ผ่านไปเรียบร้อยแล้วกับสัปดาห์ที่ 10 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อันดับ 1 ยังคงเป็นไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่แข่งไปแล้ว 9 นัด ชนะ 8 แพ้ 1 มีอยู่ 24 คะแนน นำห่างอันดับสองอย่างทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่เพียงคะแนนเดียว แต่ถึงแม้จะนำเพียงคะแนนเดียวแต่ก็เรียกได้ว่าดีกว่าที่แฟนบอลหลายๆคนคาดเอาไว้อย่างมาก โดยโปรแกรม 9 นัดที่ผ่านมาของพวกเขาต้องเจอกับทีมระดับ BIG 6 ถึง 3 แมตช์ด้วยกันคือ ต้องออกไปเยือนทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นในบ้านกับ สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล โดยทั้งสามนัดพวกเขาเก็บได้ 6 คะแนน โดยเป็นการพลาดท่าแพ้นอกบ้านให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 3-1 ซึ่งยังอยู่ในจุดที่พอรับได้ เพราะถึงจะแพ้แต่ก็ยังมีฟอร์มการเล่นที่ดี ดูมีอนาคตอยู่บ้าง ต่างกับปีก่อนที่สองนัดแรก แพ้ให้กับเบรนฟอร์ด และ เชลซี อย่างยับยู่ยี่ เล่นบอลไม่มีทรง ตัวผู้เล่นหมดไฟ ขาดความทุ่มเท ต่างกับปีนี้อย่างสิ้นเชิง มีบางคนเคยบอกว่า "อาร์เซน่อลที่อยู่จ่าฝูงก็เหมือนช้างที่อยู่บนยอดไม้ เราไม่รู้มันขึ้นไปได้ยังไงแต่ก็มั่นใจว่ามันจะตกลงมา" แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่าช้างตัวนี้จะตกลงมาตอนไหน เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าฤดูกาลนี้ทัพปืนใหญ่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วบ้าง ที่ทำให้พวกเขามาอยู่ในจุดนี้1.ผู้เล่นที่เสริมเข้ามาทันก่อนเปิดลีกและยังเป็นผู้เล่นคุณภาพที่ไว้ใจได้ ต่างกับปีก่อนที่เสริมไม่ทันเปิดลีกในฤดูกาลนี้อาร์เซน่อลเสริมผู้เล่นใหม่เข้ามาได้มากมายทั้ง เกเบรียล เชซุส โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แมตต์ เทอร์เนอร์ ฟาบิโอ วิเอร่า และนักเตะดาวรุ่ง มาควินญอส โดยเฉพาะสองแข้งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง เชซุส และ ซินเชนโก้ ที่เล่นเข้ากับทีมได้ดีตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่นเหมือนว่าไม่ต้องปรับตัวเลย ประสบการณ์มากมายที่ได้จากทัพเรือใบสีฟ้ามีประโยชน์ต่อทีมอาร์เซนอลในขณะนี้มาก โดยเฉพาะในเรื่องของมิติเกมรุกที่เพิ่มขึ้น ทางด้านของคนอื่นที่เสริมเข้ามาก็เป็นอะไหล่ที่ดีทั้ง แมตต์ เทอร์เนอร์ ที่เข้ามาแทนที่ของ แบรนด์ เลโน่ ที่ย้ายออกไปในตำแหน่งโกลล์มือสอง และก็ทำผลงานได้ดีในเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือทางด้านของ ฟาบิโอ วิเอร่า ที่เป็นตัวเลือกในแนวรุกผลัดกันลงเล่นกับ มาร์ติน โอเดการ์ด และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ มาร์ควินญอส ที่ยังอายุน้อยก็ยังรอเวลาระเบิดฟอร์มได้อีกในอนาคตนอกจากนักเตะที่เสริมเข้ามาใหม่แล้วยังได้ผู้เล่นเก่ากลับมาจากการยืมตัวคือ วิลเลี่ยม ซาลิบา เขามีฟอร์มการเล่นกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ดีมากจนเข้าตาของอาร์เตต้าอย่างแรง อาร์เตต้าถึงกับต้องรีบไปยืนยันกับเจ้าตัวเลยว่าจะให้โอกาสลงตัวจริงเยอะๆแน่นอน เพื่อยื้อไม่ให้ซาลิบาย้ายทีม เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ทางอาร์เซน่อลแข่งขันกับมาร์กเซยเพื่อให้ได้กลับมาเลยก็ว่าได้ การเข้ามาของซาลิบาช่วยแก้ปัญหาเกมรับของอาร์เซน่อลได้ทันทีเนื่องจากกองหลังตัวกลางที่ไว้ใจได้ของอาร์เซนอลนั้นเรียกได้ว่ามีไม่เพียงพอต่อการลุ้นทอปโฟร์ต่างกับฤดูกาลที่แล้ว กว่าที่ทีมจะเล่นดีได้ก็ต้องรอการย้ายทีมของ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่มาช่วยให้จังหวะการเล่นของทีมดีขึ้น ซึ่งกว่าจะมาได้ทีมก็แพ้ไปแล้วในนัดที่ไม่ควรจะแพ้ถึง 2 นัด โทมิยาสุที่มาถึงก่อนก็ดันเจ็บในช่วงสองนัดแรกซะงั้น เรียกได้เลยว่าในตอนนั้นการคุมแดนกลางก็ง่อย เกมฝั่งขวาก็พิการ 2.เกมรุกที่อันตรายมากขึ้น จากการมาถึงของ กาเบรียล เชซุสในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา คงไม่มีดีลไหนของอาร์เซน่อลที่ถูกให้ความสนใจได้มากเท่ากับดีลของ กาเบรียล เชซุส โดยเขาย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทัพไอ้ปืนใหญ่ด้วยค่าตัวราว 45 ล้านปอนด์ จากฤดูกาลก่อนอาร์เซนอลมีกองหน้าตัวหลักอย่าง อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ และ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง ที่มีอายุมากขึ้นและฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปจากเดิม โดยเฉพาะทางด้านของโอบาเมยองที่เคยเป็นคนแบกทีม เป็นกองหน้าตัวอันตรายที่ช่วยทำประตูสำคัญหลายครั้งพ่วงด้วยตำแหน่งกัปตัน หลังจากได้รับการเลื่อนค่าเหนื่อยขึ้นกลับมีฟอร์มการเล่นที่ดรอปลงอย่างชัดเจนและกลายเป็นคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หมดไฟในการเล่น ความทุ่มเทกับทีมน้อยลง ซึ่งไม่เข้าตาของ มิเกล อาร์เตต้า เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาส่วนตัวกระทบกระทั่งกันกับอาร์เตต้าอีกด้วย กองหน้าสำรองอย่าง เอดดี้ เอนเคเทีย ก็ยังฟอร์มไม่เข้าที่ ขาดประสบการณ์และความสม่ำเสมอ ส่งผลให้อาร์เตต้าต้องปล่อยโอบาเมยอง และ ลากาแซต์ ออกจากทีมไปแต่ยังคงเก็บเอนเคเทียที่อายุน้อยเอาไว้กับทีมหลังจากเสียกองหน้าตัวหลักไปถึงสองคน อาร์เซน่อลจึงเริ่มหาตัวกองหน้าเพิ่มเข้ามาทดแทนตำแหน่งที่ขาดไป เพราะเอนเคเทียเองก็ยังไม่สุกงอมมากพอที่จะยืนเป็นตัวหลักได้ และหวยก็ไปออกที่ กาเบรียล เชซุส ต้องขอบคุณการมาถึงของกองหน้าจอมมารบู เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ย้ายเข้ามาสู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งนั่นอาจทำให้เชซุสมีโอกาสลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าน้อยลง และด้วยความที่เชซุสนั้นเคยร่วมงานกับอาเตต้ามาแล้ว เชซุสจึงตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมอาร์เซนอลหลังจากเชฆุสเข้าร่วมกับทัพไอ้ปืนใหญ่ เชซุสสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีตั้งแต่อุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น เขาช่วยอาร์เซน่อลถล่มยอดทีมอย่างเชลซีไป 4-0 โดยเขาเป็นคนยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ให้กับอาร์เซน่อล ก่อนจะบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 57 เชซุสเป็นกองหน้าที่มีทักษะการเลี้ยงบอลดี มีความคล่องตัว ความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุกดี การจบสกอร์มีความเฉียบขาดสูง รูปร่างดี เขามีความเร็วแบบที่โอบาเมยองมี และมีทักษะการคลองบอลในที่แคบได้ดีแบบที่ลากาแชตต์ทำได้ ทักษะของเขาสามารถทดแทนกองหน้าสองคนเก่าของอาร์เซน่อลได้เป็นอย่างดี ที่ต้องเป็นห่วงจริงๆน่าจะเป็นอาการบาดเจ็บที่เข้ามารบกวนเป็นระยะ อันเนื่องมาจากสไตล์การเล่นที่ชอบเลี้ยงบอลหลบด้วยความเร็วสูงและเลี้ยงฝ่าแนวรับบ่อยทำให้ถูกปะทะรุนแรงและโดนเล่นนอกเกมบ่อยนอกจากทักษะที่ดีแล้วพฤติกรรมและการปรับตัวกับทีมเขาก็ทำได้ดีมาก ด้วยความที่เขาสนิทกับ มิเกล อาเตต้า นายใหญ่ของทีมอยู่ก่อนแล้ว และในทีมยังมีนักเตะบราซิลหลายคน กาเบรียล มาติเนลลี่ กาเบรียล มากัลเญส และ มาร์ควินญอส ที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ทำให้เชซุสปรับตัวกับสไตล์การเล่นของทีมได้อย่างรวดเร็วโดยในตอนนี้เขาลงเล่นในลีกให้อาร์เซน่อลไป 9 นัด ยิงได้ 5 ประตู 3.ตัวสำรองที่ทดแทนกันได้ในฤดูกาลก่อน อาการบาดเจ็บของแบ็คซ้ายอย่าง คีแรนส์ เทียร์นี่ ส่งผลต่อรูปเกมอย่างมาก เพราะตัวสำรองอย่าง นูโน่ ตาวาเรส เกมรุกก็ไม่ถึงกับดีมาก และเกมรับเรียกได้ว่าแย่สุดๆ แต่ในฤดูกาลนี้มี โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เข้ามาเป็นตัวหลักอีกหนึ่งคน และการกลับมาของ วิลเลียม ซาลิบา ยังช่วยให้ตัวเลือกในแนวรับมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้อาร์เตต้าตัดสินใจส่ง เบน ไวท์ เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาและให้ซาลิบาเล่นตัวกลางแทน นั่นทำให้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กลายเป็นตัวเลือกของแบ็คซ้ายเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งเพราะไม่ต้องลงเล่นด้านขวาเป็นหลักแล้ว ในหลายๆครั้งเรามักจะเห็นอาร์เตต้าเล่นหลัง 5 คน โดนหุบโทมิยาสุเข้ามาเป็นเซนเตอร์อีกตัวหนึ่ง ทางด้านขวานอกจากไวท์แล้วโทมิยาสุก็ยังคงพร้อมลงแทนอยู่ตลอดเวลา หรือในกรณีที่แย่กว่านั้น เซดริก ซัวอาเรส ก็ยังพร้อมรบอยู่เสมอ ถึงแม้เกมรับจะไม่ค่อยดีแต่ก็มีเกมรุกที่พอไว้ใจได้ ในด้านการทำเกมรุกก็มี ฟาบิโอ วิเอร่า ที่พร้อมจะหมุนเวียนกับ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้ตลอดเวลา4.มิติเกมรุกที่เพิ่มมากขึ้นของ กรานิต ชาก้าในตัวของกรานิต ชาก้า หรือฉายาที่แฟนปืนเรียกกัน "มาเฟียสวิต" เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากคนที่แฟนบอลรังเกียจ ขู่ฆ่า อยากไล่ให้ออกจากทีม สู่ส่วนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ ไม่ใช่แค่ฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น หรือการเข้าบอลโฉ่งฉ่างน้อยลง แต่บทบาทกับเกมรุกของเขามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเมื่อก่อนบทบาทในเกมรุกของเขาจะมีแค่การคุมจังหวะเกม การจ่ายบอลยาว การยิงไกลจากแถวสอง การเตะมุม การเตะฟรีคิก แต่ในตอนนี้ที่เพิ่มขึ้นมามันคือการเติมสูงสอดเข้าไปช่วยทำเกมในกรอบเขตโทษ อย่างล่าสุดที่เขาเข้าไปยิงประตูในเขตโทษ ตอกฝาโลงใส่สเปอร์สเป็นประตูชัยดับคู่อริร่วมเมือง หรือในจังหวะที่ทีมได้จุดโทษจากลิเวอร์พูลเขาก็เข้ามามีส่วนร่วมให้เกมรุกจังหวะนั้นเช่นกัน คล้ายกับที่ อาร์แซน เวนเกอร์ เคยใช้กองกลางพลังงานสูงอย่าง แอรอน แรมซีย์ แต่ของชาก้าจะดูแตกต่างออกไป เพราะเขาบาลานซ์เกมรับได้ดีและมี โทมัส ปาเตย์ คอยสนุบสนุนในเกมรับ ต่างกับแรมซีย์ที่เติมขึ้นบุกสูงมากแต่ไม่มีกองกลางตัวรับดีๆคอยสนุบสนุนอยู่ด้านหลัง5.