ปัญหาในเรื่องของกองหลังที่เกิดกับ ลิเวอร์พูล มาตลอดหลายปีถูกจัดการได้อย่างรวดเร็วทันทีที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรอที่จะเซ็นสัญญากับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มาจาก เซาแธมป์ตัน ซึ่งหลังจากนั้นปราการหลังชาวดัตช์ก็กลายเป็นหัวใจที่ทีมขาดไปไม่ได้เลย แต่ในช่วงระยะหลังโดยเฉพาะการที่โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลในยุโรปจะหยุดชะงักลงไปเพราะโรค โควิด-19 อาการ “หลังรั่ว” กลับกำเริบมาอย่างเห็นได้ชัดโดยทีมหงส์แดงเสียไปถึง 7 ประตู จาก 10 นัดหลังสุด รวมกันทั้งในพรีเมียร์ลีกและ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะในนัดที่โดนทีมอย่าง วัตฟอร์ด ถล่มไปแบบสมดสภาพ 3-0 ซึ่งความจริงแล้วใครดูนัดนี้จะรู้ว่าความจริงสกอร์ควรจะห่างมากกว่านี้ด้วยซ้ำ หลายคนเริ่มจับตามองไปที่ ฟาน ไดจ์ค เป็นพิเศษเนื่องจากดูเหมือนว่าระยะหลังกองหลังรายนี้จะลดประสิทธิภาพในการดูแลแผงเกมรับให้กับทีมลงไปถึงแม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่า “ฟอร์มตก” แต่ก็ปฏิเสธไม่ดีว่าดีเหมือนเดิม ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้เป็นแบบนั้นคือที่สภาพร่างกายของ ฟาน ไดจ์ค ที่ลดความสดลงไปหลังจากที่เป็นผู้เล่นที่ถูกส่งลงสนามอย่างต่อเนื่อง อาจเรียกว่าเป็นคนเดียวในทีมที่แทบจะไม่เคยได้หยุดพักเลย ในขณะที่คู่หูนั้นเปลี่ยนหน้าไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ว่าจะเป็น โจ โกมเซ , เดยัน ลอฟเรน และ โจเอล มาติป ในช่วงหลัง โกเมซ ดูจะเป็นคนที่ได้โอกาสเล่นกับกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์มากที่สุดแต่ว่าอดีตเด็กปั้นของ ชาร์ลตัน แอธเลติก ก็ยังคงมีปัญหาในการรักษาฟอร์มการเล่นให้ดีได้อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ เดยัน ลอฟเรน ใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรองหลังจากที่ คล็อปป์ กล่อมให้อยู่กับทีมต่อได้สำเร็จแต่กองหลังโครเอเชียก็เป็นผู้เล่นที่ก่อความผิดพลาดง่าย ๆ แบบคาดไม่ถึงอยู่เป็นประจำอย่างในนัดที่แพ้ วัตฟอร์ด ก็มีการเปิดเผยแผนการของทีมเจ้าบ้านออกมาว่ามุ่งโจมตีไปที่ ลอฟเรน นี่เองซี่งก็ได้ผลเสียด้วย ส่วนทางด้านของ โจเอล มาติป ที่เพิ่งจะต่อสัญญากับทีมไปได้ไม่นานความจริงแล้วเป็นกองหลังที่มีคุรภาพสูง โดยเฉพาะทางบอลดีมาก เป็นนักเตะที่จะว่ไาปแล้วสไตล์การเล่นคล้ายกับ ฟาน ไดจ์ค และเคยจับคู่กันได้ดีในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บระยะยาวดูเหมือนว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายนี้จะยังเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาไม่ได้เลย แต่ทั้งนี้ก็คาดว่าการซื้อกองหลังตัวใหม่ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในตลาดนักเตะรอบต่อไปโดยเชื่อว่า คล็อปป์ ยังคงพอใจกับการที่มี ฟาน ไดจ์ค,โกเมซ และ มาติป อยู่ในทีมยกเว้นแต่จะมีการปล่อย ลอฟเรน ออกไปตามความต้องการเดิมของเจ้าตัว อย่างไรก็ตามกองหลังที่จะเข้ามาแทน ลอฟเรน นั้นคงจะไม่ใช่ คาลิดู คูลิบาลี่ ที่อยู่ ๆ เพิ่งจะมีข่าวออกมาว่าทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกกลายเป็นเต็ง 1 ที่จะได้ตัวมาร่วมทีม เพราะดูทั้งเรื่องของอายุ (28 ปี) และค่าตัวที่ไม่ต่ำว่า 75 ล้านปอนด์ แล้วกุนซือชาวเยอรมันน่าจะหาตัวเลือกอื่นมากกว่า ขอบคุณภาพประกอบจาก : ภาพปก / รูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 /รูปประกอบที่ 3