รีเซต
ทีมแตก-ชีวิตนักกีฬาพัง ? : เหตุใดความพ่ายแพ้ในนัดชิงจึงส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด | Main Stand

ทีมแตก-ชีวิตนักกีฬาพัง ? : เหตุใดความพ่ายแพ้ในนัดชิงจึงส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด | Main Stand

ทีมแตก-ชีวิตนักกีฬาพัง ? : เหตุใดความพ่ายแพ้ในนัดชิงจึงส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด | Main Stand
เมนสแตนด์
30 พฤษภาคม 2564 ( 22:30 )
216

นักกีฬาทุกคนล้วนใฝ่ฝันที่จะเป็นอันดับ 1 แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องแบบรับความเสี่ยงมหาศาล ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 

 


โดยเฉพาะเมื่อคุณอุตส่าห์ฝ่าฟันความยากลำบากมาถึงเกมชี้ชะตาแล้ว เหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็ประสบความสำเร็จ แต่กลับไม่สามารถเอาชนะคู่แข่ง จนได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสจากความพ่ายแพ้

สิ่งที่น่าสนใจคือ มีทีมกีฬามากมายทั่วโลก ที่ไม่สามารถก้าวผ่านความล้มเหลวจากการแพ้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ จากที่รวมกลุ่มผู้เล่นชั้นดีเข้าข่ายลุ้นแชมป์ พวกเขากลับสูญเสียความแข็งแกร่ง และไม่สามารถกลับมาท้าชิงบัลลังก์ได้ในปีถัดมา หรือหลายปีหลังจากนั้น

ไม่เพียงเท่านั้น การแพ้ในนัดชิง ก็ส่งเอฟเฟกต์ไปถึงเหล่าผูู้เล่นโดยตรง บางคนมูฟออนเปลี่ยนความผิดหวังเป็นแรงผลักดันไปสู่การทวงคืนความสำเร็จ แต่หลายต้องจมกับความผิดหวัง จนก้าวข้ามมันไม่ได้ 

ในเกมที่มีผู้ชนะได้แค่ทีมเดียว ทำไมความพ่ายแพ้แค่หนึ่งนัดส่งผลกระทบต่อ สโมสรและนักกีฬาอาชีพมากขนาดนี้ ? 

 

เจ็บปวดเกินก้าวผ่าน

เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายทีมล้มเหลวในเกมนัดชิงชนะเลิศ และไม่สามารถกลับมาได้ คือขุมกำลังชุดนั้น ไม่สามารถลืมความเจ็บปวด จากการพ่ายแพ้ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล

ยิ่งแพ้ในรอบลึกมากเท่าไหร่ ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวงการกีฬา โดยไม่ต้องใช้ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์มาเป็นข้อยืนยัน เพราะยิ่งทีมมีความหวังจะเป็นแชมป์มากเท่าไหร่ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ความผิดหวังยิ่งย้อนกลับมามากเท่านั้น 

สิ่งหนึ่งที่งานวิจัยบอกได้คือ มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีสภาพจิตใจแข็งแรง เราจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดหวัง อับอายต่อคนรอบข้างได้ดีเสมอ กลายเป็นบาดแผลในจิตใจที่ยากจะลืมเลือน ซึ่งสำหรับนักกีฬาคือการไม่ได้คว้าแชมป์ จากการแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ

บาดแผลทางจิตใจที่มาจากความล้มเหลว ส่งผลอย่างมากต่อชีวิตนักกีฬา (รวมถึงคนทั่วไป) เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหยุดคิด หรือรู้สึกผิด กับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น จนสุดท้ายก็เข้ามาลดประสิทธิภาพ ผลงานการแข่งขันในสนาม

หากจะหาใครสักคนมาบอกเล่าความเจ็บปวด จากการพ่ายแพ้นัดชิงชนะเลิศได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้น ทอม เบรดี สุดยอดควอเตอร์แบ็คตลอดกาลของกีฬาอเมริกันฟุตบอล ที่ครั้งหนึ่งเขาเกือบจะสร้าง "เพอร์เฟกต์ซีซั่น" ไม่แพ้ทีมใดตลอดทั้งฤดูกาล พร้อมกับทีม นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ จากฤดูกาล 2007 ซึ่งกำลังจะได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมที่ดีสุดในประวัติศาสตร์

ทว่า เพเทรียตส์ แพ้แบบช็อคโลก ในการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 42 ให้กับ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ความฝันของเบรดี ที่จะประสบความสำเร็จ ในฐานะทีมที่แข็งแกร่งสุดตลอดกาลของ NFL ล่มสลายไปกับตา

"ทุกครั้งที่แพ้ คุณจะจดจำไปตลอด ไม่มีวันลืม คุณจะจำความรู้สึกพวกนั้นได้หมด เพราะมันเพิ่งเกิดเมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง และจะอยู่กับคุณไปตลอด รู้ไหมผมไม่เคยลืมความรู้สึกที่ผมแพ้ ซูเปอร์โบวล์ ครั้งแรก เมื่อฤดูกาล 2007 ได้เลย"

"เมื่อคุณเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ คุณจะรู้ว่าคุณพยายามทำทุกทางเพื่อมายืนในจุดนี้ สุดท้ายเมื่อคุณแพ้ คุณจะรู้ว่าคุณทำได้ดีไม่พอ เก่งไม่พอที่จะเป็นแชมป์ คุณจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิต และผมเชื่อว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวผ่านมันได้"

"ถ้าคุณชนะซูเปอร์โบวล์ มันคือความสำเร็จที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ถ้าคุณแพ้ มันคือแผลที่ฝังอยู่ในตัวคุณไปจนวันตาย" ทอม เบรดี กล่าว


Photo : patriotsgab.com

สุดท้ายทีมที่ได้ชื่อว่าดีสุดตลอดกาลที่ไม่ได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ อย่าง นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ 2007 ก็ล่มสลายลง กว่าทัพนักรบกู้ชาติ และ ทอม เบรดี จะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง ต้องรอถึง 7 ปีหลังจากนั้น เรียกว่าเปลี่ยนเป็นอีกยุคหนึ่งของผู้เล่นทีเดียว

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นไม่นานนัก คือ ความล้มเหลวของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ กับการเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทัพไก่เดือยทอง เข้าสู่เกมนัดชิงที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะมาถึง ทุกคนตั้งความหวังที่จะเป็นแชมป์

สุดท้ายสเปอร์ส โดน ลิเวอร์พูล คู่แข่งเพื่อนร่วมชาติในเกมวันนั้น ต้อนแบบหมดท่า ในเวลาต่อมา เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ผู้จัดการทีมของท็อตแนมชุดดังกล่าว ออกมายอมรับว่า เขาไม่เคยทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้เลย

"เมื่อมองย้อนกลับไป ผมโคตรผิดหวัง ผมไม่สามารถหยุดความรู้แย่ ๆ หรือหยุดที่จะร้องไห้ได้เลย" โปเช็ตติโน กล่าว

สุดท้าย สเปอร์สของกุนซือชาวอาร์เจนตินารายนี้ ไม่สามารถก้าวข้ามความผิดหวังที่เกิดขึ้นได้ พวกเขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง จนนำมาสู่การปลดโปเช็ตติโนออกจากตำแหน่ง ปิดฉากยุคสมัยของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ชุดเกือบเป็นแชมป์ยุโรปในที่สุด 

หากยึดติดอยู่กับอดีต ก็ไม่มีวันเห็นอนาคต ความล้มเหลวทำให้ทีมกีฬาจำนวนมากติดกับดักนี้ จนพวกเขาไม่สามารกลับมา นำมาซึ่งการสิ้นสุดยุคสมัย จบลงด้วยการจากลา และคราบน้ำตา

หรืออย่างในรายของ ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูที่ได้รับความไว้วางใจจาก เยอร์เกน คล็อปป์ ให้ลงเฝ้า ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 แต่เจ้าตัวกลับก่อความผิดพลาดแบบไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดของเขาพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด 1-3 

