TRUE OPINIONS : 1 คะแนนอันล้ำค่า ที่ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" สมควรได้รับอย่างแท้จริง ... by "บก.เก้น"
บก.เก้น : เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความดุเดือด และดราม่าตั้งแต่ช่วงก่อนเกมจะเริ่ม (วานนี้) หลังจากที่ทัพนักเตะ และทีมงาน กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ต้องใช้เวลาในการเดินทางมายังจังหวัดบุรีรัมย์ค่อนวัน จากเหตุการณ์ไม่สามารถนำเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวลงจอดที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้ กว่าที่จะได้แถลงข่าวตามกฎของเอเอฟซีก็ต้องปาเข้าไปราวๆ ห้าทุ่มครึ่ง ทำเอาผม รวมถึงพี่น้องสื่อมวลชนถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน… สมราคมบิ๊กแมตช์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 จริงๆ
ขอบคุณภาพ : ACTION24CNX
นอกจากนี้ยังมีการปะทะคารมกันของทั้งแฟนบอลไทย และจีนในโลกออนไลน์ รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะเก็บสามคะแนนให้ได้เพื่อต่อลมหายใจเส้นทางในรายการนี้ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้เกมนี้จึงมีทั้งชัยชนะ และศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน
จะเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่าง ไทย กับชาติมหาอำนาจของโลกอย่าง จีน ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
ทุกวินาทีในสนาม ล้วนแต่เป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจแฟนบอลทั้งสองทีม ทุกกลเม็ดที่กุนซือทั้งสองฝั่งงัดมาใส่กันล้วนแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจ และเป็นกำไรที่แฟนบอลอย่างเราๆ ได้ตักตวงกันอย่างเต็มอิ่ม ผมคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกมคุณภาพที่พิสูจน์ให้เห็นว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เองไม่เคย และไม่มีวันยอมแพ้หากเสียงนกหวีดสุดท้ายยังไม่ถูกพ่นลมออกมาจากผู้ตัดสิน
ผลเสมอในนัดนี้มีอะไรซ่อนอยู่… บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังต้องปรับแก้ในจุดไหนเพื่อลดช่องว่างจากทีมระดับแถวหน้าของเอเชีย วันนี้เรามาวิเคราะห์กันครับ
…
….
…..
แทคติกที่ “พลิกไปพลิกมา”
โบซิดาร์ บันโดวิช เลือกที่จะใช้ระบบสองสต็อปเปอร์เป็นตัวชน (พรรษา และยู จุนซู) เพื่อตัดปัญหาบอลสุดท้ายในพื้นที่อันตราย โดยมีสองวิงแบ็กขนาบข้างทั้ง นฤบดินทร์ -กรกช พร้อมกับ ประวีณวัช ที่อาสายืนห้อยเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนถึง ศิวรักษ์
แสดงให้เห็นได้ชัดว่า “บอสโก้” เลือกที่จะให้ความสำคัญกับเกมรับเปิดพิเศษ เนื่องจากคู่แข่งที่เดินทางมายัง บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม นั้นเป็นถึงอดีตแชมป์รายการนี้ถึงสองสมัย (2013 และ2015) ตลอดจนยังมีเกมรุกที่จัดจ้านหลังซัดไปแล้วถึง 8 ประตูจากการลงเล่นสี่นัดก่อนหน้านี้
