอาร์เซนอล จริงๆแล้วเป๊ปไม่ได้เลือกผู้เล่นที่จะยิงจุดโทษผิดเลย เพียงแต่โชคชะตาไม่เข้าข้างพวกเขาเลยทั้งสองเกม แต่ถึงอย่างไรพวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพตามเดิม อย่างน้อยยังมี 2 ถ้วยปลอบใจพวกเขารออยู่ประเด็นพิเศษ: ความสุดยอดของชายที่ชื่อ คาร์โล อันเชล็อตตินี่คือชายที่พาเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ UCL ได้ถึงสองสมัย จากการคุมทีมรอบแรกและรอบที่สอง กลายเป็นกุนซือคนแรกที่สามารถคว้าโทรฟี่รายการนี้ได้มากที่สุดที่จำนวน 4 ครั้ง โดยแบ่งเป็นกับเอซี มิลาน 2 ครั้งและเรอัลมาดริด 2 ครั้ง ความสุดยอดในแผนการเล่นที่ปรับเข้ากับยุคสมัยใหม่ แท็กติคที่รัดกุมในเกมที่สำคัญๆ รวมไปถึงจิตวิทยาที่ถ่ายทอดให้กับเหล่าผู้เล่นเรอัลมาดริด เกมนี้เป็นอีกเกมหนึ่งที่เขาโชว์กึ๋นและจิตวิทยาที่ทำให้นักเตะเรอัลมาดริดวัยเก๋าและวัยรุ่นได้โชว์ศักยภาพสุดยอดออกมา เป็นผลงานที่สุดยอดจนทำให้พวกเขาเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปลุยต่อเพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 15 มาครองประดับตู้โชว์ถ้วยแชมป์ของสโมสร ความเก๋าประสบการณ์ที่หลายคนต่างยกย่องให้เป็นบรมครูและตัวอย่างที่ดีให้กับกุนซือยุคใหม่ในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครปฏิเสธความสุดยอดและความเฉียบขาดในการคุมทีม แม้จะมีบางครั้งที่เขาดูจะกลายเป็นคนที่ตกยุคไปแล้วก็ตาม แต่สุดท้าย เขาก็ยังสามารถกลับมายืนอยู่จุดสูงสุดของอาชีพได้อีกครั้งเสมอมาขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1,2,4 และภาพปกบทความ จาก Facebook Real Madrid C.F.ภาพที่ 3 และ 5 จาก Facebook Manchester Cityภาพที่ 6 จาก Facebook UEFA Champions League เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !