ซูโม่นั้นจัดเป็นสมบัติที่ชาวญี่ปุ่นต้องการเก็บรักษาไว้ ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่มีการสืบทอดต่อกันมา ซึ่งคนโดยทั่วไปอาจจะมองว่ากีฬาชนิดนี้ เน้นคนที่ตัวใหญ่ก็ชนะได้แล้ว แต่ในความจริงนั้น กีฬาซูโม่ต้องมีการฝึกฝน ต้องมีการทรมานร่างกาย กว่าจะกลายเป็นนักกีฬาซูโม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ภาพโดย Ismael Torres Dominguez จาก Pixabay แต่เดิมนั้น ซูโม่เป็นการแสดงเพื่อการบูชาเทพเจ้าของชาวญี่ปุ่น เมื่อมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรแล้วได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ต่อมาการปล้ำซูโม่ได้แพร่หลายออกไป และเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจจากราชสำนัก ในศตวรรษที่ 8 จึงได้นำมาใช้ในการทหาร เพื่อทำการคัดเลือกทหารที่มีร่างกายใหญ่โตไปเป็นนักมวยปล้ำ ใช้ในการสร้างความบันเทิงให้กับชาวราชสำนัก การแข่งขันซูโม่ที่ดูต้องใช้ทักษะความแข็งแรงของร่างกาย แต่ผลการตัดสินนั้นตัดสินจากคนที่ถูกทำให้ออกจากวงกลมหรือคนที่ถูกจับกดลงไปที่พื้นนั้นเป็นผู้แพ้ ในการแข่งขันเริ่มแรก นักกีฬาซูโม่ จะขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับหยิบเกลือมาสาดลงบนสนาม ซึ่งจำนวนการสาดเกลือนั้นจะขึ้นกับระดับของแต่ละคน ซึ่งคนที่เก่งมาก ๆ จะอยู่ในระดับสูง และจะออกมาใช้การแข่งช่วงท้ายการแข่งขัน ซึ่งในเวทีจะมีเส้นสีขาว 2 เส้น โดยนักกีฬาจะต้องเตรียมตัวอยู่หลังเส้นของตน เมื่อกรรมการยกพับให้เริ่มทำการต่อสู้ได้ ภาพโดย David Mark จาก Pixabay ระดับขั้นของนักกีฬาซูโม่แบ่งออกได้ 6 ระดับ :-:-: โยโคสึนะ แชมป์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด :-:-: โอเซกิ :-:-: มาคุโนะอุจิ :-:-: เซกิวาเกะ :-:-: โคมุซูบิ :-:-: มาเอะกะชิระ จัดเป็นผู้เล่นระดับเริ่มต้น ภาพโดย Bob Fisher จาก Unsplash ซึ่งการเป็นนักกีฬาซูโม่ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังมีแผนปฏิบัติที่ตายตัว ที่นักกีฬาซูโม่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งในแต่ละวันนักกีฬาซูโม่ต้องรับประทานอาหารมากถึง 8000 แคลอรีต่อวัน ต้องตื่นขึ้นมาฝึกในเวลาเช้า 5.00 - 6.00 น. โดยจะต้องไม่รับประทานอาหารเช้า หลังจากฝึกเสร็จเท่านั้น ให้รับประทานอาหารกลางวัน แล้วต้องไปงีบและตื่นมารับประทานอาหารเย็น ซึ่งเป็นอาหารมื้อใหญ่ ที่รู้จักกันดีก็คือหม้อไฟ หรือที่มีชื่อเรียกว่า “จังโกะนาเบะ” เป็นหม้อไปที่เต้มไปด้วยโปรตีนและผักเป็นหลัก และนักกีฬาทุกคนจะต้องเข้านอนทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ซึ่งนักกีฬาซูโม่ต้องนอนด้วยหน้ากากช่วยหายใจ สำหรับนักกีฬาที่อ้วนจนหายใจตามปกติไม่สะดวก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายจะเป็นนักกีฬาซูโม่เลย สุดท้ายนี้ นักกีฬาซูโม่ที่มีร่างกายดูอ้วน แต่ภายใต้ความอ้วนนั้นมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มีแต่ไขมัน การฝึกซ้อมนั้นต้องเป็นไปตามแผนปฏิบัติเพื่อรักษาร่างกายให้ใหญ่โต และรักษาพละกำลังไว้ใช้ในการแข่งขัน ถึงกีฬาชนิดนี้จะมีความยากลำบากอยู่มาก แต่เป็นกีฬาที่ชาวญี่ปุ่นรักและหวงเหมือนเป็นสมบัติ ดังนั้นตั๋วที่นั่งดูการแข่งขันจึงหมดในทุกรอบที่มีการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น และนับเป็นกีฬาที่เงินดีมากอีกกีฬาหนึ่ง ที่ทำให้มีผู้สนใจสมัครเป็นนักกีฬาซูโม่ และมีการแข่งขันจนถึงปัจจุบัน