เป็นอีกวันที่แฟนเดอะค็อปชอกช้ำใจอีกแล้วครับท่าน หลังจากในเกม FA Cup ไบรท์ตัน VS ลิเวอร์พูล เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาแพ้ให้กับทีมร่วมลีกอย่าง ไบรท์ตัน ไปแบบน่าเสียดาย 2-1 แม้ลิเวอร์พูลจะออกนำก่อนจากลูกยิงของ ฮาร์วีย์ เอลเลียต (ยิงอีกแล้ว) แต่ก็มาถูกตีเสมออย่างรวดเร็วจากจังหวะที่แลมป์ตีย์ ยิงสวนเข้าไปในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล แต่ไปแฉลบขาของ ลูอิส ดังก์ เข้าประตูไปอย่างงงๆงวยๆ ทำให้โมเมนตัมเกมกลับมาหาไบรท์ตันอย่างรวดเร็ว เกมนี้ทำท่าจะเสมออยู่แล้ว แต่แล้ว ก็มีจังหวะโชว์เหนือในช่วงทดเวลาครึ่งหลัง ที่มิโตมะ รับบอลมาเดาะ 1 รอบ โชว์ 1 จังหวะ และดีดลูกบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทำให้ไบรท์ตันกลับมาขึ้นนำในช่วงเวลาสำคัญ จนกระทั่งเสียงนกหวีดหมดเวลา กลายเป็นว่าลิเวอร์พูล ตกรอบ FA Cup อย่างน่าเหลือเชื่อ และในฤดูกาลนี้ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะไบรท์ตันได้เลย แบ่งเป็นเสมอ 1 นัด และแพ้ไป 2 นัด เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ที่ทีมเครื่องจักรถล่มประตูอย่างลิเวอร์พูลนั้น เล่นไม่มีทรวดทรง ไม่ดุดัน ไม่พลิ้วไหว เหมือนช่วงก่อนหน้านี้เลย ทั้งๆที่นักเตะหลายๆคนก็ยังเป็นชุดเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่กับกลายเป็นว่า พวกเขานั้น ไม่สามารถปลุกพลังในการบุก ในการเพรซ ให้ดุดัน สร้างความน่ากลัวให้กับคู่แข่งได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งสถิติหลังจบเกมนั้น ฟ้องว่าพวกเขานั้น มีเปอร์เซนต์การครองบอลเพียงแค่ 44% และมีโอกาสยิงเพียงแค่ 8 ครั้ง ตรงกรอบ 2 ครั้ง นับรวมประตูที่เอลเลียตยิงได้แล้ว หากเป็นช่วง 5-6 ปีก่อนหน้านี้ คงเป็นบางนัดที่เราได้เห็นสถิติที่น่าตกใจแบบนี้ แต่ในฤดูกาลนี้ กลับได้เห็นสถิติประมาณนี้เยอะขึ้น แถมในบางเกม แม้จะครองบอลได้สูงกว่าคู่แข่งชนิดที่ว่าทิ้งห่างเยอะก็ตาม ก็ยังต้องพบกับอาการขาดความเฉียบคม ในการทำประตูของเหล่านักเตะในแนวรุก ที่พาเหรดกันเสียความมั่นใจ หรือฟอร์มตกก็ไม่รู้ ทั้งโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่ก็ยังหาฟอร์มที่ใช่ของตัวเองก่อนหน้านี้ไม่เจอซักที ดาร์วิน นูเญซ จากที่เคยเป็นความหวังของแนวรุก ก็กลับไม่สามารถทำประตูได้ เหมือนเขาจะเสียความมั่นใจไปมาก ด้วยค่าตัว และแรงกดดันต่างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะกลับมาในฟอร์มที่ดีอีกครั้งได้หรือไม่ แต่ก็ไม่อยากให้น้องท้อถอยแล้วหายไปจากวงโคจรนะ นูเญซมีของดี แต่อาจจะไม่เข้าระบบของคล็อปป์ในอุดมคติของคล็อปป์ก็เป็นไปได้ แม้กระทั่งโคดี้ กักโป้ ที่คล็อปป์ก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะมาช่วยยกระดับเกมรุกของทีมได้ ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเช่นกัน สงสัยต้องให้เวลาทั้งคู่แหละงานนี้ ในขณะที่ไบรท์ตัน ผู้ชนะในนัดนี้นั้น เป็นอีกนัดที่น่าเหลือเชื่อ ที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าจะฟอร์มร่วงหลังจากที่ แกรห์ม พอตเตอร์ ได้เลือกที่จะออกจากทีมและไปคุมทีมเชลซี กลับกลายเป็นว่า โรเบอร์โต้ เด แซร์บี้ นั้น สามารถคุมทีมไบรท์ตัน ให้ลอยลำเอาชนะได้หลายๆนัด แบบเซอร์ไพรซ์ด้วย ด้วยศักยภาพทั้งนักเตะเก่าและใหม่ โดยเฉพาะนักเตะชาวญี่ปุ่น คาโอรุ มิโตมะ ที่เฉิดฉายอย่างมากในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะจำนวนประตูที่ทำได้และแอสซิสต์ รวมไปถึงฟอร์มส่วนตัว สกิลต่างๆ ที่เขาได้โชว์ให้แฟนบอลเห็นว่า เขาก็สามารถเฉิดฉายได้ไม่แพ้ ซอน เฮือง มิน อีก 1 คนที่อยากชมไม่แพ้มิโตมะ คือกองหน้าดาวรุ่งของทีมอย่าง อีแวนส์ เฟอร์กูสัน ที่เพิ่งอายุ 18 ปี แต่กลับโดดเด่นอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยจำนวนประตูที่ทำได้ในลีก รวมไปถึงแอสซิสต์ นี่แทบจะเป็นแบ็คอัพหรือเตรียมเป็นตัวจริงในฤดูกาลหน้าได้เลย เพราะกองหน้าคนนี้เข้ากับสไตล์ทีมไบรท์ตันอย่างมาก เขาจะเป็นกำลังสำคัญในกับทีมในอนาคตอย่างแน่นอน ไบรท์ตันยังคงเป็นทีมที่มีนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ และคุณภาพที่ไม่แพ้กับทีมอื่นๆ เพียงแต่พวกเขายังคงต้องรักษาฟอร์มตัวเองให้สม่ำเสมอและระมัดระวังอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวจริงในทีม ไม่อย่างงั้น จะเป็นงานยากหลังจากนี้แน่หากมีนักเตะตัวจริงบาดเจ็บยาว ก็ต้องชื่นชม เด แซร์บี้และทีมงานของเขาที่สามารถสร้างทีมสานต่อจากพอตเตอร์ได้ดีไม่แพ้กันได้แบบนี้ส่วนลิเวอร์พูล ก็ยังคงต้องปรับจูนทีมกันใหม่เรื่อยๆต่อไป หลังจากที่คล็อปป์ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวนี้ พวกเขาจะต้องรีบค้นหาฟอร์มที่ดีเหมือนเก่าให้ได้ เพื่อให้อยู่รอดขึ้นไปจนถึง Top 6 ให้ได้ เพราะหากพวกเขาไม่ได้ไปแม้กระทั่งยูฟ่า คอนเฟอเรนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าหนักหนาสาหัสแน่นอน เจอร์เกน คล็อปป์ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้อยู่กับทีมต่อ นักเตะหลายคนก็อาจจะต้องย้ายออกจากทีมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอให้โชคดีหลังจากนี้นะ ทั้งสองทีม ขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook Liverpool FCภาพที่ 2 จาก Twitter Brighton & Hove Albionภาพที่ 3 จาก Facebook Liverpool FCภาพที่ 4 จาก Facebook Brighton & Hove Albionภาพที่ 5 จาก Twitter Brighton & Hove Albionภาพที่ 6 จาก Facebook Liverpool FCภาพปก 1 จาก Twitter Liverpool FCภาพปก 2 จาก Twitter Brighton & Hove Albionอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'