แทคติกนี้ทำท่าว่าจะรับมือกับแนวรุกของ กว่างโจวฯ ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ทว่าพอเวลาผ่านไปๆ กลับกลายเป็นทางฝั่งของ คันนาวาโร่ ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาแก้เกมได้อย่างเห็นชัดเป็นรูปธรรม
กว่างโจวฯ ไม่ได้เดินทางมาบุกอย่างบ้าคลั่งอย่างที่ใครหลายๆ คนคาดการณ์ไว้ และกุนซือชาวอิตาเลียนวัย 44 ปีรายนี้เลือกที่จะสลับออกหมัดหนัก-เบา ในสไตล์นักมวยที่มีชั้นเชิงมากกว่า
ดูโอ้สตาร์บราซิเลี่ยนอย่าง ริคาร์โด้ กูลาร์ต (5 ประตูใน ACL 2018) รวมถึง อลัน คาร์วัลโญ่ ไม่ได้ถูกวางให้อยู่ในบทบาทพระเอกแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าจะด้วยความตั้งใจของ คันนาวาโร่ หรือฝั่งเราจัดการได้อยู่หมัด เพราะสุดท้ายกลับกลายเป็นนักเตะจีนเองที่สร้างปัญหาให้กับเราได้อย่างชัดเจนในช่วง 30 นาทีแรก
หยู ฮั่นเฉา (หมายเลข 20), เจิ้ง หลง (หมายเลข 27) *คนทำประตูแรก และกัปตันทีมอย่าง เจิ้ง จื้อ (หมายเลข 10) คือสามคีย์แมนหลักที่ป่วนหัวใจแฟนบอลชาวไทยได้อย่างน่าหงุดหงิด การให้บอลเท้าสู่เท้าที่ค่อนข้างแม่นยำ และเล่นง่าย การพาบอลเลี้ยงจี้ นฤบดินทร์ กับ พรรษา เป็นว่าเล่น รวมถึงการตัดเกมที่หนักจนบางครั้งผมเองก็เกิดคำถามกับผู้ตัดสินเหมือนกันว่า ควรควักใบเหลืองออกมาปรามให้มากกว่านี้
พอฝั่งเราเริ่มจะไปจับตายสามนักเตะจีนที่กล่าวไปข้างต้น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ก็โชว์กึ๋นพลิกแทคติกตลบหลังทันทีด้วยการให้ กูลาร์ต มารับบทบาทตัวขึ้นเกมตามบทบาทที่แท้จริงของเจ้าตัว เพลย์เมคเกอร์รายนี้ก็เริ่มคลายพิษสงให้แฟนบอลทั้งเอเชียได้เห็นว่า ผลงานพา กว่างโจวฯ กวาด 8 โทรฟี่จาก 4 ฤดูกาลนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
พ่อหมดลูกหนังแห่งลีกแดนมังกรรายนี้ งัดเอาสารพัดทริคออกมาป่วนแข้ง “ปราสาทสายฟ้า” เป็นว่าเล่น ทั้งลูกชิ่ง คิลเลอร์พาสแบบได้เสียว รวมถึงทีเด็ดอย่างลูกคัทแบคกลับมาให้แผงมิดฟิลด์ผลัดกันขึ้นมาส่องไกหน้ากรอบเขตโทษกันเป็นว่าเล่น
ลูกตุกติกตามสไตล์นักเตะละติน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ กูลาร์ต งัดออกมาใช้เช่นเดียวกัน การเข้าไปกดดันผู้ตัดสิน และยั่วฝั่งเราอยู่บ่อยครั้ง คือช็อตวัดใจที่เราต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้
แต่คนมันไม่ใช่พระเอก ยังไงก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ เพราะก่อนที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้ประตูตีเสมอ กูลาร์ต เองมีโอกาสที่ผมขอใช้คำว่า “ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” ในการซัดประตูตอกฝาโลงใส่เจ้าถิ่น แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจให้เจ้าตัวใจเย็น ใจลอย หรืออะไรมิทราบ ยินไปติดบล็อคแนวรับ บุรีรัมย์ เอาดื้อๆ… บางทีความติสต์ที่มากเกินไปมันก็ไม่เวิร์คในสถานการณ์ที่กดดันแบบนี้นะ !!!
ขอบคุณภาพ : ACTION24CNX
แว่วๆ มาว่าเกือบจะได้เป็นแมน ออฟ เดอร์ แมตช์ อยู่แล้วเชียว… “ริคาร์โด้ กูลาร์ต”
ผมมองว่า “บอสโก้” เองพะวงกับเกมรุกคู่แข่งมากจนเกินไป มากจนไม่สามารถทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นตามแบบฉบับของตัวเองได้ แต่พอครึ่งหลัง “บอสโก้” ตัดสินใจเปิดเกมรุกเต็ม ด้วยเงื่อนไขที่บีบ และกดดัน เห็นได้ชัดว่าเจ้าบ้านกลับมาเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า พอบอลอยู่กับเรามากกว่า โอกาสที่เราจะเนรมิต หรือรังสรรค์อะไรขึ้นมาก็ดูง่ายขึ้น
การตัดสินใจถอด สุเชาว์ ออกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง ถือเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว และยอดเยี่ยม สะท้อนให้เห็นว่า “บอสโก้” ไม่ดื้อ และไม่ฝืนที่จะทำให้ทีมตกเป็นรองไปมากกว่านี้
…
….
…..
ดิโอโก้ ต้องการพาร์ทเนอร์ !!!
หลายครั้งที่ผมต้องเห็น ดิโอโก้ ลงมาล้วงบอล ลงมาทำทุกอย่างเอง สารพัดจะลงมา ฯลฯ จนบางทีก็แอบหงุดหงิดใจว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เองกำลังลงเล่นโดยปราศจากศูนย์หน้าตัวจบสกอร์
ผมไม่เถียงครับว่า ดิโอโก้ เองมีทักษะในการลงมาเชื่อมเกม แต่ฟุตบอลตัดสินกันที่ประตู คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะเอานักเตะที่จบสกอร์ได้คมที่สุดในทีมมาวางไว้ตรงริมเส้น !!!
เอ็ดการ์ บรูโน่ ยังไม่เด็ดขาด หรือแกร่งพอที่จะรับบทบาทการเป็นตัวจบสกอร์โดดๆ ในกรอบเขตโทษ ความเร็วที่ยังไม่มากพอ ลูกกลางอากาศที่ยังเอาชนะแนวรับจีนไม่ได้ ทำให้วันนี้ ดิโอโก้ เองแทบจะต้องใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการฉีกตัวมารับบอลริมเส้นซ้าย -ขวา สลับไปมา
นี่คือการบ้านที่ บันโดวิช และบอร์ดของ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องวางแผนให้ดี ถือความเป็นไปได้ในการหาศูนย์หน้าระดับปิดบัญชีโป้งเดียวจอดมาให้ได้
…
….
…..
45 นาทีแรก เราพ่ายแพ้การแย่งชิงพื้นที่กลางสนาม
เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แฟนบอลอยู่พอสมควร กับการใส่ชื่อของ “กัปตันกบ” สุเชาว์ นุชนุ่ม ลงสนามในเกมสำคัญแบบนี้ แน่นอนว่าวันนี้ สุเชาว์ เองไม่สามารถรักษาสมดุลของเกมรุก และรับตรงกลางสนามได้อย่างที่ควรจะเป็น จนทำให้แผงมิดฟิลด์ของเจ้าบ้านเพลี่ยงพล้ำต่อ กว่างโจวฯ อย่างเห็นได้ชัดเจนใน 45 นาทีแรก ด้วยสปีดบอลที่เร็วกว่าไทยลีกอย่างเห็นได้ชัด ทำเอา “กบ ไซเบอร์” เสียรังวัดไปพอสมควรในนัดนี้
แล้วใครหล่ะที่เหมาะกับเกมที่เปิดแบบนี้ ?
หากจะต้องเลือกใครสักคนมาเป็นแกนหลักในแดนกลาง ใจผมยังคิดว่า จักรพันธ์ แก้วพรม คือคนที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ด้วยทางบอลที่ยอดเยี่ยม การผ่านบอลที่ไว้ใจได้ เบสิคที่แน่นปึ๊ก บวกกับสายตาที่คมดุจนกเหยี่ยว พร้อมจะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้ภายในเสี้ยววินาที คือจุดเด่นที่ทำให้แข้งดีกรีทีมชาติไทยชุดรองแชมป์คิงส์คัพ 2018 รายนี้พร้อมจะเป็นตัวแบกทีมในแดนกลาง และปล่อยให้สองนักเตะดาวรุ่งทั้ง รัตนากร กับ สุภโชค อาศัยความคล่อง และสดขึ้นเกมน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
…
….
…..
ยู จุนซู “Mr.Added time”
คงไม่มีฉายาใดที่จะเหมาะกับ ยู จุนซู ไปกว่า “Mr.Added Time” หรือ “มิสเตอร์ ทดฯเจ็บ” หลังเจ้าตัวสวมบทฮีโร่ยิงประตูในช่วงท้ายเกมสองแมตช์ติดต่อกัน
ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหลัง, กองกลาง และกองหน้ารายนี้ ย้ายจาก อุลซาน ฮุนได มาร่วมทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในโควต้านักเตะเอเชีย ด้วยโจทย์ข้อใหญ่ที่ต้องรับไม้ต่อจากขวัญใจแฟนบอลอย่าง โก ซุลกิ ถือเป็นงานหนัก และกดดันสุดๆ ของเจ้าตัวเลยก็ว่าได้
ผมเคยกล่าวไว้ว่า ความสารพัดประโยชน์ของ ยู จุนซู เปรียบเสมือนดาบสองคมที่กุนซืออย่าง บันโดวิช เองต้องอ่านให้ออก และหาให้เจอว่าพื้นที่ไหนคือพื้นที่ๆ “ใช่ที่สุด” สำหรับเจ้าตัว ผมเองคงมิอาจตอบ หรือชี้ชัดได้ว่าตำแหน่งไหนคือจุดที่ใช่สำหรับแข้งพลังโสมรายนี้ แต่ที่ผมรู้ ละตอบได้แน่ๆ ในวันนี้ก็คือ ยู จุนซู มีหัวจิตหัวใจที่เยือกเย็น และรับมือกับช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกดดันได้อย่างสบาย
นี่คือคาแรคเตอร์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำเป็นจะต้องมีไว้หากต้องการจะไปให้ไกลกว่าเดิมในเวทีระดับเอเชีย
“วันนี้ผมก็รู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่สามารถทำประตูตีเสมอให้ทีมได้ จนได้ 1 แต้มสำคัญมา ผมต้องขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมทีมที่ช่วยกันเล่น ช่วยกันวิ่งจนทำให้เราประสบความสำเร็จในวันนี้” วาทะสั้นๆ ที่แมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่าง ยู จุนซู ทิ้งท้ายไว้หลังจากจบเกมนี้
…
….
…..
90 นาที ที่ บุรีรัมย์ ตามหลังยักษ์ใหญ่แดนมังกร อาจจะพลอยให้ใครหลายๆ คนพากันถอดใจแล้วว่าวันนี้พวกเราคงหมดหวังที่จะเก็บแต้มสำคัญเอาไว้ได้
แต่ฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์ ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ ฟุตบอลมักจะสร้างอะไรที่เหนือความคาดหมาย และคาดไม่ถึงได้เสมอ คล้ายๆ กับปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติอย่างเช่นที่เราได้เห็นได้สัมผัสในเกมนี้
คุณโดนนำมา 90 นาที ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องพบกับความพ่ายแพ้แต่อย่างใด… ตราบใดที่ยังมีนาทีที่ 91, 92 หรือ 93 ให้คุณเล่น ถ้าคุณสู้ โอกาสมันจะเป็นของคุณ
1 คะแนนจากเกมนี้ คือรางวัลที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สมควรได้รับอย่างแท้จริง… ในฐานะบรรณาธิการกีฬา และแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ผมไม่รู้จะกล่าวคำว่าไปอะไรมากกว่า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือความภูมิใจของคนไทยครับ”
…
….
“บก.เก้น”
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports