บทความนี้ Chelsea บทพิสูจน์การบริหารของท็อดด์ โบห์ลี ผมเขียนด้วยตั้งใจ และหวังว่าผู้อ่านจะสนุกกับการอ่าน หากมีข้อความผิดพลาดประการใดหรือแนะนำการเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิม โปรดชี้แนวทางให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ "เริ่มอ่านไปด้วยกันน่ะครับ" ในมุมมองของผมนะครับ ผมคิดว่าฟุตบอล คือ ธุรกิจ หากผมจะกล่าวแบบนี้ก็คงไม่แปลกอะไร เพราะทุกวันนี้วงการกีฬาทุกอย่างคือธุรกิจ และผู้บริหารคือผู้ที่ชี้แนวทางในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าต้องเจออุปสรรคมากมาย ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมีการจัดการที่ดีจะสามารถรับมือกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ การลงทุนมีความเสี่ยง หากไม่มีความรู้จะไม่สามารถบริหารจัดการให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ฉะนั้นแล้วการจะทำธุรกิจใดๆ ควรศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะได้ไม่ลงทุนโดยสูญเปล่านะครับหรือว่า ท็อดด์ โบห์ลี นักธุรกิจที่ชอบความท้าทาย ผมมองว่า การเข้ามาของ ท็อดด์โบห์ลี ทำให้ทีมกีฬาอย่างเชลซีเปลี่ยนไป หลังจากที่เขาได้เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ของทีมเชลซี แทนที่ของ โรมัน อิบราฮิโมวิช เจ้าของทีมคนเก่าชาวรัสเซียที่โดนรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตรไปเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ท็อดด์ โบห์ลี เป็นหุ้นส่วนในสโมสรเบสบอลในลีก MLS อย่าง ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส ในปี 2013 ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะเข้ามาซื้อสโมสรเชลซี การซื้อสโมสรเชลซี ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยคือราวๆ 107,000 ล้านบาท (คิดอัตรา 1 ปอนด์เท่ากับ 42.8 บาท) ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยชอบในตัวของท็อดด์ โบห์ลีเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าจะทำให้สโมสรประความสำเร็จได้หรือเปล่าหรือเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ในทางธุรกิจกันแน่ จะเชื่อใจนักธุรกิจกลุ่มนี้ได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่ทราบ เพราะหากเข้ามาเพื่อธุรกิจมุ่งผลประโยชน์อย่างเดียว แฟนเชลซีอย่างผมก็เจ็บปวดใจสุดๆ เราเชียร์ด้วยความรัก แต่เขาหาผลประโยชน์จากสิ่งที่เรารัก เจ็บได้อีกและไม่รู้ต้องเจ็บไปอีกกี่ปีครับแฟนบอลเชลซีที่รอการพิสูจน์ของท็อดด์ โบห์ลี สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำทีมฟุตบอลสิ่งที่ยังอยู่ข้างๆคือแฟนบอล ไม่ว่าผู้บริหาร นักเตะ ใครจะเข้ามาหรือจะออกไป แฟนบอลก็พร้อมสนับสนุนทีมต่อไป แฟนบอลเชลซีมีความสุขอย่างมากในยุคเก่าของโรมัน อิบราฮิโมวิช เพราะเป็นเจ้าของที่นำพาสโมสรเชลซีประสบความสำเร็จมากที่สุดการคว้าแชมป์มากมาย การทุ่มเทในการซื้อนักเตะและการพัฒนาสโมสร แฟนบอลเชลซีอย่างผมมีความสุขในยุคนี้ ผู้บริหารที่คิดถึงสโมสร ใส่หัวใจลงไปในการบริหารเพื่อแฟนบอลที่เฝ้ารอความสำเร็จและมีความสุขไปกับแฟนบอลในวันที่สำเร็จ และหาทางฝ่าฟันอุปสรรคในวันที่สโมสรเจอปัญหาและมีแฟนบอลคอยหนุนหลัง แต่การเข้ามาของท็อดด์ โบห์ลี แฟนบอลต่างหวังว่าเขาจะเข้ามาเพื่อพาเชลซีไปข้างหน้าพัฒนาทีมจนเป็นแชมป์ สามารถสู้กับทีมระดับท็อปของลีกได้ แม้เจะเคยมีข่าวว่าท็อดด์ โบห์ลี เป็นแฟนคลับของทีมอริอย่างสเปอร์ แต่แฟนบอลก็พร้อมที่จะหนุนเขา หากเขาเข้ามาด้วยความตั้งใจ มีใจ มีเงินทุน และพร้อมทุ่มเทให้กับสโมสร แฟนบอลตั้งตารอให้เขาพาทีมไปสู่จุดสูงสุด ผมเองก็รอวันนั้นในเร็ววันขอต้อนรับสู่ พรีเมียร์ลีกนะ ท็อดด์ โบห์ลี ประโยคหนึ่งที่ผมคิดได้ ตอนที่ไม่มั่นใจในท็อดด์ โบห์ลี รวมกับผลงานที่ล้มเหลวทั้งในและนอกสนามของตัวเขา นั่นคือ “ขอต้อนรับสู่ พรีเมียร์ลีกนะ ท็อดด์ โบห์ลี” เมื่อวันเวลาผ่านไป ยุคของท็อดด์ โบห์ลี เริ่มขึ้น ยุคสมัยใหม่ของเชลซี กำลังจะเดินไปข้างหน้า แต่ความสงสัยก็เกิดขึ้นว่าเราจะไปต่อหรือถอยหลังลง เมื่อผลงานการบริหารงานของยุคสมัยใหม่ ไม่เป็นดั่งความของแฟนของบอล เมื่อเด็กใหม่วงการฟุตบอลยังมีความรู้ไม่มากพอ หลายคนและตัวผมอยากจะกล่าวคำนี้ “ขอต้อนรับสู่ พรีเมียร์ลีกนะ ท็อดด์ โบห์ลี” แม้จะเป็นนักธุรกิจแต่วงการธุรกิจแต่ละวงการ บริหารงานไม่เหมือนกัน ต้องเรียนรู้ต้องใจเย็นนะครับ ต้องอดทนให้มากไม่งั้นทีมพังแน่ครับ และสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคท็อดด์ โบห์ลี นะครับนั่นก็คือการจัดการบริหารภายในล่าช้า หัวหน้าใหม่มา ลูกน้องเก่าต้องไป โบหล์ได้ทำการจัดการปลดทีมงานเก่าทั้งมารีนา กรานอฟสกายา,ปีเตอร์ เช็ค และคนอื่นๆ ที่เป็นทีมงานเก่าออก แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะการนำคนใหม่เข้ามาในทีมนั้นล่าช้า ทำให้ส่งผลกระทบต่อตลาดนักเตะ ในเรื่องการเจรจาซื้อขาย ที่ชัดที่สุดคือการโดนปั่นราคาจากทีมไบร์ทตัน ในการซื้อขายมาร์ค คูคูเรย่า ที่เชลซีโดนปั่นราคาไปถึง 62 ล้านปอนด์ เป็นราคาที่แพงเกินจริง ยังรวมไปถึงการซื้อขายเอ็นโซ่ เฟอร์นันเดส และมิไคโล มูดริค ที่ราคาแพงเกินจริง นั่นก็เพราะตัวของท็อดด์ โบห์ลี นั่นขาดบารมีในการต่อรองทีมในการซื้อขายนักเตะ บารมีไม่ถึงเท่าเสี่ยหมี ขาดความน่าเกรงขามทำให้โดนโก่งราคาได้ง่ายๆ แม้ท็อดด์ โบห์ลี จะเป็นเจ้าบุญทุ่ม ใช้เงินซื้อนักเตะเป็นว่าเล่นกว่า 600 ล้านปอนด์ (25,800 ล้านบาท) แต่ผลงานกลับน่าผิดหวัง ยังไม่มีแชมป์ติดมือแม้แต่รายการเดียว และยังหล่นไปถึงอันดับ 12 เก็บได้เพียง 43 คะแนน น้อยที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ปี 1992 เลยทีเดียว เจ็บใจสุดๆไปเลยผมมองว่าที่สำคัญที่สุดคือการปลด โทมัส ทูเคิ่ล ผู้พาเชลซีกลายเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเจอออก ผมเศร้ามากเลยครับตอนเห็นข่าวนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเร็วขนาดนั้น