วิกฤตศรัทธาเบ่งบานเต็มโอลแทร็ฟฟอร์ด ต้องบอกเลยครับว่าถ้านัดนี้แมนยูยังเก็บชัยชนะไม่ได้อีก เก้าอี้ผจก.ของเอริค เทนฮาร์คคงปลิวกระเด็น แต่อย่างน้อยแมนยูก็ยังมีสถิติที่ดีในบอลนัดบ็อกซิ่งเดย์ครับ เพราะพวกเขาไม่เคยแพ้ใครเลยในการเตะวันเปิดกล่องของขวัญ วิลล่าก็วิลล่าเถอะ ต่อให้ชนะแมนซิตี้กับอาร์เซนอลได้ ก็ไม่ได้แปลว่าแมนยูจะเคี้ยวได้ง่ายๆซะที่ไหน มาครับ! เรามาคุยย้อนหลังถึงแมทซ์นี้กัน 1. เทน ฮาร์ค จัดตัวแบบใหม่ ไม่มีสก็อต แม็คทอมมิเนขึ้นรายชื่อผู้เล่นพร้อมตำแหน่งมา ผมพบว่ากันนาโช่ได้ถูกย้ายมาประจำตำแหน่งตัวรุกด้านขวาแทนแอนโทนีย์ ส่วนฝั่งซ้ายกลายเป็นตำแหน่งของมาคัส แรชฟอร์ด แล้วก็พบว่าครีสเตียน อิริคเซ่นได้กลับมายืนตรงกลางอีกครั้ง ส่วนแม็คทอมมิเนก็ต้องไปนั่งอยู่บนม้านั่งข้างสนามแทน หลังจากแฟนบอลต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นักเตะรายนี้เหมือนลงมาเป็นตัวแถมให้กับทีมซะมากกว่า ไม่ได้มีประโยชน์อันใด นอกจากการยืนสูงและสอดขึ้นไปยิงประตู แผนใหม่นี้อาจจะเวิร์คก็ได้ครับ ผมเลยตั้งใจดูรูปเกมแมทซ์นี้สุดๆ 2. วิลล่าทำประตูขึ้นนำได้ถึง 2 ลูกอ่าวเฮ๊ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า เพราะแมนยูดันมาพลาดเสียประตูในลูกตั้งเตะ โดยลูกแรกมีช็อตฮาๆหนึ่งช็อตคือการวิ่งมาป่วนมือประตูด้วยกระแสจิตของเบลลี่ ทำให้โอนาน่าเสียสมาธิ แล้วก็ได้ผลซะด้วยเพราะบอลที่เปิดโด่งมาจากแม็คกวิน ดันลอยโค้งเข้าประตูไปแบบไม่ถูกตัวใครเลย แล้วก็เป็นโอนาน่าที่ยืนขาตายไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว ปล่อยบอลกระเด้งเข้าประตูไปอย่างหน้าตาเฉย ส่วนลูกที่ 2 ก็เป็นการเล่นฟรีคิกจากลูกเตะมุม ลูกนี้ต้องชมแผนการเล่นของวิลล่าเลย เพราะด้วยวิธีการใช้ตัวสกรินบังทางวิ่งตัวประกบ ภาพที่ออกมาจึงเหมือนกับการเล่นบาสเก็ตบอล NBA เลยครับ ทำให้สลัดตัวประกบได้และได้ขึ้นโหม่งแบบโล่งๆ โอนาน่าหมดสิทธิ์เซฟอีกเช่นกัน3. แมนยูเน้นเอาประตูคืนจากการวางบอลยาว ชิงจังหวะดักล้ำหน้าเพราะนี่คือไม้ตายเดียวที่แมนยูมี พวกเขามีตัวรุกริมเส้นที่เร็วเป็นจรวด และแต่ไหนแต่ไรมาตลอดฤดูกาลนี้พวกเขาก็จะใช้การวางบอลยาวของบรูโน่ไปให้กันนาโช่หรือแรชฟอร์ดวิ่งแบบนี้ ทำทุกที ทำกับทุกทีม หลุดก็ดี แต่ถ้าไม่หลุดก็คือล้ำหน้า ตลอดเกมเราจึงได้เห็นว่าไลน์แมนนั้นทำงานหนักมาก กรรมการหัวเหม่งต้องวิ่งสปรินท์แข่งกับนักเตะตลอด แล้วก็ต้องคอยยกธง offside จนหัวไหล่แทบหลุด ผลคือล้ำหน้าไปมากกว่า 8 ครั้ง แต่ก็ทำให้พวกเขาได้ประตูตีเสมอคืนกลับมาถึง 2 ลูกเช่นกัน แมนยูกลับสู่เกมได้สำเร็จ ในขณะที่ฝั่งทีมเยือนอย่างวิลล่าเองก็เหมือนกับช็อตไปดื้อๆ จะด้วยบรรยากาศเสียงเชียร์หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พอโดนตีเสมอพวกเขาก็กลับเข้าสู่เกมไม่ได้อีกเลย เหมือนครึ่งแรกกับครึ่งหลังเป็นหนังคนละผู้กำกับ 4. รัสมุส ฮอยลุนด์ คือพระเอก!ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ผมเชื่อว่าแฟนผีหลายคนคงมีน้ำตาซึมกับกองหน้ารายนี้กันบ้าง หลังจากที่เจ้าตัวต้องแบกภาระค่าตัวและไม่สามารถยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้เลย ผมอ่านบทวิจารณ์จากที่อื่นมาบ้างและก็ได้ความว่าสาเหตุที่ฟอร์มของฮอยลุนด์ไม่เปรี้ยง ก็มาจาการที่เพื่อนๆไม่เปิดบอลให้เขา เขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมมากพอ และบทบาทหน้าที่ของเขาก็เป็นเพียงผู้เล่นตัวบนที่คอยวิ่งไล่เพลสซิ่งคู่แข่ง ความน่าสงสารช่างมากมายเหลือเกินครับ และแม้แต่วันนี้ที่เจ้าตัวยิงประตูสำคัญสุดๆ และเป็นประตูที่เปลี่ยนโมเมนต์ทุกสิ่งทุกอย่างได้ การได้มาซึ่งประตูก็ไม่ใช่การเปิดจากเพื่อนร่วมทีมนะครับ แต่เป็นจอร์น แม็คกวิน ของวิลล่าที่พักบอลด้วยเข่าแล้วพลาด บอลกระเด้งมาเข้าทางฮอยลุนด์ ก่อนเจ้าตัวจะโชว์ทักษะตะบันจังหวะเดียวซัดตูมมม! เข้าประตูไปด้วยความสะใจ! จะเรียกว่าเป็นประตูเรียกความมั่นใจได้ไหมก็ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่าชนะไว้ก่อนดีที่สุด เราไม่ได้เห็นคาแร็คเตอร์นักสู้แบบนี้จากแมนยูมานานมากแล้วนะครับ ยังไงซะสถิติการไม่แพ้ในวันบ็อกซิ่งเดย์ก็ยังคงความขลังอยู่ สรุปสุดท้าย แมนยูพลิกอเวจีตีฝ่าแดนนรกกลับสู่โลกมนุษย์ได้ก็จริง แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจนะครับ เพราะแผลก็เห็นอยู่โต้งๆว่าพวกเขาเสียประตูจากลูกเซ็ตพรีสง่ายเกินไป อีกประการที่น่าเป็นห่วงคือรูปแบบในการบุกเข้าทำที่แทบจะใช้วิธีการเดียวอยู่ตลอด ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นก็จริง ไม่เถียงครับ แต่ถ้าเจอทีมที่เล่นตั้งรับลึก ไม่เปิดพื้นที่ให้แทงแล้ววิ่งล่ะ คำถามคือแมนยูจะเจาะเข้าไปเอาประตูยังไง? เทนฮาร์คต้องมีแผนใหม่ๆบ้างนะครับ เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Manchester Unitedภาพหน้าปก 2 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 1 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 2 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 3 จาก FB : Manchester Unitedรูปที่ 4 จาก FB : Manchester United