รีเซต
TRUE TALK : เมื่อ "แฟนบอล" มอง "นักเตะ - โค้ช" ชุดเอเชียนเกมส์ เป็นที่ระบายอารมณ์ ? ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : เมื่อ "แฟนบอล" มอง "นักเตะ - โค้ช" ชุดเอเชียนเกมส์ เป็นที่ระบายอารมณ์ ? ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : เมื่อ "แฟนบอล" มอง "นักเตะ - โค้ช" ชุดเอเชียนเกมส์ เป็นที่ระบายอารมณ์ ? ... by "พี่หมอเอก"
kentnitipong
25 สิงหาคม 2561 ( 13:45 )
2.4K

จบลงไปแล้วอย่างรวดเร็วสำหรับฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ทีมชาติไทย ที่ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านเพียงแค่รอบแรกของการแข่งขันเท่านั้นจากเมื่อสี่ปีที่แล้วโค้ชซิโก้สามารถพาทีมนักเตะของเราไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ในขณะเดียวกันที่ครั้งนี้ทีมจากเพื่อนบ้านของเราอย่าง มาเลเซีย สามารถเอาชนะ เกาหลีใต้ ได้ หรือแม้แต่ เวียดนาม ก็จัดการเอาชนะ ญี่ปุ่น ได้ (แถมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเหรียญต่อ)

เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับฟุตบอลทีมชาติไทย ? เราพัฒนาถูกทางแล้วจริงหรือ ?

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับฟุตบอลไทยกันแน่ เรากำลังพัฒนา กำลังย่ำอยู่กับที่ หรือกำลังก้าวถอยหลังกันแน่

เมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่หวัง แฟนบอลจำนวนมากจึงส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลกันอย่างเมามัน ด่ากราดทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับทีมชาติกันอย่างเมามันโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงที่มาที่ไป และต้นตอที่แท้จริงของปัญหาด้วยปัญญาที่ปราศจากอารมณ์

ในวันนี้ผมคงไม่ได้มาเขียนวิเคราะห์สาเหตุหรือเจาะลึกปัญหาที่ทำให้บอลไทยเราตกรอบแรกเอเชียนเกมส์นะครับ แค่อยากจะชวนทุกคนมาขยับเปลี่ยนมุมมองกันดูบ้าง

ผมอยากจะชวนให้มาดูข้อมูลที่น่าสนใจของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกยอดนิยมของชาวไทยกันดูนะครับ เป็นข้อมูลที่มีการเก็บมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบตามกระบวนการวิจัยตั้งแต่ปี 2005 ถึงปี 2014 เพื่อศึกษาประเมินสภาพร่างกายของนักฟุตบอลที่ลงทำการแข่งขันในช่วงเวลานั้น ทำให้ได้ผลการวิจัยที่น่าจะเป็นข้อสรุปในเชิงวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี มีผลสรุปที่ผมจะย่อมาเพื่อให้ดูง่าย คือ ระยะทางการวิ่งรวมเฉลี่ย ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในแต่ละฤดูกาล คงอยู่ที่ประมาณ 10-13 กิโลเมตรต่อเกม

ระยะทางที่ต้องวิ่งเร็วแบบสปรินท์ และจำนวนครั้งของการสปรินท์ต่อเกมสูงขึ้นถึง 30%
การผ่านบอลมีจำนวนครั้งการผ่านบอลสูงขึ้น 40% และเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลสำเร็จมีสูงขึ้น 68%

แสดงว่าเกมฟุตบอลมีพัฒนาการไปสู่รูปแบบที่มีจังหวะของเกมที่เร็วขึ้นพร้อมกับการผ่านบอลที่มากขึ้น มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เห็นได้ง่ายๆ ว่าปัจจุบันนี้นักฟุตบอลที่โด่งดังขึ้นมาหลายๆ คนนั้นล้วนแต่เป็นนักฟุตบอลที่มีความแข็งแกร่งของร่างกาย มีความเร็วสูง ในขณะที่นักฟุตบอลชั้นเชิงลีลาแบบสมัยก่อนจะแจ้งเกิดขึ้นมาได้ยากขึ้นเนื่องจากรูปแบบของเกมฟุตบอลเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นเกมที่ต้องใช้พละกำลังมากขึ้น เร็วขึ้น เคลื่อนที่มากขึ้น

จะเห็นได้ชัดเจนมากจากฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่ทีมส่วนใหญ่เน้นการเล่นบีบพื้นที่แล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว เราจึงได้เห็นเกมฟุตบอลที่สนุกสูสีมากขึ้น

เมื่อย้อนมาดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลล่าสุด ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล หรือ สเปอร์ส ล้วนเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลสมัยใหม่ เน้นความรวดเร็ว การบีบพื้นที่ การเล่นเป็นทีม การต่อบอลที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ หากทีมเหล่านี้สามารถจัดการเรื่องหมุนเวียนผู้เล่นได้อย่างสมดุลจนตลอดฤดูกาลได้ การลุ้นแชมป์น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ หลังผ่านมาสองนัดหลังเปิดฤดูกาล ทีมเหล่านี้จึงมีผลงานที่ดีน่าประทับใจให้แฟนๆ ได้ลุ้นกันยาวๆ

พอเหลือบตามามองฟุตบอลไทยลีก ถ้าหากใครติดตามอย่างใกล้ชิดจะสังเกตได้ว่าพัฒนาการของลีกที่เคยเป็นเมื่อ 5-6 ปีก่อนจนถึงปัจจุบันนั้นพัฒนาค่อนข้างช้า เพราะหลายปีที่ผ่านมาฟุตบอลของเรายังซ้อม ยังเล่นเหมือนเดิมส่งผลให้การพัฒนาฝีเท้าของนักฟุตบอลส่วนใหญ่หยุดชะงัก

เมื่อมองมาที่ทีมชาติในยุคของ ซิโก้ ที่ทำผลงานได้ดีนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการมีเวลาเตรียมตัวซ้อมร่วมกันของบรรดานักเตะทีมชาติระยะหนึ่งก่อนทำการแข่งขันเพื่อปรับจูนรูปแบบ และวิธีการเล่นให้สามารถรับมือกับฟุตบอลระดับทวีปหรือระดับโลกได้

แต่สำหรับทีมชาติชุดเอเชียนเกมส์นั้น แม้พยายามวางแผนให้มีการเรียกตัวมาซ้อมมาอุ่นเครื่องอยู่ตลอด แต่ไม่เคยได้ตัวหลักมาซ้อมด้วยกันแบบพร้อมหน้าเลย แถมด้วยยังรวมตัวกันได้แค่ 3-4 วันก่อนเดินทางไปร่วมการแข่งขันเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะต้องพลาดท่าตกรอบแรกอย่างเจ็บช้ำ

แต่ในความพ่ายแพ้นั้น เราจะเห็นว่าทีมนี้เล่นบอลมีทรง มีรูปแบบ มีวิธีการเล่นในแบบฟุตบอลสมัยใหม่ ถึงแม้จะเรียกได้ว่าแทบไม่ได้ซ้อมร่วมทีมกันมาเลยก็ยังเล่นได้แบบมีลุ้น

ลองคิดดูว่าถ้าพวกเขามีเวลาซ้อมร่วมกันอย่างเต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนแข่ง ผลงานที่เป็นอาจจะดีกว่านี้อีกมากก็เป็นได้

ที่เราเชื่อกันว่าฟุตบอลลีกเราดี มีพัฒนาการที่ดีเยี่ยมนั้นผมอยากจะตั้งคำถามชวนคิดว่าเราดีจริงหรือ ที่บอกว่าดี ที่บอกว่ามีพัฒนาการนั้นมีใครลองวัดด้วยวิทยาศาสตร์บ้างไหม ใช่หรือไม่ที่รูปแบบ และวิธีการเล่นของฟุตบอลลีกเรายังพัฒนาช้ากว่าที่โลกพัฒนาไป ส่งผลให้นักฟุตบอลที่เล่นในลีกของเราไม่มีพัฒนาการ

เมื่อลีกไม่ได้ทำหน้าที่บ่มเพาะฝีเท้าของนักเตะแบบที่ควรจะเป็น
เมื่อลีกมีโปรแกรมเตะถี่ยิบจนส่งผลให้นักฟุตบอลเกิดอาการบาดเจ็บ
เมื่อลีกเตะกันจนถึงไม่กี่วันก่อนทีมชาติจะเดินทางไปแข่งที่ต่างประเทศ
เมื่อนักฟุตบอลไม่ได้ซ้อมกันเป็นทีมอย่างเต็มที่ก่อนแข่ง

…. ควรแล้วหรือที่แฟนบอลจะใช้นักฟุตบอลหรือโค้ชเป็นที่ระบายอารมณ์ของตน

ไม่ต่างอะไรกับการส่งกองทหารออกไปรบในต่างประเทศแบบไม่พร้อม กองทัพก็ต้องแบกความพ่ายแพ้กลับบ้านมา ควรแล้วหรือที่เราจะไปด่าทอซ้ำเติมความพ่ายแพ้ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดนั้น

ฟุตบอลปัจจุบันไม่ใช่แค่ซ้อมให้หนักแล้วลงไปเล่นในสนามเท่านั้น แต่ฟุตบอลปัจจุบันยังมีองค์ประกอบที่มากกว่านั้นโดยเฉพาะองค์ประกอบที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้น

ไม่ใช่เฉพาะแต่ฟุตบอลนะครับที่วิทยาศาสตร์สามารถเข้ามามีส่วนพัฒนาได้ กีฬาทุกชนิดล้วนมีการพัฒนาขึ้นจากข้อมูลทางวิชาการทั้งนั้น

แต่อย่างไรก็ดี ขึ้นชื่อว่ากีฬาก็ย่อมต้องมีแพ้ มีชนะบ้างเป็นธรรมดา… เมื่อเป็นผู้ชนะก็มีการให้เกียรติผู้แพ้ และไม่หลงในชัยชนะจนหยุดการพัฒนาตนเอง

เมื่อเป็นผู้แพ้ก็ยอมรับในความพ่ายแพ้และพัฒนาศักยภาพเพื่อกลับมาอย่างผู้ชนะ…

“พี่หมอเอก”

 

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้