แฟนบอลรักเขามากๆเป็นการสร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลอย่างมาก เพราะเป็นกุนซือชั้นนำของโลกและพาทีมเป็นแชมป์ยูฟ่า มาแล้ว ปลดโค้ชระดับโลกแล้วมาคว้าโค้ชทีมกลางตารางอย่าง เกรแฮม พอตเตอร์ โค้ชจากทีมไบร์ทตัน แฟนบอลยิ่งผิดหวังเข้าไปอีก เพราะแทนที่จะหาโค้ชในระดับเดียวกันมาแต่ไปคว้าโค้ชที่แฟนบอลรู้สึกถึงความสามารถในการเป็นโค้ชเขาว่าไม่เหมาะกับเชลซี แม้เขาจะทำไบร์ทตันได้ดี แต่นี่คือ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมที่ผู้เล่นชั้นนำมากมาย การบริหารในห้องแต่งตัวของเขายากเป็นสองเท่า และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แพ้แล้ว แพ้อีก แพ้อยู่ แพ้ต่อ คงใช้ได้กับเชลซีในยุคของพอตเตอร์ แฟนบอลแทนที่จะไม่ต้องลุ้นเมื่อเจอทีมท้ายตาราง แต่ต้องเหนื่อยทุกเกมที่ทีมแข่ง เพราะทีมพร้อมที่จะแพ้ใครก็ได้ แฟนบอลอย่างเราคงพูดว่า ช้ำแล้ว ช้ำอีก ช้ำอยู่ ช้ำต่อ สุดท้ายก็ต้องปลด เกรแฮม พอตเตอร์ออกไป เพราะไปต่อไม่ไหวจริงๆกับเชลซี และท็อดด์ โบห์ลีก็หัน ไปคว้าแฟรงค์ แลมพาร์ดมาเป็นกุนซือขัดตาทัพ ก็แพ้อีก แต่โชคดีที่ไม่ต้องตกชั้น ทีมไม่ได้ดูดีขึ้นเลยไม่ว่าจะยุคพอตเตอร์หรือแลมพาร์ด ปิดซีซั่นด้วยความผิดหวังทั้งนักเตะ แฟนบอล และตัวของท็อดด์ โบห์เองก็มีปัญหาหลายอย่างมากมาย ทั้งการเข้าไปต่อว่านักเตะถึงห้องแต่งตัว การโต้เถียงกับแฟนบอล การสัมภาษณ์ว่าควรเล่นโดยใช้ แผน 4-4-3 ขาดความรู้แต่พูดไม่หยุด ส่งผลให้ผู้บริหารต้องคิดทบทวนแล้วว่าต้องปรับแก้อย่างไรครับฤดูกาลแห่งการพิสูจน์ท็อดด์ โบห์ลี ผมมองว่านี่แหละที่ท็อดด์ โบห์ลี ต้องพิสูจน์ ฤดูกาลใหม่กำลังจะมา ท็อดด์ โบห์ลีต้องทำการบ้านอย่างหนักในการกู้ศรัทธาแฟนบอลคืนมา พาทีมไปข้างหน้า ทำทีมอย่างมีสติมากขึ้น ไม่ทุ่มงบซื้อเกินจริง การจัดการกับนักเตะที่หมดสัญญา และการเจรจาซื้อขายนักเตะ ต้องทำให้ดีขึ้นเพื่อพาทีมไปสู่ทีมชั้นนำของโลก และการเข้าของ เมาริซิโอ โปเชตติโน ได้เข้ามาผู้จัดการทีมชาวอาร์เจนตินาของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องมาดูกันว่า จะจัดการปัญหาที่อยู่ในทีมได้มากแค่ไหน แม้จะโละนักเตะออกไปเกือบครึ่งทีม แต่แฟนบอลก็พร้อมจะสนับสนุนทีมต่อไป มาดูกันว่า บทพิสูจน์ความเป็นนักบริหารของท็อดด์ โบห์ลีที่ชื่อว่า Chelsea เขาจะทำสำเร็จหรือไม่ จะพาทีมฟุตบอลให้เป็นทีมฟุตบอลจริงๆได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่ธุรกิจที่จ้องแต่หากำไร จนลืมใส่ใจ ใส่ความรัก และทุ่มเทให้กับมัน มาร่วมเชียร์ทีมรักเชลซีไปด้วยกันนะครับฝากกดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ด้วยครับผู้เขียน สายฟ้าสีดำเครดิตภาพปก ภาพต้นฉบับจาก Official : ภาพปกเครดิตภาพจาก ภาพที่ 1 จากภาพปก / ภาพที่ 2 จาก Transfer News Live / ภาพที่ 3 จาก Chelsea Addicts / ภาพที่ 4 จาก Chelsea Football Club / ภาพที่ 5 จาก Chelsea ThailandCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์