ประวัติศาสตร์กีฬามวย เกิดขึ้นที่ไหน เริ่มมีเมื่อไหร่ นักมวยระดับตำนานมีใครบ้าง

กีฬามวยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในระดับสากลเห็นได้จากการมีการจัดแข่งขันมวยมาก และโดยเฉพาะในประเทศไทยมีโปรแกรมมวยในทุกสัปดาห์ แล้วกีฬาการต่อสู้อย่างมวยนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง กีฬามวยที่ได้รับการยอมรับมีกี่ประเภทนักมวยระดับตำนานมีใครบ้าง TrueID Sport ได้รวบรวมมาให้คอมวยอย่างคุณแล้ว
ประวัติศาสตร์กีฬามวย เกิดขึ้นที่ไหน เริ่มมีเมื่อไหร่
นักมวยระดับตำนานมีใครบ้าง
กีฬามวยเกิดขึ้นได้อย่างไร
กีฬามวยเป็นกีฬาที่มีวิวัฒนาการมาจากประเพณีการต่อสู้ด้วยมือในยุคโบราณ พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยอารยธรรมโบราณหลายแห่ง ทั้งภาพสลักบนผนังและโบราณวัตถุต่างๆ ของอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมหรือการฝึกทหาร รวมถึงอารยธรรมมิโนอัน และไมซีเนียนอารยธรรมโบราณในแถบทะเลอีเจียน (บริเวณประเทศกรีซในปัจจุบัน) ก็มีหลักฐานการชกมวยในภาพวาดบนปูนเปียก อายุประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งเป็นภาพแสดงให้เห็นนักมวยสวมนวมชกต่อยกัน กีฬามวยมีความชัดเจนมากขึ้นในยุค กรีกโบราณ มวยได้รับการบรรจุเป็นกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ครั้งที่ 23 ในปี 688 ก่อนคริสตกาล โดยนักมวยกรีกโบราณจะพันมือด้วยแถบหนังเพื่อป้องกัน แต่ในยุกแรกยังไม่มีกติกา ไม่มีการแบ่งรุ่นที่ชัดเจนจึงทำให้กีฬามวยมีความอันตรายเป็นอย่างมาก
จนช่วงกลางศตวรรษที่ 19 กีฬามวยในประเทศอังกฤษยังคงเป็นมวยเปลือยมือ (bare-knuckle boxing) ซึ่งมีกติกาที่ไม่แน่นอนมีความรุนแรงสูง การแข่งขันมักจะยาวนาน ดุเดือด และมักจบลงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับการพนันจึงยิ่งเป็นแรงจูงใจให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
โปรแกรมมวยไทยวันนี้ ตารางมวยไทย ลิ้งก์ดูมวยสด คลิกเลย!!
กีฬามวยมีกี่ยุค
- ยุคโบราณ
- ยุคอียิปต์โบราณ (Ancient Egypt) มีการพบหลักฐานจากภาพสลักบนผนังสุสานและโบราณวัตถุต่างๆ ในยุคอียิปต์โบราณ (ประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาล) แสดงให้เห็นถึงฉากการชกมวย ลักษณะการชกมวยในยุคนั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนาหรือการฝึกฝนทหาร โดยนักมวยอาจไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันใดๆ หรืออาจมีการใช้อุปกรณ์บางอย่างเพื่อพันมือ
- อารยธรรมมิโนอันและไมซีเนียน (Minoan and Mycenaean Civilizations) ในช่วงเวลาประมาณ 2700-1450 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับอารยธรรมมิโนอัน และ 1600-1100 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับอารยธรรมไมซีเนียน ซึ่งเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองในแถบทะเลอีเจียนก่อนยุคกรีกโบราณนั้น ได้มีการพบหลักฐานภาพวาดปูนเปียก (frescoes) จากมิโนอันบนเกาะครีต และโบราณวัตถุจากไมซีเนียน ที่แสดงภาพการชกมวย โดยมีลักษณะที่น่าสนใจคือการสวมนวมที่มือ ซึ่งอาจเป็นหลักฐานของการใช้อุปกรณ์ป้องกันในยุคนั้น การชกมวยในอารยธรรมเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมหรือการเฉลิมฉลองต่างๆ