คาริอุส ถูกโจมตีอย่างหนักในฐานะต้นเหตุที่ทำให้ทีมแพ้ จากคนเก่ง มีความสามารถ ถึงขนาดได้เป็นมือ 1 หงส์แดง แปรเปลี่ยนชั่วข้ามคืนกลายเป็นนักฟุตบอลที่สูญเสียความมั่นใจ ไม่สามารถเล่นเกมระดับสูงได้อีกต่อไป จนต้องถูกส่งตัวไปให้ เบซิคตัส และ ยูนิโอน เบอร์ลิน ยืมใช้งาน 

แต่เชื่อหรือไม่ว่าทั้งสองสโมสร ต่างยกเลิกสัญญากับ คาริอุส ก่อนกำหนด เนื่องจากมองว่า มือโกล์ชาวเยอรมัน ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมหรือทำผลงานได้คุ่มค่ามากพอ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลย มันเป็นบาดแผลในใจจากนัดชิง UCL 2018 ที่ฝังลึกจนทำให้ชีวิตการค้าแข้ง ลอริส คาริอุส แทบพังทลาย 

 

ดีไม่พอ ก็แยกย้าย

การแพ้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ คือ ความเจ็บปวดเกินเยียวยา แต่หากจะหาข้อดีสักนิด จากความล้มเหลวที่เกิดขึ้น คือการบอกให้นักกีฬา หรือโค้ช หลายคนได้รู้ว่า เราไม่ได้แชมป์เพราะดีไม่พอ 

นักเตะหลายคนเมื่อพ่ายแพ้นัดชิงชนะเลิศ แทนที่จะเลือกสู้กับทีมต่อปีหน้า เพื่อกลับมาล้างแค้นล่าความสำเร็จ พวกเขาขอแยกย้ายไปหาทีมใหม่ที่ใหม่ที่พร้อมกับการล่าแชมป์ดีกว่า

กลับมาที่ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ปี 2019 อีกครั้ง เพราะนอกจากความเจ็บปวดเกินเยียวยา จนทำให้ทัพไก่เดือยทองไปต่อไม่ได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ได้เปิดเผยว่านักเตะหลายคนในทีม ก็ไม่อยากจะรอคอยการสร้างทีมใหม่ เพื่อกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง

"การจะรักษามาตรฐานของทีม รวมถึงพัฒนาทีมต่อ กลายเป็นงานยากสำหรับผม มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้นักเตะทุกคนยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงทีมหลังความพ่ายแพ้ เพื่อกลับมาเริ่มต้นสร้างทีมกันใหม่อีกครั้ง" อดีตกุนซือชาวของสเปอร์ส กล่าว

ชีวิตนักกีฬามีระยะสั้นนิดเดียว ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะนั่งรอคอยการสร้างทีมใหม่ 2-3 ปี เพื่อกลับมาลุ้นแชมป์ สุดท้ายถ้าเลือกได้ ใคร ๆ ก็อยากจะคว้าแชมป์ให้เร็วที่สุด

ยกตัวอย่างของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หลังจากเป็นกำลังหลักพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังจากเยอรมันเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2013 แต่พ่ายแพ้ให้กับสโมสรเบอร์หนึ่งของเมืองเบียร์ อย่าง บาเยิร์น มิวนิค 

เจ้าตัวเลือกชิ่งจากต้นสังกัดเดิม ไปอยู่บาเยิร์น ในปี 2014 ชนิดที่เรียกว่า ขนาดดอร์ทมุนด์ทุ่มค่าเหนื่อยก้อนโตเพื่อหวังรั้งเขาไว้ ก็ไม่สำเร็จ เพราะเลวานดอฟสกี ขอย้ายไปเป็นแชมป์กับทัพเสือใต้ ดีกว่าอดอยากความสำเร็จกับทีมเสือเหลือง

ไม่ใช่แค่เลวานดอฟสกี ที่ออกจากทีมชุดนั้น เพราะในเวลาไล่เลี่ยกัน มัตส์ ฮุมเมิลส์, อิลคาย กุนโดกัน, มาริโอ เกิตเซ ก็ย้ายออกจากทีมกันถ้วนหน้า ก่อนที่ทุกคนจะสมหวังเป็นแชมป์ลีกดังใจต้องการ ซึ่งเลวานดอฟสกี สามารถลบแผลในใจได้อย่างสมบูรณ์ กับการคว้าแชมป์ยุโรปได้อีกด้วย

ขณะที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นับตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ไม่สามารถกลับไปเป็นแชมป์รายการใหญ่ อย่างการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้อีกเลย

มุมหนึ่งคนอาจคิดว่า เพราะพวกนักเตะเลือกทิ้งทีมไป หลังจากความพ่ายแพ้ ในเกมนัดชิงชนะเลิศยูซีแอล แต่สุดท้ายคงต้องกลับมามองว่า หากดอร์ทมุนด์ชนะเกมวันนั้น พวกเขาสามารถสถาปนาตัวเอง ขึ้นมาเป็นทีมเบอร์หนึ่ง ของเยอรมัน เทียบเท่ากับบาเยิร์น รั้งนักเตะได้ต่อไป และสร้างแรงจูงใจต่อการพัฒนาทีมในระยะยาว

แต่ความเป็นจริง บาเยิร์นคือผู้ชนะ ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่ง และในมุมของนักกีฬา ถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากเป็นเบอร์สอง สุดท้ายเหล่านักเตะของดอร์ทมุนด์รู้ดีว่า ทีมของพวกเขายังดีไม่พอที่จะเป็นแชมป์ จึงจำใจจาก ต้องแยกย้ายกันไปหาความสำเร็จ กับทีมอื่น

 

กลับมาได้ ถ้าดีพอ

ไม่มีใคร ไม่เคยเจอกับความล้มเหลว ดังนั้นสิ่งที่อยู่ปลายทางของเรื่องราวทั้งหมดคือ พวกคุณแน่พอหรือเปล่า ที่จะกลับมาจนประสบความสำเร็จ เหมือนกับทองแท้ที่ไม่แพ้ไฟ

หนึ่งในทีมที่พิสูจน์ตัวเองอย่างน่าชื่นชม คือ ลิเวอร์พูล พวกเขาต้องเจอความพ่ายแพ้ที่น่าเจ็บปวดใจ จากการพ่ายเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2018 ด้วยความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้ เรอัล มาดริด คู่แข่งจากสเปนกลายเป็นแชมป์ ทัพหงส์แดงกลับบ้านพร้อมคราบน้ำตา ทั้งที่รอคอยการเข้าชิงมานานถึง 11 ปี

แต่แทนที่จะจมกับความผิดหวัง หรือทีมแตกกระเซ็น เยอร์เกน คล็อปป์ และเหล่าแข้งหงส์แดง เลือกรวมพลังกันสู้ต่อ จนสามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลถัดมา และต่อยอดจากจุดนี้ ก้าวไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรก ในรอบ 30 ปีได้อีกด้วย

"ความพ่ายแพ้ครั้งนั้น สอนบทเรียนให้กับเรา นั่นคือต้องลุกให้ไวที่สุด อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่กับเรื่องในอดีต คุณต้องก้าวผ่านมันให้ได้ กลับมาสู้กันใหม่ มองหาสิ่งที่จะทำให้เราได้เดินหน้าต่อ"

"อดีตคือสิ่งที่เราเปลี่ยนไม่ได้ คุณต้องปรับมันเป็นประสบการณ์ และมองต่อไปข้างหน้า ผมคิดว่าพวกเราทุกคนในทีมคิดแบบนี้ และแปรเปลี่ยนเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม" จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล เล่าถึงเคล็ดลับความสำเร็จที่ทัพหงส์แดง ก้าวข้ามความผิดหวัง กลายเป็นทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่งทีมหนึ่งในปัจจุบัน

อีกคนหนึ่งที่มีวิธีรับมือกับความพ่ายแพ้ได้อย่างยอดเยี่ยม คือ เพย์ตัน แมนนิง ควอเตอร์แบ็คระดับตำนานของ NFL ที่ใช้วิธียอมรับความจริง ในการต่อสู้กับความเจ็บปวดของการแพ้ในเกมรอบชิงชนะเลิศ

เพย์ตัน แมนนิง พาทีม เดนเวอร์ บรองโกส์ ไปโดน ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส์ ถล่มยับในซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 48 ปี 2013 ด้วยสกอร์ 8 ต่อ 43 แต่ในอีกสองปีถัดมา แมนนิงกับบรองโกส์ สามารถลบฝันร้ายที่เจ็บปวด ด้วยการพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 ได้สำเร็จ

หลังจากคว้าแชมป์ เพย์ตัน แมนนิง พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าคุณรับความจริงได้ว่า ทีมของเรายังดีไม่พอที่จะเป็นแชมป์ ก็จะมีแรงฮึดกลับมา พัฒนาตัวเอง ก้าวมาเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง

สุดท้ายแล้ว ทุกทีมกีฬาบนโลกต้องเจอกับความล้มเหลว ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง การแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ หรือการตกชั้น ทั้งหมดล้วนเป็นความเจ็บปวดที่กีฬามอบให้ ตามแต่โชคชะตาจะเผชิญ 

แต่สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับนักกีฬาของแต่ละทีมว่าพวกเขาจะก้าวข้ามผ่านมันได้หรือไม่ บางคนทำได้ บางรายพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ หลายคนก็เลือกย้ายทีม เพื่อหนีบรรยากาศความล้มเหลว ไปหาโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่า แล้วแต่คนจะเลือก

ไม่ว่าจะก้าวข้ามความล้มเหลวกับมาเป็นแชมป์ หรือทีมแตกไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือเสน่ห์ของกีฬา ไม่มีทีมไหนจะแข็งแกร่งค้ำฟ้าไปตลอด หรือล้มเหลวตลอดไป 

เหมือนกับชีวิตของมนุษย์ บางทีเราอาจต้องพบกับความผิดหวังครั้งใหญ่ที่เข้ามาอย่างไม่ทั้งตั้งตัว บางคนรับมือกับมันไม่ได้ แต่หลายคนก็ก้าวข้ามมูฟออนผ่านความผิดหวังไปได้  เพราะเขาเชื่อว่า ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตเสมอไป ตราบใดที่เรายังสู้ต่อ เราเองสามารถยกโทษ ให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  

"เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ" 

 

แหล่งอ้างอิง

https://blogs.usafootball.com/blog/1398/5-ways-to-motivate-a-team-after-a-loss
https://profootballtalk.nbcsports.com/2019/01/28/tom-brady-losing-the-super-bowl-leaves-mental-scar/
https://www.goal.com/en/news/pochettino-i-couldnt-stop-crying-after-champions-league/29edqc2ps3ki1b12e8ahykz94
https://www.goal.com/en-ie/news/3924/germany/2013/09/25/4287969/dortmund-blunders-leave-lewandowski-with-no-choice
https://www.liverpoolfc.com/news/first-team/351295-jordan-henderson-champions-league-final-big-interview#
https://www.espn.com/nfl/playoffs/2013/story/_/id/10395376/super-bowl-xlviii-peyton-manning-says-embarrassing-insulting-word
https://bleacherreport.com/articles/2819169-tom-brady-says-winning-super-bowl-53-doesnt-change-desire-to-keep-playing

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> สงครามเศรษฐี : เปรียบเทียบมูลค่าสองสโมสร คู่ชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020-21 | Main Stand

>> จากแชมป์ลีกสู่ทีมแตก ? : เกิดอะไรขึ้นกับ "อินเตอร์" แชมป์เซเรียอา และหนี้ 600 ล้านยูโร | Main Stand

 

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้