อาร์เซน่อลที่เติบโตขึ้น เล่นปรับตามสถานการณ์ได้ดีขึ้น ฉลาดมากขึ้นนักเตะของอาร์เซน่อลเฉลี่ยแล้วพวกเขาอาจจะมีอายุที่น้อย แต่พวกเขาไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งอายุน้อยธรรมดา พวกเขาคือนักเตะอายุน้อยที่ลงเล่นด้วยกันในพรีเมียร์ลีกเป็นตัวหลักมาแล้วอย่างน้อย 1 ฤดูกาล พวกเขามีประสบการณ์ที่มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความตั้งใจเล่นและความมุ่งมั่นของพวกเขายังมีอยู่เต็มร้อยไม่ต่างจากปีก่อน พวกเขาเข้าใจแทคติก เชื่อฟังโค้ช ไม่ใช่แค่นักเตะที่โตขึ้น นายใหญ่อย่าง มิเกล อาร์เตต้า ก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน ในฤดูกาลนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อพวกเขาออกนำได้แล้ว พวกเขามีความเขี้ยวมากขึ้นในการเล่น โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมที่ทีมนำอยู่ พวกเขาถ่วงเวลาได้ดีขึ้น รู้จักผ่อนเกมมากขึ้น เกมรับในช่วงท้ายเกมของอาร์เซนอลตอนนี้ถ้าพวกเขานำอยู่มันจะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ยากที่จะเจาะได้ง่ายๆ พวกเขาพร้อมที่จะเล่นรับเต็มที่พร้อมกองหลัง 5 ตัวเสมอ หรือในรูปเกมที่พวกเขานำอยู่แล้วโดนตีเสมอก็ไม่ได้สมาธิเสียจนเลอะเทอะ พวกเขายังคงก้มหน้าก้มตาเล่นฟุตบอลตามแผนต่อไป พวกเขามีการขึงเกมดีขึ้น ไม่ใช่แค่เน้นฉาบฉวยอย่างเดียว เกมสวนกลับที่ดีขึ้นจากการเข้ามาของเชซุสที่ผสานกับซาก้าและมาติเนลลี่ได้ดี มิติในเกมรุกของพวกเขามากขึ้น เกมรับในตอนที่ควรรับก็ดีขึ้น การตัดสินใจการตัดเกมการเล่นถ่วงเวลาของพวกเขาดีมากขึ้นกว่าฤดูกาลก่อนอย่างมาก ฤดูกาลก่อนเราจะเห็นได้ชัดในหลายแมตช์ที่พวกเขานำอยู่แต่ก็ยังบ้าบุกจนพลาดโดนตีเสมอได้ พอโดนตีเสมอก็หัวเสียเล่นเละเทะ แต่ฤดูกาลนี้ไม่ใช่แบบนั้น มีการถ่วงเวลาท้ายเกมมากขึ้น มีการส่งตัวรุกออกเพิ่มตัวรับเข้ามาเพื่ออุดท้ายเกม หรือจะสรุปง่ายๆก็คือ "พวกเขาฉลาดมากขึ้นในการเล่นฟุตบอลเพื่อชัยชนะ" สุดท้ายนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้อาร์เซน่อลทำผลงานดีต่อไปได้อีกนานๆนะครับ อย่างน้อยๆก็ควรติด TOP4 หรือได้ถ้วยมาชูบ้างสักถ้วยก็ยิ่งดี ทั้งหมดที่เขียนมานี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผมคิดวิเคราะห์ออกมาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถชี้วัดว่าเป็นความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ได้ สวัสดีและขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ครับ ขอบคุณมากครับ เครดิตรูปภาพภาพปก โดย : Arsenal ( ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 )ภาพที่ 1 โดย : Premier Leagueภาพที่ 2 โดย : Arsenalภาพที่ 3 โดย : Arsenalภาพที่ 4 โดย : Arsenalภาพที่ 5 โดย : Arsenalภาพที่ 6 โดย : ArsenalCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์