- กรีกโบราณ (Ancient Greece) ในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล ถึงศตวรรษที่ 6 คริสตกาล หรือที่รู้จักกันในชื่อยุคกรีกโบราณนั้น ได้ปรากฏหลักฐานทางศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปปั้น แจกัน ภาพวาด และวรรณกรรมอันโด่งดังอย่างมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการชกมวยในวัฒนธรรมกรีกโบราณ กีฬามวยได้รับการบรรจุเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ครั้งที่ 23 ในปี 688 ก่อนคริสตกาล และมวยเปลือยมือยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการแข่งขันแพนเฮลเลนิกเกมส์และงานเทศกาลต่างๆ
- โรมันโบราณ (Ancient Rome) ในช่วงเวลาประมาณศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ถึงศตวรรษที่ 5 คริสตกาล หรือยุคโรมันโบราณนั้น ได้ปรากฏหลักฐานทางศิลปะต่างๆ เช่น ภาพโมเสก รูปปั้น และบันทึกทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวโรมันได้รับอิทธิพลการชกมวยมาจากกรีก อย่างไรก็ตาม การชกมวยในยุคโรมันมีความแตกต่างอย่างมาก โดยมีลักษณะที่โหดร้ายและเน้นความบันเทิงมากกว่า การแข่งขันกลาดิเอเตอร์ ซึ่งมักจะมีการชกมวยโรมันเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อความบันเทิงของผู้ชมนั้น จัดขึ้นในสนามกีฬาขนาดใหญ่ เช่น โคลอสเซียม การชกมวยโรมันมีความรุนแรงและอันตรายกว่ามวยกรีกอย่างเห็นได้ชัด โดยมักจะจบลงด้วยความตายของผู้แพ้หรือการบาดเจ็บสาหัส อุปกรณ์ที่ใช้ในยุคนั้นคือ "เซสตัส" ซึ่งเป็นนวมหนังที่เสริมด้วยโลหะหรือตะปู เพื่อเพิ่มความรุนแรงในการโจมตี
- ยุคหมัดเปลือย
ยุคนี้ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจนจากรูปแบบโบราณไปสู่สิ่งที่ "สมัยใหม่" มากขึ้น แต่ก็ยังคงแตกต่างจากมวยสากลที่ใช้ถุงมืออย่างมาก โดยลักษณะสำคัญที่ทำให้ยุคนี้แตกต่างคือการต่อสู้ด้วยหมัดเปลือย
ในช่วงเวลาประมาณศตวรรษที่ 18 ถึงปลายศตวรรษที่ 19 มวยสากลได้กลับมาเป็นกีฬายอดนิยมในอังกฤษอีกครั้ง โดยมีการแข่งขันที่เรียกว่า "การชกชิงรางวัล" ซึ่งนักสู้จะแข่งขันเพื่อเงินรางวัล การต่อสู้ในยุคนั้นเป็นการชกแบบหมัดเปลือย โดยไม่มีการสวมถุงมือ นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดกฎเกณฑ์ชุดแรกสำหรับมวยสากลในยุคสมัยใหม่ที่เรียกว่า "กฎการชกชิงรางวัลลอนดอน" (London Prize Ring Rules) ซึ่งพยายามที่จะนำความเป็นระเบียบมาสู่กีฬามวย
การต่อสู้ในยุคนี้มีชื่อเสียงในด้านความโหดร้าย ยาวนาน (หลายสิบหรือหลายร้อยรอบ) และอันตราย โดยมีอัตราการบาดเจ็บ และเสียชีวิตสูง นอกจากนี้มวยสากลในยุคนั้นยังเกี่ยวข้องอย่างมากกับการพนัน และมักถูกมองว่าเป็นกีฬาของชนชั้นแรงงาน
- ยุคสมัยใหม่ของมวยสากล
ยุคสมัยใหม่ของมวยสากลเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนในปี 1867 เมื่อมีการนำกฎมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี (Marquess of Queensberry) มาใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำหนดลักษณะของกีฬามวยสากลในยุคนี้ โดยมีการปรับเปลี่ยนลักษณะสำคัญของยุคสมัยใหม่คือการใช้ถุงมือบุฟองน้ำเป็นข้อบังคับ รวมถึงการกำหนดรอบการแข่งขันให้มีโครงสร้างที่ชัดเจน โดยมีรอบละ 3 นาทีพร้อมช่วงพัก การนับน็อกดาวน์ 10 วินาทีเพื่อตัดสินการชนะน็อกเอาต์ การจัดรุ่นน้ำหนักให้เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และการพัฒนาองค์กรควบคุมและกำกับดูแลกีฬา เช่น WBC, WBA, IBF และ WBO เป็นต้น
กติกากีฬามวยเริ่มมีขึ้นในปีอะไร มีอะไรบ้าง
มวยสากลอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน มีวิวัฒนาการที่สำคัญในประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจากยุคมวยเปลือยมือในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและยาวนาน โดยมีการเดิมพันเป็นส่วนสำคัญ ในปี 1743 แจ็ค บรอฟตัน (Jack Broughton) นักมวยชาวอังกฤษชื่อดัง ได้ร่างกฎการชกมวยขึ้นมา โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยมากขึ้น อนุญาตให้มีการพักระหว่างยก และห้ามทำร้ายนักมวยที่ล้มลง ซึ่งถือเป็นกติกาชุดแรกที่เป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับกีฬามวย
จุดเปลี่ยนสำคัญในกีฬามวยคือการกำเนิดกฎ Marquis of Queensberry ในปี 1867 โดย John Graham Chambers ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก John Douglas กฎชุดนี้ถือเป็นรากฐานของกติกาการชกมวยสากลในปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ
- การใช้นวม: กำหนดให้นักมวยต้องสวมนวม เพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ
- การกำหนดยก: แบ่งการแข่งขันออกเป็นยก แต่ละยกมีเวลา 3 นาที และพักระหว่างยก 1 นาที
- การนับ 10 วินาที: เมื่อนักมวยล้มลง กรรมการจะนับ 10 วินาที หากไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ถือว่าแพ้น็อกเอาต์
- การห้ามปล้ำรัดฟัดเหวี่ยง: เน้นการชกด้วยหมัด และห้ามการปล้ำแบบมวยปล้ำ
กฎ Marquis of Queensberry ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว และแพร่หลายไปทั่วโลก กลายเป็นกติกามาตรฐานสำหรับการแข่งขันมวยสมัครเล่นและอาชีพ ทำให้มวยสากลเป็นกีฬาระดับโลก
มวยมีกี่แบบ ปัจจุบันมีมวยอะไรบ้าง
มวยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกีฬามวยในระดับสากลมีดังนี้
- คิกบ็อกซิ่ง (อังกฤษ: Kickboxing) : ผสมผสานหมัดมวยสากลเข้ากับการเตะ มักจะเหนือเอว แต่กฎและเทคนิคที่อนุญาตจะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับรูปแบบและองค์กรคิกบ็อกซิ่ง คิกบ็อกซิ่งเป็นกีฬาที่แตกต่างกันโดยตัวมันเอง แต่มวยสากลเป็นองค์ประกอบหลัก
โดยมีคิกบ็อกซิ่งหลายรูปแบบได้แก่
คิกบ็อกซิ่งแบบอเมริกัน : มักเน้นการชกและการเตะแบบเต็มแรงที่เหนือเอวขึ้นไป
คิกบ็อกซิ่งแบบญี่ปุ่น : อนุญาตให้เตะต่ำและใช้เข่าได้
คิกบ็อกซิ่งแบบดัตช์ : เป็นที่รู้จักในด้านรูปแบบการต่อสู้ที่ดุดันและการเตะต่ำที่ทรงพลัง - มวยไทย : หรือที่รู้จักกันในนาม "ศิลปะแห่งอาวุธทั้งแปด" โดดเด่นด้วยการใช้อาวุธจากร่างกายทั้งแปดส่วนได้แก่ หมัด เท้า เข่า และศอก ซึ่งแต่ละส่วนมีเทคนิคการใช้งานที่หลากหลายและทรงพลัง มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์และซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยผสานเทคนิคการชกจากมวยสากลเข้ากับการเตะอันทรงพลัง (รวมถึงการเตะต่ำ) การใช้เข่าและศอกที่เฉียบคม และเทคนิคการกอดรัดที่หลากหลาย ทำให้มวยไทยเป็นศิลปะการโจมตีที่ครบเครื่องและมีประสิทธิภาพสูง
- ซาวาเต (Savate มวยฝรั่งเศส) : ศิลปะการต่อสู้ฝรั่งเศสที่ใช้หมัดสไตล์มวยสากลพร้อมกับการเตะ ซาวาเตมีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยเป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิคการต่อสู้แบบดั้งเดิมของชาวปารีสกับเทคนิคการต่อสู้ของกะลาสีเรือ คำว่า "ซาวาเต" มาจากคำว่า "savate" ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแปลว่า "รองเท้าเก่า" เนื่องจากในอดีตนักสู้ซาวาเตมักจะใช้รองเท้าในการเตะ เป็นการต่อสู้ที่ใช้การเตะเป็นหลัก มีการใช้เทคนิคการเตะที่หลากหลา ยและรวดเร็ว โดยมีการเตะในระดับต่างๆ ทั้งสูง กลาง และต่ำ ในการแข่งขันซาวาเต นักกีฬาจะสวมรองเท้าพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับการเตะ และมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เช่น สนับแข้ง และที่ป้องกันฟัน
- เลทเว (มวยพม่า လက်ဝှေ့ ): เรียกอีกอย่างว่ามวยหมัดเปลือยพม่า นี่เป็นกีฬาต่อสู้ที่โหดร้ายมากมีการใช้อาวุธจากร่างกายทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น หมัด เท้า เข่า ศอก และที่พิเศษคือการใช้ศีรษะในการโจมตี การต่อสู้แบบดั้งเดิมคือหมัดเปลือยหรือพันมือให้น้อยที่สุด มีความรุนแรงโหดร้ายใกล้เคียงกับมวยสากลรูปแบบแรกๆ และอันตรายมากกว่ามวยสากลสมัยใหม่อย่างมาก อีกทั้งยังมีการคาดเชือกที่มือ แทนการสวมนวม ทำให้การโจมตีมีความรุนแรงและอันตรายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่มีการนับน็อกนักสู้จะทำการแข่งขันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถทำการแข่งขันต่อได้ หรือยอมแพ้ทำให้การแข่งขันเลทเวมีความดุดันและจบลงด้วยการน็อกเอาต์เป็นส่วนใหญ่
- มวยสากลสำหรับ MMA (ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน) : MMA ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ศิลปะการต่อสู้แขนงใดแขนงหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงเข้าด้วยกัน เช่น มวยไทย มวยสากล มวยปล้ำ บราซิลเลียนยิวยิตสู และอื่นๆ ทำให้ผู้ฝึก MMA มีความสามารถในการต่อสู้ทั้งในระยะยืนและระยะนอน มีการต่อสู้ทั้งในรูปแบบการยืนต่อสู้ (Striking) และการต่อสู้ในรูปแบบการนอนต่อสู้ (Grappling) ทำให้ผู้ฝึก MMA ต้องมีทักษะการต่อสู้ที่หลากหลายและสามารถปรับตัวเข้ากับการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ ได้มีกฎกติกาที่ยืดหยุ่น MMA มีกฎกติกาที่ยืดหยุ่นกว่าศิลปะการต่อสู้บาง อย่างไรก็ตาม MMA ก็มีกฎกติกาที่เข้มงวดในเรื่องของความปลอดภัย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่รุนแรง
- มวยสากล (Boxing) : เป็นกีฬามวยที่ใช้หมัดเป็นอาวุธหลัก มีกติกาที่เป็นสากลและมีการแข่งขันในระดับนานาชาติ รวมถึงโอลิมปิก มีการแบ่งรุ่นตามน้ำหนัก และมีองค์กรควบคุมดูแลหลายแห่ง เช่น WBC, WBA, IBF, WBO
- มวยปล้ำ (WWE) : WWE ย่อมาจาก World Wrestling Foundation เป็นการต่อสู้ที่เน้นการจับล็อกและทุ่มคู่ต่อสู้ มีทั้งแบบสมัครเล่นและอาชีพ มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น มวยปล้ำฟรีสไตล์, มวยปล้ำเกรกโกร-โรมัน และมวยปล้ำอาชีพในปัจจุบันนี้กีฬามวยปล้ำได้รับความนิยมอย่างมากเห็นได้จากการแข่งขันหลายรายการ
- มวยจีน (กังฟู) : เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีหลากหลายรูปแบบและหลายสำนัก มีทั้งการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และอาวุธต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคนิคการจับล็อก ทุ่ม และการควบคุมคู่ต่อสู้ กังฟูไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิลปะการต่อสู้ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาและวัฒนธรรมจีน การฝึกกังฟูเป็นการฝึกทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเน้นความมีสติ ความอดทน และความเคารพ มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีน
มวยมีกี่รุ่น การแบ่งน้ำหนักนักมวย
การแบ่งรุ่นน้ำหนักในมวยสากลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย องค์กรที่จัดการแข่งขัน เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขันแต่โดยทั่วไปแล้วจะมีการแบ่งรุ่นน้ำหนักออกเป็น 17 รุ่น ดังนี้
- รุ่นสตรอว์เวท (Strawweight) : ไม่เกิน 47.6 กิโลกรัม (105 ปอนด์)
- รุ่นไลท์ฟลายเวท (Light Flyweight) : 47.6 - 48.9 กิโลกรัม (105 - 108 ปอนด์)
- รุ่นฟลายเวท (Flyweight) : 48.9 - 50.8 กิโลกรัม (108 - 112 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท (Super Flyweight) : 50.8 - 52.2 กิโลกรัม (112 - 115 ปอนด์)
- รุ่นแบนตัมเวท (Bantamweight) : 52.2 - 53.5 กิโลกรัม (115 - 118 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท (Super Bantamweight) : 53.5 - 55.3 กิโลกรัม (118 - 122 ปอนด์)
- รุ่นเฟเธอร์เวท (Featherweight) : 55.3 - 57.1 กิโลกรัม (122 - 126 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท (Super Featherweight) : 57.1 - 58.9 กิโลกรัม (126 - 130 ปอนด์)
- รุ่นไลท์เวท (Lightweight) : 58.9 - 61.2 กิโลกรัม (130 - 135 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท (Super Lightweight) : 61.2 - 63.5 กิโลกรัม (135 - 140 ปอนด์)
- รุ่นเวลเตอร์เวท (Welterweight) : 63.5 - 66.6 กิโลกรัม (140 - 147 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท (Super Welterweight) : 66.6 - 69.8 กิโลกรัม (147 - 154 ปอนด์)
- รุ่นมิดเดิลเวท (Middleweight) : 69.8 - 72.5 กิโลกรัม (154 - 160 ปอนด์)
- รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท (Super Middleweight) : 72.5 - 76.2 กิโลกรัม (160 - 168 ปอนด์)
- รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท (Light Heavyweight) : 76.2 - 79.3 กิโลกรัม (168 - 175 ปอนด์)
- รุ่นครุยเซอร์เวท (Cruiserweight) : 79.3 - 90.7 กิโลกรัม (175 - 200 ปอนด์)
- รุ่นเฮฟวี่เวท (Heavyweight) : มากกว่า 90.7 กิโลกรัม (200 ปอนด์)
นักมวยในตำนาน
นักมวยที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดนักมวยตลอดกาลได้แก่
- ชูการ์ เรย์ โรบินสัน (Sugar Ray Robinson) : นักมวยผู้ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วย
ทักษะ ความเร็ว และความสามารถรอบด้านที่ไม่มีใครเทียบได้ คว้าแชมป์โลกเวลเตอร์เวท และมิดเดิลเวท 5 สมัย มีชื่อเสียงด้านความเร็ว ทักษะ และสไตล์การชกที่สง่างาม - มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) : นักมวยผู้เป็นที่รู้จักจากสไตล์การชกที่รวดเร็วและคล่องแคล่ว รวมถึงบุคลิกที่โดดเด่น และบุคลิกภาพที่โดดเด่น และยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคมอย่างมาก คว้าแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท 3 สมัย และเป็นเหรียญทองโอลิมปิก ค.ศ. 1960
- โจ หลุยส์ (Joe Louis) : แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่ครองแชมป์นานที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของอเมริกา มีความสามารถที่โดดเด่นจากการชนะแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทเมื่อปี ค.ศ. 1937 และครองแชมป์เฮฟวี่เวทนานที่สุดนานถึง 11 ปี 8 เดือน และป้องกันแชมป์ 25 ครั้ง
- ร็อคกี้ มาร์เซียโน (Rocky Marciano) : แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทคนเดียวที่เกษียณโดยไม่แพ้ใคร เริ่มต้นอาชีพมวยสมัครเล่น ก่อนจะเริ่มเป็นนักมวยอาชีพในปี ค.ศ.1947 ด้วยลีลาความดุดันไม่หยุดยั้งของมาร์เซียโน ทำให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างรวดเร็ว ชนะแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทเมื่อ ปี ค.ศ. 1952 โดยน็อก เจอร์ซีย์ โจ วอลคอตต์ อีกทั้งยังป้องกันแชมป์ได้ 6 ครั้ง เกษียณแบบไร้พ่ายในปี ค.ศ. 1956 ด้วยสถิติ 49-0 ชนะน็อก 43 ครั้ง
- เฮนรี อาร์มสตรอง (Henry Armstrong) : เป็นนักมวยเพียงคนเดียวที่ครองแชมป์โลกในสามรุ่นน้ำหนักพร้อมกัน มีสไตล์การชกที่ดุดันและกดดันคู่ต่อสู้ มีสไตล์การชกที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใช้การโจมตีที่หลากหลายและรวดเร็ว
- โรแบร์โต ดูรัน (Roberto Duran) : นักมวยชาวปานามา ผู้มีชื่อเสียงในด้านความดุดัน และพลังหมัดที่แข็งแกร่ง เป็นแชมป์โลกในสี่รุ่นน้ำหนัก ดูรันเป็นที่รู้จักในด้านความดุดันและความแข็งแกร่งในการชก เขาไม่เคยถอยหลังและมักจะกดดันคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เป็นนักมวยที่มีความทรหดอดทนสูง เขาสามารถรับการโจมตีที่รุนแรงและยังคงต่อสู้ต่อไปได้
- ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด (Sugar Ray Leonard): เลียวนาร์ดเป็นที่รู้จักในด้านทักษะการชกที่ยอดเยี่ยมและความเร็วในการเคลื่อนที่ เขาเป็นนักมวยที่มีความสามารถรอบด้าน และสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การชกของคู่ต่อสู้ได้เป็นหนึ่งใน "สี่ราชา" แห่งรุ่นเวลเตอร์เวท ร่วมกับ โรแบร์โต ดูรัน, มาร์วิน แฮกเลอร์, และ โธมัส เฮิร์นส์ อีกทั้งเลียวนาร์ดมีสไตล์การชกที่สวยงามและมีประสิทธิภาพ เขาเป็นนักมวยที่มีลีลาการชกที่น่าตื่นตาตื่นใจและสามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้
- ไมค์ ไทสัน (Mike Tyson) : อดีตนักมวยสากลอาชีพชาวอเมริกัน ผู้สร้างชื่อเสียงโด่งดังในฐานะแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นที่รู้จักจากสไตล์การชกที่ดุดันและทรงพลัง ไทสันมีพลังน็อกเอาต์ที่น่าทึ่ง เขาสามารถน็อกคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว และเด็ดขาด
- แมนนี่ ปาเกียว (Manny Pacquiao) : เริ่มต้นอาชีพมวยสากลอาชีพในปี 1995 เมื่ออายุ 16 ปี ในรุ่น Flyweight เขาไต่เต้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักจากความเร็ว พลังหมัด การเป็นนักมวยถนัดซ้ายทำให้คู่ต่อสู้ปรับตัวยาก และเขามักใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการชก และสไตล์การชกที่ดุดัน จนสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลก 12 รุ่นใน 8 รุ่นน้ำหนัก
- ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Mayweather Jr.) : นักมวยผู้มีสถิติไร้พ่าย ผู้มีทักษะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยม โดยเค้าเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุยังน้อย โดยได้รับการฝึกสอนจากพ่อและลุงของเขา จนประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับมวยสมัครเล่น โดยมีสถิติ 84-6 และได้รับรางวัลเหรียญทองแดงในรุ่น Featherweight ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1996 ที่แอตแลนตา จากนั้นเริ่มต้นอาชีพมวยสากลอาชีพในปี 1996 ในรุ่น Super Featherweight และไต่เต้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รู้จักจากทักษะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยม ความเร็ว และความแม่นยำในการออกหมัด จนสามารถสร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นแชมป์โลก 15 รายการใน 5 รุ่นน้ำหนักที่แตกต่างกัน ได้แก่ Super Featherweight, Lightweight, Light Welterweight, Welterweight และ Light Middleweight
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โปรแกรมมวยไทยวันนี้ ตารางมวยไทย ลิ้งก์ดูมวยสด
- ผลมวย ผลมวยไทยประจำวัน ผลมวยไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เช็กผลมวยไทย
- โปรแกรมศึกจ้าวมวยไทย มวยไทยช่อง 3 พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด
- โปรแกรมมวยช่อง 7 มวยไทย 7 สี ตารางมวยไทย ลิ้งก์ดูมวยสด
- โปรแกรมมวย วัน ลุมพินี ONE LUMPINEE พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด
- โปรแกรมมวยไทย มวยมันส์วันศุกร์ พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด